หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 308 คณะละครขวางทาง เหิงอ๋องออกหน้าออกตา (5)

ตอนที่ 308 คณะละครขวางทาง เหิงอ๋องออกหน้าออกตา (5)

อวิ๋นหมินกลับไม่เข้าไปในซูเย่ว์จาย แค่ยืนอยู่ตรงประตูสักพักแล้วสั่งให้ขันทีคนสนิทมา “จ้งซิ่น เจ้าไปดูว่านางจะผ่านทางนี้หรือไม่”

จ้งซิ่นไม่เอ่ยถามให้มากความแม้แต่คำเดียว ค้อมตัวตอบกลับว่า ‘พ่ะย่ะค่ะ’ แล้วหันหลังเดินจากไป

เหยาเฟิ่งเกอช่วยงานหนิงฮูหยินน้อยมาทั้งคืน พอรู้ว่าสินเดิมเจ้าสาวไปถึงจวนแม่ทัพเว่ยแล้วจึงทอดถอนใจยาวแล้วพูดกับหนิงฮูหยินน้อยยิ้มๆ “ถือว่าเสร็จภารกิจใหญ่นี้เสียที ที่เหลือก็ค่อยยังชั่วแล้ว รอวันที่จะออกเรือนข้าค่อยมาอีกที”

หนิงฮูหยินน้อยเกลี้ยกล่อม “มิเช่นนั้นก็อยู่ต่อที่นี่เถอะ เจ้าไม่กลับไปหรือว่าพวกเขาจะมาตามตัวเจ้าถึงที่นี่ ในจวนฝั่งโน้นไม่มีเรื่องอะไรให้เจ้าต้องกังวลใจเสียหน่อย”

เหยาเฟิ่งเกอส่ายหน้า “แม้จะพูดเช่นนี้ในใจฮูหยินก็ย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้ยังห่างจากวันจัดงานอีกหลายวัน แม้ข้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องของจวนโหว แต่ในเรือนของพวกเราก็มีเรื่องเล็กเรื่องน้อยอยู่ไม่น้อย เมื่อคนพวกนั้นไม่เห็นข้าจะทำให้เรื่องในจวนวุ่นวายเสียเปล่า”

หนิงฮูหยินน้อยพูดยิ้มๆ “เจ้าน่ะกลุ้มใจเกินไปแล้ว ในความคิดของข้า รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจึงจะสำคัญที่สุด”

“ข้ารู้” เหยาเฟิ่งเกอมองท้องของหนิงฮูหยินน้อยด้วยความรื่นเริง “พี่สะใภ้มีข่าวดีอีกทีเมื่อใด หากมีหลานชายน้อยให้ข้าอีกสักคนได้ ข้าจะพาเย่ว์เอ๋อร์ย้ายมาอาศัยที่นี่แล้วคอยดูแลเจ้าเอง”

หนิงฮูหยินน้อยพร่ำบ่นด้วยรอยยิ้ม “ไร้สาระน่ะ ยังจะพูดถึงข้าอีก เรื่องนี้เจ้าเองก็ต้องเร่งรีบด้วย”

เหยาเฟิ่งเกอจึงหุบยิ้ม พอนึกถึงตั้งแต่ที่ตนเองมีบุตรี ซูอวี้เสียงก็ไม่ค่อยมานอนในเรือนของต นเริ่มตั้งแต่ตอนที่ไว้อาลัยองค์หญิงต้าจั่ง หลังจากผ่านมาหนึ่งเดือน เขายังคงนอนอยู่ด้านนอก มีบ้างที่กลับมากินมื้อค่ำและเยี่ยมเยียนเย่ว์เอ๋อร์ ตอนนี้แม้แต่หู่พั่วเขายังไม่สนใจ

นางก็เคยครุ่นคิดอย่างละเอียดว่าตนเองทำอะไรไม่ดีหรือไม่ ทว่าคิดไปคิดมาก็ไม่ได้คำตอบอะไร ทันใดนั้นภายในใจจึงรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก และรู้สึกโมโหขึ้นมา ดังนั้นจึงยิ้มจางๆ “ร่างกายของข้าก็ไม่คิดจะหวังอะไรมากมาย มีเพียงเย่ว์เอ๋อร์ข้าก็พอใจแล้ว”

“อย่าพูดเช่นนี้สิ อย่างไรมีบุตรชายคนหนึ่งถึงจะทำให้สบายใจ” หนิงฮูหยินน้อยเกลี้ยกล่อม

“เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว ข้าต้องกลับแล้วนะ” เหยาเฟิ่งเกอลุกขึ้นกล่าวอำลา

ไม่ว่าหนิงฮูหยินน้อยจะรั้งนางไว้อย่างไรนางก็แค่บอกว่ามีธุระจึงพาบุตรีขึ้นรถม้าออกจากจวนเหยา

เหตุเพราะนี่เป็นเวลาช่วงเช้า อากาศกำลังดี บนถนนคึกคักอย่างยิ่ง เหยาเฟิ่งเกอพิงอยู่ในรถม้าสะดวกสบายแล้วนึกถึงท่าทีช่วงนี้ของซูอวี้เสียง ภายในใจก็ยิ่งไม่มีความสุข

จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงกระดิ่งเงินส่งมา เป็นเสียงไพเราะเสนาะหูเหมือนเคยได้ยินมาก่อน

เหยาเฟิ่งเกอจึงเกิดความคิดยกมือเลิกม่านรถม้าขึ้น กลับเห็นบุรุษหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเคราคนหนึ่งยืนท่ามกลางผู้คนที่สัญจรไปมา เขาสวมผ้าต่วนสีเทาและมองมาทางนี้ เหยาเฟิ่งเกอตื่นเต้นจึงรีบปล่อยม่านรถม้าลง ผ่านไปสักพักถึงจะสั่งการ “ซานหู บอกสารถีอ้อมไปซูเย่ว์จายแล้วถามทางร้านว่ามีเกี๊ยวไข่ไส้กุ้งสับหรือไม่”

เกี๊ยวไข่กุ้งสับเป็นอาหารที่เหยาเฟิ่งเกอชอบกินที่สุด

เหยาหย่วนจือเป็นข้าหลวงใหญ่ผู้ปกครองสองเมืองมาแปดปีกว่า เหยาเฟิ่งเกออยู่ในเมืองเจียงหนิงมาห้าปี ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัยเยาว์ก็เสียไปกับตรงนั้น ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร หลังจากที่แต่งเข้ามาในเมืองหลวงอวิ๋น นางก็คิดถึงญาติมิตรทุกคน เฝ้าคะนึงถึงเจียงหนาน อาหารเขตตอนใต้ล้วนทำให้นางระลึกถึงบ้านเกิด

และซูเย่ว์จายก็เป็นร้านอาหารเจียงหนานที่โด่งดังในเมืองอวิ๋น กุ้งหอยปูปลาของทางร้านส่งตรงมาจากแม่น้ำเจียงหนาน สัตว์น้ำสดๆ ส่งมาตอนกลางดึก ทางร้านจะให้แขกเหรื่อรับสัตว์ตัวเป็นเท่านั้น หลังจากที่ล้างแกะเปลือกและเตรียมวัตถุดิบ ก็จะมีพ่อครัวชาวเจียงหนานรับช่วงต่อ อาหารที่ทำออกมาจึงมีรสชาติดั้งเดิม

ซานหูรู้ดีถึงความคิดของนายหญิง จึงรีบสั่งการให้รถม้าอ้อมไปที่ซูเย่ว์จาย

รถม้าถึงหน้าประตูซูเย่ว์จาย เหตุเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลากินมื้ออะไร ด้านหลังจึงไม่ได้ยุ่งอะไรมากมาย เหยาเฟิ่งเกอไม่ได้ลงรถม้า แค่สั่งให้ซานหูไปถามว่าวันนี้มีเกี๊ยวไข่ไส้กุ้งสดหรือไม่

ซานหูลงจากรถม้าแล้วเข้าไปถาม ไม่นานก็ออกมารายงาน “คุณหนูเจ้าคะ ทางร้านบอกว่ามีเจ้าค่ะ แค่ว่าไส้กุ้งเพิ่งจะทำ ยังต้องรอสักพัก ตอนนี้ในร้านไม่มีใคร มิเช่นนั้นคุณหนูเข้ามานั่งรอไหมเจ้าคะ”

แม่นมดึงผ้าที่ห่อหุ้มทารกมาคลุมดวงหน้าของทารกน้อยไว้แล้วตามเหยาเฟิ่งเกอลงจากรถม้า

ซูเย่ว์จายคือกิจการของเหิงจวิ้นอ๋อง เหิงจวิ้นอ๋องรับสั่งให้จัดการสถานที่อย่าให้แขกเหรื่ออื่นใดอยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว ส่วนพนักงานในร้านก็ถูกไล่ให้ไปอยู่หลังครัว ด้านหน้ามีเพียงสาวใช้สองคนและจ่างกุ้ยอยู่เท่านั้น

เหยาเฟิ่งเกอเข้าประตู จ่างกุ้ยพลันยิ้มต้อนรับ จากนั้นก็เชิญพวกนางไปนั่งในห้องส่วนตัวด้วยความเคารพ แล้วยังยกน้ำชาหอมกรุ่นมาหนึ่งเหยือก จากนั้นสาวใช้สองคนก็ถอยออกไป

ซานหูเอากาชามารินน้ำชาให้เหยาเฟิ่งเกอ นางจึงค่อยๆ จิบชา

ยัยหนูน้อยเย่ว์เอ๋อร์ไม่ชอบอยู่ในเรือนเช่นนี้จึงเริ่มร้องไห้โวยวาย แม่นมพูดขึ้นยิ้มๆ “บ่าวพาเจี่ยเอ๋อร์ไปเดินเล่นในสวน ให้เจี่ยเอ๋อร์อาบแดดสักหน่อยนะเจ้าคะ”

เหยาเฟิ่งเกอพยักหน้า “ไปเถอะ” กล่าวจบก็สั่งการซานหู “เจ้าไปดูในโรงครัวที ดูว่าพวกเขาล้างอาหารได้สะอาดหรือไม่”

ซานหูพลันตอบกลับแล้วถอยออกไป ในเรือนเหลือเพียงสาวใช้ชั้นล่างไม่กี่คน เหยาเฟิ่งเกอจึงไล่พวกนางไปเล่นกับเย่ว์เอ๋อร์นอกเรือน เหลือนางเพียงคนเดียวเท่านั้น

ประตูลับด้านในห้องส่วนตัวเปิดออก เหิงจวิ้นอ๋องเดินออกจากด้านหลังประตูแล้วนั่งลงข้างกายเหยาเฟิ่งเกอช้าๆ จากนั้นก็เอากาชารินน้ำชาให้นาง ทว่ากลับไม่พูดไม่จา

เหยาเฟิ่งเกอก็ไม่มองเขา แค่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น สายตามองไปนอกหน้าต่าง กลับมองไม่ชัดเจน เหตุเพราะไม่รู้ว่าน้ำตาคลออยู่ในนัยน์ตาทั้งสองข้างตั้งแต่เมื่อไร

ตั้งแต่นางป่วยหนักจนหายดีในภายหลัง จวบจนถึงช่วงเวลาที่นางตั้งครรภ์ เขาไม่มีโอกาสได้เจอนางเลยห ลังจากงานศพขององค์หญิงต้าจั่ง เขาก็ไปแสดงความเสียใจ จึงนึกว่าจะได้เจอเขา ใครจะไปรู้ว่ากลับไม่ได้เจอหน้าเขาสักนิด

พอมาคิดๆ ดูแล้ว ตั้งแต่ไทเฮาทรงสวรรคตถึงตอนนี้ก็ล่วงเลยมาสองปี วันนี้เขาถือว่าได้เจอนางอีกครั้งเสียที

ทั้งสองต่างอยู่ในเมืองหลวงอวิ๋น ทว่ากลับไม่ได้เจอหน้ากันสองปี!

วันนี้พอได้พบหน้ากันอีกครั้ง นางยังคงมีดวงหน้าที่งดงามเหมือนวันวานไม่ได้แตกต่างจากฝัน แค่มีน้ำตาอาบดวงหน้า ทว่ากลับไม่ใช่สตรีที่เก้อเขินในฝันคนนั้น

อวิ๋นหมินมองนางไปสักพักแล้วถอนหายใจเบาๆ พร้อมทั้งยื่นผ้าเช็ดหน้าไปหนึ่งผืน

เหยาเฟิ่งเกอกลับไม่ได้รับไว้ แค่เอาผ้าเช็ดหน้าของตนมาซับน้ำตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งพูดขึ้น “เรื่องมันผ่านไปแล้ว เจ้าจะยึดติดไปไยกัน มักเป็นข้าที่ทำไม่ดีกับเจ้า เวลาล่วงเลยไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป พวกเราไม่ควรเป็นเช่นนี้อีก”

“ข้าไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากรู้ว่าเจ้าสบายดีหรือไม่” อวิ๋นหมินเปรยเสียงเบา

เหยาเฟิ่งเกอยิ้มเย้ยหยันตนเองแล้วยกมือใช้ผ้าเช็ดน้ำตาข้างแก้ม พูดขึ้น “ดีหรือไม่ดีก็เหมือนกันมิใช่หรือ”

ใช่ ดีหรือไม่ดีล้วนต้องใช้ชีวิตเช่นนั้นอยู่ดีมิใช่หรือ

เขากับนางรู้จักกันในเดือนสี่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดในเจียงหนาน ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่งดงามที่สุด ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ ต่อให้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเพียงใดก็มิอาจขัดขวางผู้ที่หมายปองไปออกเรือนกับบุรุษอื่น ส่วนเขาก็มีพระชายาเอกที่เสด็จพ่อทรงเลือกไว้ให้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset