หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 346 หมอเหยายกตนข่มท่าน แม่ทัพขอความช่วยเหลือ (1)

ตอนที่ 346 หมอเหยายกตนข่มท่าน แม่ทัพขอความช่วยเหลือ (1)

ถังเซียวอี้ยืนอยู่ข้างๆ มองแก้มแดงก่ำของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงกระแอมด้วยแผ่วเบาทีหนึ่ง แล้วจับตามองสองคนนั้นไว้ “พอเถอะ! พักฟื้นตัวดีๆ ขาดเหลืออะไรก็บอกกับใต้เท้าหลูได้โดยตรง”

“ขอรับ” ทั้งสองรับคำอย่างพร้อมเพียง

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากทนฟังอีกต่อไป ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก ดังนั้นจึงหันหลังแล้วเดินจากไป

อาการขวยอายที่เมื่อครู่มีคนเรียกนางว่าพี่สะใภ้นั้นคงอยู่แค่ครึ่งค่อนวันเท่านั้น

ระหว่างหลูถงก่วงแนะนำต่อ เหยาเยี่ยนอวี่ก็รักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้หายอีกแปดคน ซึ่งล้วนเป็นพวกที่มีอาการสาหัสและมีตำแหน่งค่อนข้างสูง พอเห็นว่าฟ้ามืดลงแล้ว สุดท้ายหลูถังก่วงก็ขอร้องให้เหยาเยี่ยนอวี่ไปเดินดูอาการของเหล่าทหารที่มีตำแหน่งต่ำต้อยอีกครั้งเสียหน่อย

พอเพิ่งเข้าไปถึงเรือนพักฟื้นของทหารตำแหน่งเล็กๆ เหยาเยี่ยนอวี่ก็ได้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ลอยมาเป็นระยะจนแทบจะทำให้หายใจไม่ออก ดังนั้นจึงรีบกลั้นหายใจและขมวดคิ้วเป็นปม

ชุ่ยเวยที่อยู่ด้านหลังนางจึงรีบใส่หน้ากากอนามัยที่เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ ให้นาง เหยาเยี่ยนอวี่ผายมือ แค่หันไปมองหลูถงก่วง หลูถงก่วงก็ทนกับกลิ่นเช่นนี้ไม่ได้ จึงรีบเอาแขนเสื้อมาปิดจมูกของตนเองไว้

นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่อดทนกับกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วยืนหยัดที่จะเดินเข้าไปด้านในต่อ ก็เห็นทหารสิบกว่านายที่อัดกันอยู่ในบ้านดินแห่งนี้ นางสังเกตเห็นว่าแผลของทหารสามนายติดเชื้อจนส่งกลิ่นเหม็น ความโมโหที่อัดอั้นไว้ในใจจึงเก็บเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป

“เหตุใดที่นี่ถึงได้สกปรกเช่นนี้” หมอหลวงเหยาเอ่ยถามหลูถงก่วงด้วยสีหน้าที่เย็นชา

หลูถงก่วงไม่ได้รู้สึกอะไร อย่างน้อยคนพวกนี้ยังพักฟื้นตัวที่นี่ และมียาต้มให้ดื่มทุกวันก็ยังถือว่ามีความหวังแล้ว ศึกสงครามทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้ตลอด เมื่อเทียบกับศึกสงครามในเขตชายแดนทิศตะวันตก นี่ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ดังนั้นเขาค้อมตัวแล้วตอบกลับ “เรียนใต้เท้า เพราะว่ากำลังคนมีจำกัด ถึงแม้จะมีชาวบ้านลี้ภัยคอยช่วยเหลือ ทว่าก็แค่ราวๆ ร้อยคนเท่านั้น งานยังคงยุ่งเกินไป”

เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่รู้ว่าภายในใจของหมอทหารหลูคิดอย่างไร แค่เอ่ยถาม “เช่นนั้นเหตุใดข้างกายพวกเสี่ยวเว่ยถึงมีคนปรนนิบัติโดยเฉพาะเล่า”

“เรียนใต้เท้า เหตุเพราะพวกเขาเป็นเสี่ยวเว่ยขอรับ”

เหยาเยี่ยนอวี่กัดฟันกรอด แล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น “นี่ก็คือคำบัญชาของแม่ทัพหัน?”

“…” หลูถงก่วงไม่กล้าตอบกลับ เหตุเพราะนี่ไม่ใช่คำสั่งของแม่ทัพหัน

“เจ้ารู้ไหม ขืนยังปล่อยให้พวกเขารักษาตัวอยู่ที่เช่นนี้ คนพวกนี้จะตายเพราะแผลติดเชื้อได้ทุกเมื่อ! พวกเขาไม่ได้ตายในสนามรบ กลับต้องมาตายเพราะพวกเจ้าดูแลไม่ทั่วถึงกระนั้นหรือ เช่นนั้นก็ปล่อยให้ตายในสนามรบไม่ดีกว่าหรือ! ยังพูดเช่นนั้นออกมาได้อีก อย่างไรพวกเขาก็คือทหารรบหรือเปล่า!”

หลูถงก่วงถอนหายใจอย่างประหม่าแล้วค้อมตัวลง ไม่ตอบอะไร

“ใต้เท้าเหยา…” หลิวซั่งซิวเดินหน้ามาแล้วกำลังอยากจะพูดอะไร

ถังเซียวอี้มองหลิวซั่งซิวด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วพูดแทรกขึ้นก่อน “นี่ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเสียหน่อย ใต้เท้าก็แค่ใช้ฐานะที่เป็นหมอหลวงราชสำนัก สั่งให้ผู้ปรนนิบัติเหล่าเสี่ยวเว่ยมาทำความสะอาดที่นี่ในเช้าวันรุ่งขึ้นก็เท่านั้น ใต้เท้าเหนื่อยมาทั้งวัน อย่าได้ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เพราะเรื่องนี้อีกเลย”

เหยาเยี่ยนอวี่ปรายตามองถังเซียวอี้เพียงชั่วพริบตาและยิ้มเย้ยหยัน ทว่าไม่มากความอะไรอีก นางยังต้องเก็บแรงไว้รักษาชีวิตของคนที่ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย

ถังเซียวอี้จ้องมองหมอหลวงหลูอย่างเงียบๆ เพียงปราดเดียว ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้ก็ต้องทำความสะอาดที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน

หมอหลวงหลูยิ้มอย่างขมขื่น เรื่องนี้ก็โทษเขาไม่ได้! เขาพาหมอทหารมาสิบกว่าคนเท่านั้น แล้วจะสนใจอะไรมากมายได้อย่างไร หลิวซั่งซิวกลับทำเสียงฮึดฮัดไม่แยแส รู้สึกว่าหมอหลวงราชสำนักท่านนี้ไม่รู้ว่ามนุษย์ต้องเกิดแก่เจ็บตายหรือไร ยังแกล้งทำเป็นคนดีอีก

เหยาเยี่ยนอวี่ฝังเข็มให้ทหารตำแหน่งต่ำสุดสามสิบกว่านายที่ตกอยู่สภาวะอันตรายเสร็จ จึงเหลือแค่กำลังที่ยืนอยู่ที่นี่เท่านั้น ชุ่ยเวยเห็นนางยืนนิ่งอยู่ตั้งนาน จึงรีบบอกให้น้าตู้ซานมาแบกร่างนาง โชคดีที่พวกนางขี่ม้าไม่เป็นจึงนั่งรถม้ามา มิเช่นนั้นยังไม่รู้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะกลับอย่างไรดี

พอเข้าไปถึงรถม้า เหยาเยี่ยนอวี่พิงบนตั่งไม้นุ่มแล้วหลับตาลง

ถังเซียวอี้ตามไปด้วยความกังวลใจ แล้วเอ่ยถามชุ่ยเวยด้วยเสียงเบา “ไม่เป็นไรใช่ไหม”

ชุ่ยเวยยิ้มแล้วพูดขึ้น “รองแม่ทัพถังอย่าได้กังวลใจไปเลย คุณหนูของพวกบ่าวแค่เหนื่อยจนอ่อนแรงเท่านั้น”

ถังเซียวอี้พยักหน้า อย่างไรเขาก็รู้เรื่องการรมยาแบบไท่อี่ที่เหยาเยี่ยนอวี่ใช้ในการฝังเข็มอยู่บ้าง รู้ว่าวิธีฝังเข็มเช่นนี้จะเกิดผลรวดเร็ว ทว่ากลับเปลืองกำลังอย่างมาก เขายังได้ยินมาว่าตอนนั้นที่นางรักษาแม่ทัพหัน ทำเอานางถึงกับสลบหมดสติเพราะเหน็ดเหนื่อยเกินไป เลยรู้สึกว่าเวลาก็ล่วงเลยไปครึ่งค่อนวันแล้ว นางรักษาผู้ป่วยสิบกว่าคน โดยที่ยังไม่เป็นลมก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีมากแล้ว มิเช่นนั้นเขายังไม่รู้ว่าจะกลับไปรายงานเรื่องนี้กับแม่ทัพเว่ยอย่างไร

เหยาเยี่ยนอวี่กลับไปถึงเรือนหลังของจวนหลี่อี้หรง มีผัวจื่อมารอต้อนรับและรอปรนิบัติตั้งนานแล้ว

เหล่าอนุภรรยาและเมียบ่าวของหลี่อี้หรงเสียชีวิตเพราะไฟสงครามครั้งนี้ หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ผ่านไป สาวใช้ที่มีหน้าตาละมุนละไมในจวนก็เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น วันนี้ในจวนจึงมีเพียงผัวจื่อคอยดูแลเรือนหลัง และยังมีสาวใช้ชั้นล่างที่มีอายุสิบสองสิบสามปีอยู่อีกไม่กี่คนเท่านั้น แม้กระทั่งสาวใช้ที่หน้าตาพอใช้ได้ก็ไม่เหลือสักคน ว่าไปก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ารันทดยิ่งนัก

พอกลับถึงเรือน ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงรีบไปปรนนิบัติเหยาเยี่ยนอวี่อาบน้ำ เอาชุดเครื่องแบบขุนนางสีขาวและชุดตัวในไปซักให้สะอาด แล้วกำชับให้เซียงหรูและสาวใช้ชั้นล่างคนอื่นๆ ต้องเอาเหล้าต้มมาพ่นชุด ทั้งยังสั่งให้ใช้เตารีดถ่านรีดให้เรียบร้อย จากนั้นก็เอาชุดตัวในและชุดคลุมตัวหนาที่ใส่ในเรือนให้เหยาเยี่ยนอวี่ใส่ เพราะกลัวว่านางจะหนาวสะท้าน จึงเอาเสื้อคลุมขนหนูสีเงินให้นางสวมอีกชั้น

เว่ยจางกลับมาถึงก็ถูกถังเซียวอี้รั้งไว้ทันที จากนั้นเขาจึงรายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเหยาเยี่ยนอวี่ในวันนี้ให้ฟังหนึ่งรอบ แล้วถังเซียวอี้ก็เตือนด้วยความหวังดี “ลูกพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ไม่สบอารมณ์ ทั้งยังเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ท่านต้องห่วงใยและเอาใจใส่นางให้มาก”

“อืม จะไปไหนก็ไปเลย” แม่ทัพเว่ยผายมือเหมือนที่ผ่านมาแล้วหันหลังเดินเข้าไปในเรือนหลังของหลี่อี้หรง วันนี้แม่ทัพเว่ยเข้าไปเรือนหลังของจวนหลี่เหมือนเข้าเรือนหลังของจวนตนเอง อย่างไรตอนนี้หลี่อี้หรงก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องอะไร เขาจึงเห็นว่าเรือนหลังของคนอื่นกลายเป็นของตัวเองเสียแล้ว

เว่ยจางเข้าไปในเรือนที่เหยาเยี่ยนอวี่พัก ทว่าพอเห็นเหล่าสาวใช้เข้าออกเรือนวุ่นวาย จึงหยุดฝีเท้าลง ประจวบเหมาะกับตอนที่ปั้นซย่าออกมาจากด้านในพอดี พอเห็นเว่ยจางจึงค้อมตัวลง “น้อมคำนับแม่ทัพเจ้าค่ะ”

“อืม” เว่ยจางพยักหน้า แล้วเอ่ยถาม “คุณหนูของพวกเจ้าล่ะ”

“เรียนแม่ทัพ คุณหนูอยู่ด้านในเจ้าค่ะ”

“ไปเถอะ” เว่ยจางผายมือ แล้วยกเท้าเดินเข้าไปด้านใน

ปั้นซย่าไม่กล้าจากไป จึงหันไปเลิกม่านให้เว่ยจาง แล้วตอบกลับ “แม่ทัพมาเจ้าค่ะ” หลังจากที่เว่ยจางเข้าไป นางถึงจะจากไป

เหยาเยี่ยนอวี่ที่อยู่ด้านใน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เพิ่งจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง นางพิงอยู่บนตั่งไม้ ปล่อยให้ชุ่ยเวยเช็ดผมให้ตน นางทำเหมือนไม่ได้ยินเว่ยจางเข้ามาด้านใน ยังคงหลับตาพักผ่อนต่อ ไม่ยอมลืมตาสบตากับเขา

ชุ่ยเวยพลันน้อมคำนับ เว่ยจางกลับผายมือให้นางเพื่อสื่อให้นางออกไป

“บ่าวจะไปรินน้ำชาให้แม่ทัพนะเจ้าคะ” ชุ่ยเวยเห็นคุณหนูของตนเองยังไม่สบอารมณ์ จึงไม่กล้าออกไปไหน ทว่าก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของเว่ยจาง ทำได้เพียงบอกคุณหนูเหยาให้ทราบเรื่องแล้วค้อมตัวถอยออกไป

เหยาเยี่ยนอวี่หันไปด้านใน หันหลังให้แม่ทัพเว่ย

เว่ยจางเห็นนางสวมชุดกระโปรงสีเขียวตัวกว้างที่ดูไม่ใหม่แต่ไม่เก่ามากนัก ชุดกระโปรงยาวลากไปถึงที่รองฝ่าเท้าของตั่งไม้ ชายกระโปรงปักลายกล้วยไม้ด้วยด้ายสีเงิน ฝีมือปักลายนี้ประณีตมาก ผมยาวสลวยประดุจหมึกดำที่เปียกโชกปล่อยลงมาด้านหลัง ทำให้บดบังหมอนสีนิลไว้ ดังนั้นเขาจึงเดินหน้าไปจับผมสีดำของนางไว้ แล้วใช้ผ้าที่ชุ่ยเวยทิ้งไว้เมื่อครู่นี้เช็ดผมให้นางต่อ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset