หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 260 หวั่นไหวต่อผลประโยชน์ ลอบวางแผนการค้าขายยา (4)

ตอนที่ 260 หวั่นไหวต่อผลประโยชน์ ลอบวางแผนการค้าขายยา (4)

ชุ่ยเวยยังอยากแบ่งยาเม็ดให้ทุกคน เหตุเพราะเห็นเหยาเหยียนอี้ทำหน้าเย็นชา นางเลยตกใจจนไม่กล้าส่งเสียง

เหยาเหยียนอี้บอกหนิงฮูหยินน้อย “ดูแลน้องสาวให้ดี”

หนิงฮูหยินน้อยตอบกลับ “ท่านพี่วางใจเถอะ”

เหยาเหยียนอี้พยุงเหยาเยี่ยนอวี่ไปพิงบนตั่งไม้แล้วเอาผ้าห่มผืนหนึ่งมาห่มให้นาง ถึงจะค่อยๆ ลุกขึ้นพลางกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ในห้องโดยสารพร้อมพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “พวกเจ้าออกไปก่อน สั่งให้ทุกคนบนเรือลำนี้ไปรวมตัวกันที่ดาดฟ้าเรือ ข้ามีอะไรจะพูด”

ทุกคนได้ยินต่างไม่กล้าชักช้า โดยเฉพาะคนที่กินคื่นฉ่ายพิษเข้าไปยิ่งต้องการให้คุณชายรองเหยาแจกจ่ายยาเม็ดแก้พิษให้เร็วที่สุด ถึงแม้คนเหล่านี้จะไม่แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ทว่าดูจากอาการของคุณหนูรอง แล้วยังมีแม่ครัวที่เพิ่งสิ้นใจเมื่อครู่นี้ ทุกคนต่างก็อกสั่นขวัญแขวน

เรือลำนี้เป็นเรือที่หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่ใช้เดินทาง เหล่าผัวจื่อและสาวใช้ของตระกูลเหยาที่อยู่บนเรือนี้ ส่วนบ่าวรับใช้ชายนอกจากเป็นคนขับรถและครอบครัวของบ่าวรับใช้ชายแล้ว บนเรือก็ไม่มีใครอื่นใดอีก แม้กระทั่งพวกเว่ยจางยังอยู่บนเรืออีกลำ

ดังนั้นเหยาเหยียนอี้ไม่ได้ขานเรียกชื่อของบ่าวรับใช้โดยแยกชายหญิงแค่สั่งการ “คนที่กินคื่นฉ่ายพิษยืนฝั่งนี้ ส่วนคนที่ไม่ได้กินยืนฝั่งโน้น”

จากนั้นก็มีคนยี่สิบสามสิบคนต่างก็สาวเท้าเดินด้วยความกระวนกระวายใจ ไม่นานพวกบ่าวรับใช้ก็แบ่งเป็นสองฝ่าย

บ่าวรับใช้เกินครึ่งยืนอยู่ฝั่งนี้ ส่วนมากคือผัวจื่อและสาวใช้ มีบุรุษเพียงคนเดียว เหมือนจะเป็นสามีของแม่ครัวที่สิ้นใจไปเมื่อครู่นี้

ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมีเพียงเจ็ดคน มีคนขับเรือสองคน และบ่าวรับใช้ชายอีกสามคน แล้วมีบ่าวรับใช้หญิงอีกสองคน หนึ่งคนคือจินหวน อีกคนคือผัวจื่อในโรงครัว

เหยาเหยียนอี้ถามฝั่งที่กินคื่นฉ่ายพิษก่อน “พวกเจ้ากินคื่นฉ่ายน้ำประเภทใด มีพยานหรือไม่”

ทุกคนต่างแย่งกันตอบกลับว่า “มี”

คนพวกนี้ไม่ได้เป็นนายคนจึงไม่มีทางกินข้าวตามลำพัง พวกนางกินหรือไม่ได้กินอะไรไปโดยทั่วไปแล้วก็ไม่ใช่ความลับอะไร

ดังนั้นจึงมีผัวจื่อสองคนถูกผลักออกมาจากท่ามกลางผู้คนกลุ่มนี้ พวกนางไม่ได้กินคื่นฉ่ายป่า เฝิงหมัวมัวและหมัวมัวคนสนิทของหนิงฮูหยินน้อยต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน ผัวจื่อสองคนนี้ไม่ชอบกลิ่นและรสชาติของคื่นฉ่ายประเภทนี้

“ยอดเยี่ยม พวกเจ้ากลับยังคิดจะปิดฟ้าข้ามมหาสมุทรอีก” เหยาเหยียนอี้ยิ้มอย่างเลือดเย็นแล้วมองบ่าวเจ็ดคนที่อยู่ฝั่งโน่นพร้อมขมวดคิ้วพลางผายมือ “จับสองคนนั้นและเจ็ดคนนั้นไว้!”

“ได้โปรดคุณชายรองอภัย!”

“คุณชายรอง! บ่าวถูกใส่ความ!”

“พวกเราไม่ได้เป็นคนทำ! บ่าวยังไม่เคยลงเรือเลย!”

บ่าวทั้งเจ็ดคนนั้นต่างก็คุกเข่าลงบนพื้นแล้วร้องไห้อ้อนวอนด้วยเสียงเศร้า

เว่ยจายผายมือ มีคนเข้ามาจับกุมทั้งเก้าคนนั้นไว้ทันที

เรื่องต่อไปก็ไม่ต้องให้เหยาเหยียนอี้คอยวิตกกังวลอีก เขาแค่แจกจ่ายยาเม็ดให้ทุกคนแล้วเข้าไปดูอาการบุตรีและน้องสาวจึงได้มอบอำนาจทั้งหมดให้เว่ยจางจัดการต่อ ทั้งเก้าคนนี้ถูกกักขังไว้ใต้ท้องเรือ แม่ทัพเว่ยเคยสอบสวนคนเหล่านี้จึงรู้ว่ามีสองคนเป็นไส้ศึก แต่การจัดการบ่าวรับใช้เช่นนี้ง่ายเหมือนแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น

คนๆ นี้ก็คือผัวจื่อที่โกหกว่ากินคื่นฉ่ายพิษเข้าไป อีกคนที่สุมหัวโกหกกับนาง ที่แท้ผัวจื่อสองคนนี้มีความสัมพันธ์เป็นน้องสาวสามีกับพี่สะใภ้ ก่อนขึ้นเรือผัวจื่อหนึ่งคนถูกสั่งให้ไปซื้อผัก นางเลยถูกคนยัดเงินสองตำลึงให้ แล้วคนๆ นั้นบอกว่าคุณชายน้อยของพวกเขาถูกนายท่านไล่ออกจากบ้านและต้องการเลี้ยงชีพด้วยตนเอง เขาขายผักอยู่ฝั่งโน้น เหตุเพราะยังไม่เคยทำการค้าขายดังนั้นจึงขายของไม่ค่อยเป็นเลยอยากจะขอให้นางช่วยซื้อผักของเขาเยอะๆ หน่อย

ผัวจื่อคนนี้หวังได้เงินสองตำลึงนั้นจึงไปซื้อผักกับชายหนุ่มที่ใส่เสื้อผ้าสีสันสดใส ชายหนุ่มคนนั้นบอกว่านางซื้อผักเยอะ เลยให้ผักคื่นฉ่ายน้ำกับนางหนึ่งตะกร้า แล้วยังบอกว่าผักชนิดนี้เลิศรสยิ่งนัก เขายังช่วยขนผักตะกร้านั้นขึ้นเรือ

ผัวจื่อคนนี้ไม่รู้ว่าผักชนิดนี้มีพิษ ตอนนั้นนางไม่ได้กินผักชนิดนี้ก็เพราะว่าตอนที่ขนผักขึ้นเรือกลิ่นของผักไม่ค่อยดีจริงๆ หลังจากที่ยำด้วยเครื่องปรุงต่างๆ กลิ่นของผักก็ถูกกลบไปมาก คนอื่นเลยไม่ทันสังเกตเห็น ทว่าภายในใจของนางรู้สึกไม่สบายจึงชักชวนไม่ให้น้องสาวสามีกินอาหารจานนี้ด้วย

เว่ยจางฟังคำสารภาพของผัวจื่อคนนี้เลยพึมพำด้วยเสียงเรียบแล้วเอ่ยถาม “หากเจ้าได้เจอคนๆ นั้นอีกครั้งยังจำหน้าเขาได้ไหม”

“ได้เจ้าค่ะ!” ผัวจื่อคนนั้นตอบกลับไม่หยุด

“ถ้าเจ้าให้ความร่วมมือดีๆ ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้ารอกลายเป็นอาหารป้อนปลาในแม่น้ำได้เลย” แววตาอันเฉียบคมของเว่ยจางจ้องตาผัวจื่อคนนั้นไว้ ผัวจื่อตกใจจนเรือนร่างสั่นประหนึ่งถูกสูบวิญาณออกจากร่าง

เดิมทีผัวจื่อคนนั้นคือบ่าวรับใช้ในตระกูลเหยา ทว่าถูกสองตำลึงเงินนั้นบดบังสายตา ตอนนี้นางก็เข้าใจในข้อดีและข้อเสียที่กระทำเช่นนี้ หลังจากที่ฟังคำสั่งของเว่ยจางจึงรีบโขกหัวไม่หยุด “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ! ได้โปรดท่านแม่ทัพวางใจ บ่าวไม่กล้าสร้างปัญหาอะไรอีก!”

เว่ยจางสั่งให้คนนำตัวนางลงไปและให้จับตามองนางอย่างดี ตนเองจึงรีบไปปรึกษาหารือกับเหยาเหยียนอี้

สำหรับเรื่องคื่นฉ่ายพิษ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีคนตั้งใจทำร้ายคนในเรือ หลังจากที่เว่ยจางครุ่นคิดอย่างละเอียดจึงไม่ได้รู้สึกว่าคนพวกนี้จะไปผิดใจกับใครได้ ทว่าพวกเขากลับใช้วีธีสกปรกแบบนี้มาทำร้ายคนทั้งเรือ

เหยาเหยียนอี้ได้ยินคำพูดของเว่ยจางจึงทอดถอนหายใจลากยาวแล้วเย้ยหยันตัวเอง “เรื่องโรคระบาดในชิ่งโจว ข้าเองที่โลภสร้างผลงานจนผลีผลามเกินไป”

เว่ยจางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “หญ้าตู๋จวีไม่เพียงแต่ทำให้ข้าหลวงผู้ปกครองชิ่งโจวรักษาตำแหน่งไว้ได้ แล้วยังช่วยชีวิตชาวบ้านมากมาย เหตุใดการกระทำคุณงามความดีเช่นนี้ถึงมีคนจ้องจะทำร้ายพวกเรา”

เหยาเหยียนอี้ถอนหายใจพลางส่ายหัว เขาเกิดเป็นบุตรชายคนรองจึงถูกเหยาหย่วนจือเลี้ยงดูสั่งสอนในการสะสางจัดการเรื่องทุกอย่างแต่เด็ก จึงถูกฝึกฝนให้เป็นคนที่ละมุนละม่อมไปทั่วทุกด้าน อำนาจและเงินช่วยคว้าได้ทุกโอกาส เขาเลยทำงานราบรื่นไปเสียทุกอย่าง จึงยึดถือผลประโยชน์ในการกระทำงานนั้นๆ เป็นหลัก

พอได้ยินปัญหาของเว่ยจาง ใต้เท้าเหยาส่ายหัวอย่างประหม่าแล้วพูดขึ้นลอยๆ “หญ้าตู๋จวีคือหญ้าที่พบเห็นทั่วไป ถูกพวกเราคิดค้นว่ารักษาโรคระบาดสำหรับชาวบ้านและตระกูลขุนนางก็ถือเป็นเรื่องดี ทว่าสำหรับร้านค้าขายเหล่านั้นกลับส่งผลด้านลบ อีกอย่างพวกเราก็ขึ้นเรืออย่างโอ่อ่าเยี่ยงนั้น คิดว่าคงไม่มีทางที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของทุกคนหรอก”

เว่ยจางคิดได้ทันที ภายในใจคิดว่าความคิดของตัวเองไม่รอบคอบพอ กลับนึกไม่ถึงขั้นนี้เลย

เหยาเหยียนอี้มองสีหน้ามัวหมองดั่งก้นหม้อของเว่ยจางจึงเปรยขึ้น “คนพวกนั้นไม่ได้คิดจะเอาชีวิตของพวกเรา น่าจะแค่ต้องการตักเตือนเท่านั้น”

“เช่นนั้นพี่เหยาหมายความว่าอะไร ไม่สืบเรื่องนี้ต่อแล้วหรือ”

พอครุ่นคิดถึงสีหน้าที่ซีดเซียวของแม่นางที่รัก แม่ทัพจึงโมโหขึ้นมาทันที หากเหยาเหยียนอี้ตัดสินใจถอย เขาก็ต้องสืบหาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่นอน เขาเว่ยจางเจอกับอุปสรรคและปัญหาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยกลัวเรื่องอะไรอยู่แล้ว

“ไม่!” เหยาเหยียนอี้ส่ายหัว “ต้องสืบ และสืบให้ถึงที่สุดด้วย ทว่าสืบหาความจริงอย่างเปิดเผยไม่ได้ ต้องกุมเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ข้าคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่นอน”

คุณชายรองเหยาทำสีหน้าอ่อนโยน แววตาเหมือนมองการณ์ไกล แม้กระทั่งมุมปากยังเคล้าด้วยรอยยิ้ม คำพูดที่กล่าวออกมากลับเลือดเย็นยิ่งนัก

เว่ยจางมองไปยังทิศทางสายตาของเหยาเหยียนอี้จึงหันหน้าตาม…ก็เห็นว่านั่นคือทิศทางไปเมืองหลวงอวิ๋น ดังนั้นแม่ทัพเว่ยจึงแค่นเสียงเย็นชา “ไม่ว่าจะเป็นใคร แค่ข้าสืบหาจนเจอต้องไม่ปล่อยให้ลอยนวลแน่นอน”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset