หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 331 ขึ้นเหนือตามหาสามี (5)

ตอนที่ 331 ขึ้นเหนือตามหาสามี (5)

เหยาเยี่ยนอวี่พูดไปก็ก้มหน้ามองมีดผ่าตัดที่เป็นประกายแสงในมือของตนเอง แล้วยกนิ้วมือเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนนั้นเบาๆ พร้อมพูดต่อ “แต่ว่า คนอย่างข้าเกลียดชังบุรุษที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองมากที่สุด พี่สาวของข้าเป็นบุตรีที่ได้รับความรักใคร่และเอ็นดูในจวน ทว่ากลับต้องจากบิดามารดามาอาศัยอยู่กับท่าน ท่านไม่ได้รักเดียวใจเดียวกับนาง สำหรับเรื่องร่วมประเวณีกับบ่าวไพร่ในจวนทุกวี่ทุกวัน ข้าจะไม่สนใจ ทว่าท่านก็ควรแยกแยะความเหมาะสมเสียหน่อย เอาแต่ได้คืบจะเอาศอกเช่นนี้ มันไม่น่ารังเกียจเกินไปหน่อยหรือ”

“เจ้า…เจ้า…” ซูอวี้เสียงกลืนน้ำลายไปหลายครา และยังคงเอ่ยวาจาออกมาไม่ได้อย่างสมบูรณ์

มีดในมือของเหยาเยี่ยนอวี่ขยับไปมาตรงหน้าของซูอวี้เสียงอีกครั้ง แล้วพูดยิ้มๆ “คนอย่างข้าก็ไม่มีความสามารถอะไรหรอก แค่ฆ่าสัตว์เป็นก็เท่านั้น อีกอย่าง หากวันใดข้าไม่สบอารมณ์ ก็มักจะหาสัตว์อะไรมาฆ่าให้เห็นเลือดสดเพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น พี่เขยอย่าได้คิดมากเลย! ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่มีทางฉวยโอกาสเจาะเลือดคนอื่นตอนกลางดึกหรอก”

“อ๊า…” ซูอวี้เสียงแค่นเสียงต่ำอย่างพ่ายแพ้ ทรุดฮวบลง

ขณะเดียวกัน ก็ได้กลิ่นสาบควายที่ลอยมากับสายลม เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วแล้วเดินถอยหลังไปหลายก้าว

ชุ่ยผิงมองไปด้วยความแปลกใจ ทว่าพอเห็นคุณชายสามซูนั่งอยู่บนพื้นด้วยความอัปยศ เสื้อผ้าชั้นดีของเขาเลอะอะไรบางอย่าง

“รีบมาพยุงคุณชายสามซูไปเถอะ อย่าให้เสื้อผ้าดีๆ ของเขาต้องเปื้อนเลือดแพะเลย” เหยาเยี่ยนอวี่พูดจบอย่างช้าๆ แล้ววางมีดในมือไปบนถาด จากนั้นก็หันหลังจากไป

เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงรู้สึกโกรธเคือง ทว่าขณะเดียวกันนางก็ดีใจที่ได้แก้แค้น พอนางกลับไปถึงเรือนตนเอง ก็ยกพู่กันเขียนสาส์นกราบทูลหนึ่งพันตัวอักษรหนึ่งฉบับ จากนั้นก็เรียบเรียงอีกครั้ง แล้วจดใหม่อีกรอบ หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ จึงจะสั่งให้คนส่งเข้าไปในราชวัง

นางยุ่งวุ่นวายกับเรื่องดังกล่าวมาทั้งบ่าย แม้กระทั่งมื้อเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน ตอนนี้จึงรู้สึกหิวขึ้นมา นางลูบหน้าท้องเตรียมตัวกลับจวนก่อนเวลา

พอออกจากประตูสำนักแพทย์นางก็ปีนขึ้นไปบนหลังของเถาเยาแล้วลูบคอของมันเบาๆ พร้อมพูดอย่างอ่อนโยน “เถาเยา ข้าหิวมาก พวกเรารีบกลับกันเถอะ”

เถาเยาส่ายหน้าแล้วทำเสียงในจมูก จากนั้นก็เดินไปยังเส้นทางทางกลับจวน มันวิ่งเร็วกว่าปกติ ชุ่ยผิงและชุ่ยเวยยังต้องรออีกสักพักถึงจะกลับไปได้ ด้านหลังของเหยาเยี่ยนอวี่มีเพียงน้าตู้ซานและองครักษ์ที่เว่ยจางเลือกให้ตนเอง

บนถนนปกคลุมด้วยหิมะชั้นหนา ถนนอันคับแคบตรงนอกประตูสำนักแพทย์มีคนทำความสะอาดไปแล้ว ทว่าถนนที่ไกลห่างออกไปกลับไม่มีใครไปทำความสะอาด รอยกีบม้าและล้อรถม้าประทับอยู่บนพื้นหิมะ ถนนค่อนข้างลื่น ทว่าเถาเยาเป็นม้าชาญฉลาด เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับมัน

พอกลับถึงจวน ตรงประตูใหญ่มีคนออกมาต้อนรับพร้อมทั้งจูงบังเหียนม้าไว้ เหยาเยี่ยนอวี่กระโดดลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว แล้วเงยหน้ามองคนคนหนึ่งที่วิ่งพุ่งออกมาหาตนเอง พร้อมทั้งคุกเข่าลงบนพื้น “คารวะคุณหนูขอรับ”

“ฉังเหมา?” เเหยาเยี่ยนอวี่มองคนที่คุกเข่าตรงหน้าด้วยความแปลกใจ แล้วรีบยกมือพยุงเขาขึ้น “เจ้ามาได้อย่างไร ที่จวนมีเรื่องอะไรหรือไม่”

“คุณหนูขอรับ บ่าวได้ข่าวว่าเรื่องแม่ทัพของบ่าว บ่าวไม่เชื่อ…” ฉังเหมาะพูดไป น้ำเสียงก็สะอื้นเล็กน้อย

“อย่าร้องเลย!” เหยาเยี่ยนอวี่พึมพำด้วยเสียงต่ำ “แม่ทัพของเจ้าต้องไม่เป็นอะไร!”

“ขอรับ” ฉังเหมาสูดลมหายใจลึกๆ แล้วไม่กล้าร้องไห้อีก

“มีอะไรค่อยเข้าไปคุยด้านใน” เหยาเยี่ยนอวี่มองฉังเหมาเพียงปราดเดียวแล้ว แล้วมองสองคนที่อยู่ด้านหลัง นางรู้จักสองคนนี้ พวกเขาเป็นพ่อบ้านของจวนเว่ยจางเช่นเดียวกัน

คนกลุ่มหนึ่งเดินตามเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปในจวนแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลักโดยตรง เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้เปลี่ยนชุดเครื่องแบบ นางยกมือให้ฉังเหมานั่งลง

ฉังเหมาน้อมคำนับ แล้วค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ระดับต่ำกว่านางหนึ่งชั้น

ตอนนี้สาวใช้ในจวนยกน้ำชาและของว่างมา เหยาเยี่ยนอวี่รับชาแล้วจิบไปหนึ่งคำ จากนั้นพูดกับฉังเหมา “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”

“คุณหนูไม่ทราบหรอกว่าแม่ทัพเว่ยจางของบ่าวกล้าหาญชาญชัย เชี่ยวชาญการรบมากเพียงใด คนธรรมดาเปรียบเทียบกับเขาไม่ได้ ทว่าครั้งนี้…” ครั้งนี้ฉังเหมาเองก็รู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ ข่าวคราวนี้ส่งมาสองวันแล้ว แต่ยังไม่เห็นเบื้องบนมีการเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นเลย ดูท่าแล้วคงจะเป็นความจริง

“ครั้งนี้ต้องไม่มีเรื่องอะไรแน่นอน” เหยาเยี่ยนอวี่จิบชาหนึ่งคำแล้วพูดอย่างมั่นใจ

“ขอรับ” ฉังเหมาพลันตอบกลับ แล้วครุ่นคิดพลางพูดขึ้นอีกครั้ง “ก่อนที่ท่านแม่ทัพจะจากไป ก็ได้สั่งพวกบ่าวว่า ตอนเขาไม่อยู่เมืองหลวง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในจวนแม่ทัพ บ่าวต้องเป็นคนจัดการ ทว่าหากมีเรื่องใหญ่ต้องมาปรึกษาหารือกับคุณหนู แล้วให้คุณหนูตัดสินขอรับ”

ด้วยเหตุนี้เหยาเยี่ยนอวี่จึงเอ่ยถาม “ดังนั้น? เจ้าเจอเรื่องใหญ่อะไรมาหรือ”

“บ่าวอยากไปตามหาท่านแม่ทัพที่กันโจว แต่ก็กลัวว่าจะไม่มีคนดูแลจวน อีกทั้งแม่ทัพของพวกเรา แม้จะใช้ชีวิตมาอย่างโดดเดี่ยว ทว่าในตระกูลก็ยังมีพี่น้องที่เป็นญาติห่างๆ อยู่บ้าง คนพวกนั้นมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีนัก หากบ่าวไป จวนที่ใหญ่โตขนาดนั้นก็จะไม่มีใครคอยดูแล…บ่าวเลยคิดอยากจะขอให้คุณหนูและใต้เท้าเหยาช่วยดูแลไปก่อนขอรับ”

เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินจึงส่ายหน้าพร้อมพูดขึ้น “เรื่องนี้ไม่เหมาะสม ต่อให้เจ้าพาคนไปกันโจว แล้วจะตามหาแม่ทัพของเจ้าเจอได้อย่างไร เจ้ากลับไปแล้วมอบหมายงานเรือนให้เสร็จ กันโจวไกลนับเจ็ดร้อยกว่าลี้ เจ้าจะเดินทางไปถึงภายในวันสองวันได้อย่างไร เงินสำหรับการเดินทางเตรียมไว้แล้วหรือ หิมะตกหนักและอากาศเหน็บหนาวเช่นนี้ หากกลางทางไม่มีโรงเตี๊ยมให้เข้าพักจะทำเช่นไร เจ้าจัดการเรื่องพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ผ่านไปอีกสองวัน ข้าจะไปหาเจ้าเอง”

“อ๊า? เช่นนั้น…คุณหนูตกลงแล้วใช่หรือไม่” ฉังเหมาค่อยข้างตะลึงงัน เขายังไม่เข้าใจในความหมายของว่าที่นายหญิงของเขา

“ข้าได้เขียนสาส์นกราบทูลให้ฮ่องเต้ทรงพระราชโองการให้ข้าส่งยาทาแผลเปื่อยจากอากาศหนาวสะท้าน และยังมียาแก้พิษอื่นๆ ไปด้วยตนเอง ดังนั้นเจ้าไปเตรียมตัวเสียหน่อย หากฮ่องเต้ทรงอนุญาต เจ้าก็ติดตามข้าไปเถอะ บ่าวหกร้อยกว่านายในจวนแม่ทัพ นอกจากบ่าวชรา สตรี และเด็กที่อ่อนแอแล้ว ก็ให้แบ่งบ่าวไพร่ที่ยังหนุ่มยังสาวออกเป็นหนึ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งให้เฝ้าจวนและคอยดูแลงานเรือน ส่วนอีกครึ่งก็ให้ติดตามข้าขึ้นเหนือ”

“ขอรับ!” ฉังเหมาได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงรู้สึกเลือดร้อนระอุขึ้นมาทันที

แม่ทัพของเขาช่างเป็นคนที่มีตาทิพย์จริงๆ กลับหาฮูหยินที่มีน้ำใจไมตรีและรักในศีลธรรมเช่นนี้! ก็คงมีเพียงฮูหยินเช่นนี้ที่เหมาะสมกับแม่ทัพของเขา และควรค่าพอที่จะให้บ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพติดตามอย่างจงรักภักดีตลอดชีวิต แม้ว่าร่างกายจะแหลกลาญก็จะไม่เสียใจ

ฉังเหมาพาพ่อบ้านสองคนน้อมคำนับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยท่าทีเคร่งขรึม จากนั้นก็กล่าวอำลาและจากไป

เหยาเหยียนอี้กลับมาค่อนข้างดึก หนิงฮูหยินน้อยเห็นใบหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยของเขา จึงรีบสั่งให้จินหวนยกน้ำโสมมา นางถอดเสื้อคลุมให้เขาแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “มีเรื่องอะไรไม่ราบรื่นหรือ”

เหยาเหยียนอี้ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “เปล่า ข้าแค่ออกจากศาลาว่าการแล้วอ้อมไปถนนทางไปจวนกั๋วกงเท่านั้น”

หนิงฮูหยินน้อยเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ไปจวนกั๋วกง? มีเรื่องอะไรหรือ”

“เยี่ยนอวี่ยืนยันว่าจะไปกันโจวให้ได้ อีกอย่างยังส่งสาส์นกราบทูลไปแล้ว ข้ากลัวว่าฮ่องเต้จะอนุญาต”

“อั๊ยโย โอ้สวรรค์!” หนิงฮูหยินน้อยถอนหายใจอย่างประหม่า “น้องรองของเราคิดจะทำอะไรกันแน่ ทว่าเรื่องนี้ท่านพี่ไปจวนกั๋วกงก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรือเปล่า อย่างไรท่านกั๋วกงก็ต้องทำตามพระราชโองการของฮ่องเต้อยู่แล้วมิใช่หรือ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset