หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 355 ลงโทษเล็กน้อยตักเตือนครั้งใหญ่ ชินไชเสด็จมาถึง (5) – ไอรีนโนเวล นิยายอ่านฟรีทุกวัน

ตอนที่ 355 ลงโทษเล็กน้อยตักเตือนครั้งใหญ่ ชินไชเสด็จมาถึง (5)

ครั้งนี้ เนื่องด้วยข่าวคราวที่เว่ยจางส่งกลับไปอย่างลับๆ และรวมไปถึงเบาะแสที่เฉิงอ๋องสอบสวนพวกบ่าวที่ลอบยึดและจำหน่ายยาทาแก้แผลที่เกิดจากอากาศที่หนาวสะท้าน เค่อจวิ้นอ๋องจึงถูกฮ่องเต้จับผิด หลังจากนั้นก็สืบเจอเรื่องที่เขาแอบยึดเสบียงทหารไว้

นี่เป็นความผิดขั้นร้ายแรงจนมิอาจอภัยได้ ฮ่องเต้ทรงเกรี้ยวโกรธจนรับสั่งให้องค์ชายใหญ่เค่อจวิ้นอ๋องกักขังตัวเองไว้ในจวน สั่งให้เขาคิดใคร่ครวญตัวเองดีๆ หากไม่มีพระราชโองการลงมา ห้ามเขาออกจากประตูใหญ่จวนแม้แต่ก้าวเดียว และห้ามให้ใครหน้าไหนไปเยี่ยมเยียนเขาด้วย

ความสัมพันธ์ของเฟิงจงเยี่ยและองค์ชายใหญ่ที่มีหลายปีนี้ แน่นอนว่าคงไม่อาจปิดบังไว้ได้อีกต่อไป ทว่าฮ่องเต้ทรงเห็นแก่พระพักตร์ของฮองเฮา จึงไม่ได้สืบสวนตระกูลเฟิงมากมาย ส่วนเฟิงจงเยี่ย ผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้รู้ว่าควรหลบเลี่ยงปัญหานี้อย่างไร จึงบอกว่าตนป่วยและขอลาป่วยยาว

เหล่าขุนนางในเมืองหลวงต่างก็จมูกไว ต่างได้กลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มาตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นเหล่าขุนนางที่เป็นพรรคพวกเดียวกับตระกูลเฟิงต่างพิจารณาถึงหนทางรอดของตนเอง ต่างคิดเผื่ออนาคตของตนเองไปแล้ว

สำหรับลมมรสุมนี้ที่เกิดในเมืองหลวง เซียวหลินคงไม่มีทางปิดบังเว่ยจางอยู่แล้ว

ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาเดินทางไปที่เจียงหนิงด้วยเรือลำเดียวกัน เซียวหลินก็ผูกอนาคตของตนเองไว้กับเว่ยจางและเหยาเหยียนอี้แล้ว ในมุมมองของท่านเซียวโหว เว่ยจางดูสุขุมและแน่วแน่กว่าเหยาเหยียนอี้ เขาซ่อนเร้นความอดทนได้ดียิ่งกว่า เป็นบุรุษที่ทำการใหญ่ได้ จึงคุ้มค่าที่เขาจะไปมาหาสู่ด้วย

เหยาเยี่ยนอวี่ไปตรวจดูความเรียบร้อยของโรงครัวด้วยตัวเอง คอยดูน้าตู้ซานพาคนไปเปิดหีบเสบียงที่เซียวหลินนำมา หลังจากที่นางหยิบผักสดขึ้นมา ก็แค่นเสียงเบาพลางเปรยขึ้น “พูดจากใจจริง ข้าก็อยากกลับไปเหมือนกัน”

น้าตู้ซานเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมวัตถุดิบย่างเนื้อแกะสดๆ จึงพูดขึ้นยิ้มๆ “ในความคิดของบ่าว ทะเลทรายทางตอนเหนือนี้ก็มีดีอยู่บ้าง อย่างน้อยเนื้อแกะก็สดกว่าเมืองหลวง แค่คุณหนูไม่โปรดปรานเท่านั้น”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ต่อให้โปรดปรานมากเพียงใด ก็ไม่ควรกินทุกมื้อหรือเปล่า ใครจะไปทนไหวเล่า”

น้าตู้ซานทำงานว่องไว ไม่นานก็ทำอาหารที่เลิศรสออกมาได้หกอย่าง จากนั้นก็ให้สาวใช้ชั้นล่างจัดใส่กล่องแล้วติดตามเหยาเยี่ยนอวี่ไปที่โถงหน้า ตอนนี้ข้าหลวงหลี่มาถึงแล้ว น้ำชาก็เปลี่ยนเป็นชาอันหอมกรุ่นจากไร่ชาตระกูลเหยาที่เซียวหลินนำมา

อาหารและสุราชั้นดีถูกจัดเตรียมอย่างครบครัน เซียวหลินชี้ไปตำแหน่งด้านข้าง ขณะเดียวกันก็พูดกับเหยาเยี่ยนอวี่ “น้องสาวนั่งที่นี่เถอะ”

