หมอดูยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 783 ข่าวของซ่งเสี่ยวหลง

ตอนที่ 783 ข่าวของซ่งเสี่ยวหลง
“เลิกโม้ได้แล้ว จะเชื่อหรือไม่แล้วแต่คุณ ผมวางสายล่ะ”

ในความทรงจำของเยี่ยเทียน มาลาไกย์ผู้เป็นสุภาพบุรุษคนนั้นหายไปแล้ว สุนัขที่ไม่เห่านี่กัดเจ็บจริงๆ เยี่ยเทียนไม่เคยคิดเลยว่า มาลาไกย์ผู้ซึ่งสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจนั้น จะมีชีวิตแง่มุมนี้เหมือนกัน

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ สถานที่ๆทหารจากนานาชาติเดินทางเข้าออกตลอดนั้น ส่วนใหญ่มักเป็นสมรภูมิรบ

พวกเขาเหมือนใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อหาเงิน วันนี้ยังอยู่ พรุ่งนี้อาจจะตายก็ได้ ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดเก็บออม เมื่อหาเงินมาได้ถ้าไม่เอาไปละลายในบ่อนก็หมดไปกับเรื่องผู้หญิง

วางสายจากมาลาไกย์แล้ว เยี่ยเทียนไตร่ตรองครู่หนึ่งค่อยกดเบอร์โทรศัพท์มือถือของจู้เหวยเฟิง

“ฮัลโหล ใครครับ?” เสียงของจู้เหวยเฟิงที่รับโทรศัพท์ฟังดูเหนื่อยอ่อน

“ฉันเยี่ยเทียน เหล่าต่งตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

เยี่ยเทียนไม่ทักทายให้เสียเวลา เขาถามถึงต่งเซิงไห่ว่าเป็นอย่างไร แม้เหตุการณ์ในเมืองไทยเกิดขึ้นเพราะความโลภของจู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่ทั้งคู่ แต่ราชครูแห่งประเทศไทยคนนั้นกลับมาลงมือที่เยี่ยเทียน

“เยี่ยเทียน?!”

เสียงจู้เหวยเฟิงแหลมแปร่งขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงแก้วแตกดังมาตามสาย เพราะเขากำลังนั่งจิบไวน์อยู่ในบ้านและตกใจจนแก้วไวน์หล่นลงพื้น

จู้เหวยเฟิงไม่สนใจรอยเปื้อนจากไวน์แดงที่หกรดกางเกงและรองเท้า เขาตะโกนเข้ามาในสาย “เยี่ยเทียน นายไม่เป็นไรใช่ไหม เฮ้อ ฉันกังวลแทบแย่แหนะ!”

สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นแต่มันช่างห่างไกลจากชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาเกินกว่าจะสนใจ

แต่จู้เหวยเฟิงไม่เหมือนคนอื่น ข่าวกรองที่ส่งมาจากมอสโควนั้น เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของเยี่ยเทียน

ลำพังเรื่องขบวนการใต้ดินในมอสโคว จู้เหวยเฟิงไม่ได้รู้สึกตกใจ เพราะเขารู้ว่าเยี่ยเทียนร้ายกาจแค่ไหน

แต่หลังจากข่าวการเสียชีวิตของลอฟสกี้ถูกเผยแพร่มาถึงประเทศจีน ทำให้จู้เหวยเฟิงตกใจมาก เข้าไม่คิดว่าเยี่ยเทียนจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้

ตำแหน่งของลอฟสกี้ในรัสเซียนั้น เกือบจะเท่าๆกับผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเลยทีเดียว ถ้าเสียชีวิตไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ทางการรัสเซียจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่?

เป็นอย่างที่จู้เหวยเฟิงคิดไว้ การซ้อมรบทางทหารของกองทัพรัสเซียทำให้คนทั้งโลกแตกตื่น และสิ่งที่ยิ่งทำให้จู้เหวยเฟิงใจคอไม่ดีนั้นคือหลังจากการซ้อมรบจบลง เยี่ยเทียนก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หลายเดือนที่ผ่านมา จู้เหวยเฟิงใช้เส้นสายที่รู้จักคอยสืบข่าวของเยี่ยเทียนมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ความ จนเขาคิดว่าเยี่ยเทียนอาจจะถูกตัดสินโทษประหารชีวิตไปแล้วก็ได้

พอรับโทรศัพท์ได้ยินเสียงเยี่ยเทียนอีกครั้ง คุณชายจู้ดีใจมาก และทั้งตกใจเหมือนกัน ตอนที่ได้ยินเสียงเยี่ยเทียนเขาเกือบจะตกเก้าอี้แล้ว

“ถ้ามีเรื่องจริงๆ ผมยังจะโทรหาคุณได้อีกหรือ?”

เยี่ยเทียนกลอกตา ปฎิกิริยาของเจ้านี่กับมาลาไกย์เหมือนกัน เพราะต่างก็คิดว่าเยี่ยเทียนน่าจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว?

“เยี่ยเทียน นายอยู่ที่ไหน นี่เป็นเบอร์ต่างประเทศนี่?”

จู้เหวยเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อให้ใจเย็นลง “นายบอกสถานที่มา ฉันจะบินไปหาทันที ต้องขอบคุณนายจริงๆ เรื่องนั้นทำได้ดีมากเลย!”

จู้เหวยเฟิงโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเสียเปรียบครั้งไหนร้ายแรงเท่าตอนที่อยู่เมืองไทย เขาไม่เพียงต้องยอมก้มหัวให้คนอื่น ชีวิตก็เกือบเอาตัวไม่รอดทำให้ต่งเซิงไห่ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจนตัวเองพิการ

เยี่ยเทียนกวาดล้างขบวนการใต้ดินในรัสเซีย ทั้งยังฆ่าฟรุสที่ไซบีเรียด้วย เมื่อรู้ข่าวนี้จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่ดีใจฉลองจนดื่มเหล้าเหมาไถหมดเป็นลัง

“อีกไม่กี่วันฉันก็กลับแล้ว คุณไม่ต้องมาหรอก”

เยี่ยเทียนรีบห้ามจู้เหวยเฟิงไว้ “เหล่าต่งเป็นยังไงบ้าง? ต่งต้าจ้วงนั้นฉันส่งเขากลับประเทศไปแล้ว ยังมีลูกชายคนหนึ่งติดตามไปด้วย”

“เยี่ยเทียน ตอนนั้นเหล่าต่งแทบจะก้มกราบนายสามครั้ง เรื่องนี้นายทำได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ฉันขอบคุณนายแทนเหล่าต่งด้วย ไม่งั้น ฉันก้มกราบนายสามครั้งแทนดีไหม?”

จู้เหวยเฟิงเป็นผู้ใหญ่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ถ้อยคำแบบนี้คุยกับคนอื่น เขาติดหนี้ชีวิตต่งเซิงไห่ ต่อให้เขาต้องก้มกราบโขกหัวให้เยี่ยเทียนหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ยินดี

“บ้าเหรอ ผมยังไม่ตาย คุณมาโขกหัวให้ผมทำไม?”

เยี่ยเทียนบอกปัด ฟังดูแล้วต่งเซิงไห่ไม่น่าจะอยู่กับจู้เหวยเฟิงตอนนี้ เขาจึงสบถด่าออกมาได้หลายคำ แล้วถามต่อว่า “เหล่าต่งล่ะ อยู่ที่ไหน?”

“เดือนที่แล้วเหล่าต่งไปที่ซานฟรานซิสโกแล้ว เขามีธุรกิจเล็กๆอยู่ที่นั่น เยี่ยเทียน นายวางใจเถอะ ฉันจัดการให้คนติดตามเขาไปด้วย เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง”

แค้นใหญ่ต้องชำระ ในตระกูลยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขหลงเหลืออยู่ ต่งเซิงไห่ค่อยๆฟื้นตัวกลับมาได้

เขาอยู่ต่างประเทศมาเกินครึ่งชีวิต จึงไม่อยากอยู่ในเมืองจีนนาน สุดท้ายจึงยืนยันจะเดินทางกลับไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ของสมาคมหงเหมินในซานฟรานซิสโก ที่นั่นเขายังมีกิจการอยู่ที่อยากจะสืบทอดให้กับบุตรชายต่อไป

“อืม ชะตาของเหล่าต่งต้องพบกับเคราะห์กรรมครั้งนี้ ไม่ตายก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ต่อไปเขาจะได้เสพสุขในบั้นปลายชีวิตเสียที”

ฟังจู้เหวยเฟิงพูดจบ เยี่ยเทียนพยักหน้ารับ “หลังจากฟรุสตายแล้ว ค่ายมวยใต้ดินที่ญี่ปุ่น เมืองไทยแล้วก็รัสเซียเป็นยังไงบ้าง?”

“วุ่นวาย วุ่นวายยิ่งกว่ามดแตกรังเสียอีก!”

จู้เหวยเฟิงยิ้มฝืน “สนามมวยใต้ดินในรัสเซียถูกฟรุสควบคุมอยู่คนเดียว พอมังกรไม่มีหัว คนจากที่อื่นก็ยื่นมือเข้ามาเกี่ยว แย่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร!”

ค่ายมวยใต้ดินในเอเชียเหล่านี้ ต่างเป็นตลาดที่พรั่งพร้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นกับไทย ถ้าเทียบกับที่ลาสเวกัสนั้นยังดีกว่าด้วยซ้ำ พอฟรุสตาย ตอนนี้จึงมีแต่ฝูงจระเข้ที่เฝ้าคอยจะขย้ำชิ้นเนื้อสองชิ้นนี้

ตอนมีชีวิตอยู่ฟรุสแข็งแกร่งมาก พอเขาตายไปก็ไม่มีใครเข้ามาควบคุมงานของเขาได้ ดังนั้นนอกจากเหตุกาณ์นองเลือดที่เพิ่งเกิดขึ้นในมอสโก ในประเทศไทยกับญี่ปุ่นได้มีคนตายจากการแก่งแย่งกันทุกวี่วัน

“หมาป่าต้องกินเนื้อ ให้พวกเขาแย่งกันไปเถอะ!” เยี่ยเทียนเลิกคิ้วสูง หัวเราะแล้วถามต่อ “คุณล่ะ คุณเองก็มีโอกาสดีเหมือนกันนี่ ยังไม่ลงมืออีกเหรอ?”

“ฉัน?”

จู้เหวยเฟิงถอนหายใจแล้วตอบว่า “เยี่ยเทียน ฉันไม่ปิดบังหรอกว่าครั้งนี้น่ะฉันแย่เลย ค่ายมวยในจีนถูกปิดหมด อย่าว่าแต่ต่างประเทศเลย….”

จู้เหวยเฟิงทำธุรกิจอะไร พวกผู้อาวุโสในประเทศต่างรับรู้ เพียงแต่ยังเห็นแก่ดวงวิญญาณของปู่ของเขา จึงได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่มีใครไปเข้มงวดอะไรกับเขามาก

แต่ครั้งนี้เหตุที่เกิดในรัสเซีย สืบสาวไปมาดันไปเกี่ยวข้องกับจู้เหวยเฟิง เรื่องจึงใหญ่โตขึ้น

หลังจากลอฟสกี้ตายแล้ว จู้เหวยเฟิงถูกสอบสวนอยู่เป็นเดือนกว่า ข่าวเพิ่งจะซาลงเขาเลยเพิ่งได้รับอิสระเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ตลาดมวยใต้ดินของเขาคงเปิดต่อไปไม่ได้แล้ว

เมื่อเรื่องนี้จบลง นิสัยชอบความตื่นเต้นท้าทายของจู้เหวยเฟิงลดลงมาก เมื่อเดือนก่อนนี่เองเขาขายค่ายมวยออกไป ตอนนี้เหมือนจะมีแค่ข้าราชการคนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังทำการค้าด้วยการพนัน

“แบบนี้ก็ดี เอาเถอะ ผมยังมีธุระอีก แค่นี้แหละ!”

เมื่อไต่ถามถึงข่าวคราวที่ตนอยากรู้แล้ว เยี่ยเทียนไม่อยากคุยกับจู้เหวยเฟิงต่อจึงตัดสายไป เจ้านั่นดูท่าจะถูกกระทบกระเทือนไม่น้อย แม้ในสายโทรศัพท์ยังรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อย

หลังจากวางสายแล้ว เยี่ยเทียนกดเบาๆบนแป้นโทรศัพท์อีกครั้ง สายนี้ที่กำลังโทรออกไปต้องถูกปลายสายบ่นจนหูชาแน่

เขานึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วกดเบอร์มือถือของมารดา เสียงรอสายดัง “ตู้ด ตู้ด” ทำให้เยี่ยเทียนผู้ปกติไม่เดือดเนื้อร้อนใจกลับหัวใจเต้นระรัว

ปลายสายรับสายแล้ว เยี่ยเทียนรีบยิ้มออกมาจนแก้มปริ “แม่ นี่ผมเอง เยี่ยเทียน”

“เด็กบ้า แกยังอุตส่าห์รู้จักโทรกลับมาบ้านอีกหรือ? แกยุ่งเรื่องอะไรอยู่ ไม่ส่งข่าวมาตั้งหลายเดือน? ถ้าแกยังไม่กลับมาเมียแกจะหนีไปอยู่ที่อื่นแล้วนะ!”

ปกติซ่งเวยหลันคุยกับคนอื่นจะพูดด้วยน้ำเสียงเล็กเบานุ่มนวล มีแค่สามีและกับบุตรชายที่มักทำให้เธอกลุ้มใจอยู่เรื่อย ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงดุดันราวกับแม่เสือ

“เอ๋? แม่ แม่ไม่รู้หรือว่าผมไปทำอะไรมา?”

เยี่ยเทียนทำหน้าไม่ถูก เขาเดาว่าตัวเองน่าจะถูกผู้เป็นตาใช้ลูกเล่นเข้าให้แล้ว ตาของเขาต้องหาเหตุผลอะไรบางอย่างมาเพื่อปิดบังเรื่องร้ายแรงที่ตัวเขาก่อขึ้น

เรื่องจริงก็เป็นดังนั้น ซ่งเฮ่าเทียนกลัวว่าบุตรสาวจะกังวลใจ จึงบอกเธอว่าเยี่ยเทียนไปทำธุระที่ต่างประเทศ น่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะติดต่อกลับมาได้

ไม่เช่นนั้นซ่งเวยหลันยังจะมีจิตใจอยู่ในปักกิ่งนี้ต่อได้หรือ เกรงว่าเธอคงจะเกณฑ์ทหารรับจ้างเป็นพันคนบุกไปถึงรัสเซียให้ได้

คำตอบของบุตรชายทำให้เธอหงุดหงิด “ตาของแกน่ะก็ทำลับๆล่อๆไม่ยอมบอกความจริงกับฉัน ฉันจะรู้ไหมว่าแกไปทำอะไรมา? ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน?”

ซ่งเวยหลันเชื่อมั่นในตัวบิดาของเธอมาก เธอจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องความปลอดภัยของบุตรชาย เพียงแต่กล่าวโทษเขาที่ไม่ติดต่อกับคนที่บ้านเลย

“แม่ ผมอยู่ที่เคปทาวน์ แอฟริกาใต้ อย่างช้าอีกสัปดาห์หนึ่งผมถึงจะกลับ!”

ฟังคำกล่าวหาของมารดาแล้ว เยี่ยเทียนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเผชิญหน้ากับศัตรูได้โดยไม่หวาดหวั่น แต่กับคนในครอบครัวเขาให้ความสำคัญมาก

“ลูกอยู่ที่เคปทาวน์? ลูกไปทำอะไรที่นั่น?” พอรู้ที่อยู่ของลูกชายแล้ว น้ำเสียงของซ่งเวยหลันที่ส่งผ่านสายโทรศัพท์มาฟังดูผิดแปลกไปจากเดิม

“แม่ ทำไมหรือครับ? มีอะไรหรือเปล่า?” แม้เขาจะอยู่ร่วมกับมารดาได้ไม่นาน แต่เยี่ยเทียนฟังออกว่ามารดากำลังกังวลอะไรบางอย่าง

ซ่งเวยหลันตอบปฏิเสธทันใด “เปล่า ไม่มีอะไรจ้ะ ลูกรีบกลับมาก็แล้วกัน แล้วอยู่ที่นู่นก็ต้องระวังตัวด้วย แอฟริกาใต้ไม่ค่อยสงบเรียบร้อย!”

“แม่ มีเรื่องปิดบังผมใช่ไหม?” เยี่ยเทียนขมวดคิ้ว จู่ๆก็โพล่งขึ้นว่า “แม่ หรือว่าซ่งเสี่ยวหลงจะอยู่ที่แอฟริกาใต้เหมือนกัน?”

ความผูกพันของมารดากับซ่งเสี่ยวหลงนั้นเยี่ยเทียนพอเข้าใจ แม้ซ่งเสี่ยวหลงจะทำเรื่องผิดต่อเธอ แต่ซ่งเวยหลันก็ยังไม่รู้ว่าจะลงโทษเขาอย่างไร

หมอดูยอดอัจฉริยะ

หมอดูยอดอัจฉริยะ

ในยุคสมัยหลังการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ ประเทศจีนเริ่มพัฒนาสู่ความทันสมัย ผู้คนต่างหันไปพึ่งวิทยาการตะวันตก ถ้าใครแสดงออกว่าสนใจเกี่ยวกับ “ศักดินางมงาย” อาจมีตำรวจมาเยี่ยมถึงบ้าน เยี่ยเทียน เด็กชายจากหมู่บ้านชาวนาผู้มีชะตาไม่ธรรมดา มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดศาสตร์โบราณที่ถูกตีตราว่าล้าหลังและงมงาย เสี่ยงทาย ฮวงจุ้ย คำนวณชะตา โหงวเฮ้ง ทำนายฝัน ดูฤกษ์… เขาจะใช้ทักษะเหล่านี้ (และอื่นๆ) อย่างไรในยุคสมัยเช่นนี้?

Options

not work with dark mode
Reset