ข้าหลวงหลี่จึงทำสีหน้าที่เพิ่งเข้าใจในสิ่งที่ตนค้างคาใจ “ที่แท้หมอหลวงเหยาก็คือน้องสาวของท่านเซียวโหวนี่เอง ข้าน้อยโง่เขลาจริงๆ กลับไม่รู้เรื่องเลย” ขณะที่พูดก็ไถ่ถามในเวลาที่ไม่ควรถาม “เป็นญาติผู้น้องหรือขอรับ”

เซียวหลินยิ้มร้ายกาจ แล้วเหลือบตาเว่ยจางเพียงปราดเดียวพร้อมพูดขึ้น “ไม่ใช่ คุณหนูเหยาเป็นน้องสาวว่าที่ภรรยาของเปิ่นโหวเอง”

“อ้อ…” ข้าหลางหลี่ที่เกิดเป็นบุตรชายของจิงเล่ว์ซื่อ เป็นทหารเขตชายแดนที่มีนิสัยแข็งกระด้าง ไม่ทราบข่าวคราวที่เกี่ยวกับความเกี่ยวดองระหว่างตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวงเลย ดังนั้นยังไม่รู้ว่าภรรยาของท่านเซียวโหวเป็นคุณหนูจากตระกูลใดกันแน่

เว่ยจางกลับยิ้มจางๆ แล้วพูดขึ้น “ท่านโหวมาถึงเมืองเฟิ่งแล้ว หากไม่ไปเจอแม่ทัพหันเสียหน่อย ไม่กลัวว่าพี่ชายว่าที่ภรรยาจะเอาเรื่องท่านหรือไร”

เซียวหลินถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วพูดขึ้น “พี่สาวของข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นเสียหน่อย”

เว่ยจางรู้สึกขุ่นเคืองใจเรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่ไปนั่งตรงข้ามตนเอง ดังนั้นจึงตัดสินใจสร้างปัญหาให้ท่านเซียวโหว ส่ายหัวพลางเปรยขึ้น “แม้คุณหนูหันไม่ได้ใจแคบ แค่เกรงว่าจะมีคนปากโป้งไปรายงานเรื่องนี้น่ะสิ”

เหยาเยี่ยนอวี่แค่นเสียงในลำคออย่างไม่แยแส เอ่ยว่า “นี่มันก็ผ่านไปแล้ว ใครจะกลัวว่ามีคนปากโป้งด้วยเล่า” กล่าวจบก็รู้สึกกระวนกระวายในใจขึ้นมา และรู้สึกว่าตนเองพูดไม่ทันคิดจริงๆ ขืนให้เซียวหลินรู้เรื่องระหว่างอวิ๋นคุนและหันหมิงชั่นเข้า จะทำให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาไหม ดังนั้นนางเลยถลึงตามองเว่ยจาง แล้วแอบสังเกตสีหน้าของเซียวหลินอย่างตั้งใจ

เซียวหลินกลับยิ้มแล้วยกเหยือกสุราขึ้นพลางรินเหล้าให้เหยาเยี่ยนอวี่หนึ่งจอก พร้อมพึมพำว่า “น้องสาวพูดถูก”

เว่ยจางมองเหยาเยี่ยนอวี่และเซียวหลินกำลังชนจอกกัน คิ้วคมประดุจดาบขมวดเข้าทันที

ข้าหลวงหลี่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำต้อยกว่าเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงรู้สึกหวาดผวา ที่แท้ขุนนางชินไชท่านนี้ไม่เพียงแต่เป็นท่านโหว ทั้งยังเป็นน้องเขยของแม่ทัพหัน! ส่วนหมอหลวงเหยาก็ถูกนับให้เป็นน้องสาวภรรยาของท่านโหว เช่นนั้นนางก็คือน้องสาวของแม่ทัพหันน่ะสิ

แต่น้องสาวของแม่ทัพหันมีแซ่ว่าเหยาได้อย่างไร ได้ข่าวว่านางยังเป็นบุตรีของข้าหลวงเหยาผู้ปกครองสองเมืองทางเขตตอนใต้มิใช่หรือ หรือแค่นับญาติกันเท่านั้น ทว่าเจิ้นกั๋วกงเป็นพระสวามีขององค์หญิง! แล้วจะนับญาติได้ง่ายปานนั้นเลยหรือ

ความสัมพันธ์ของตระกูลชั้นสูงซับซ้อนเกินไปจริงๆ! ข้าหลวงหลี่แสดงให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดที่ไม่เพียงพอ ต่อให้คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตั้งสติแล้วชูจอกเหล้าขึ้นมา

บุรุษทางเขตตอนเหนือมีนิสัยตรงไปตรงไป ทั้งยังคอแข็งตั้งแต่เกิด พวกเขาไม่เคยมึนเมาเพราะฤทธิ์สุรา และไม่เคยใช้สุราตีสนิทกับใครอยู่แล้ว

เซียวหลินก็เป็นคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงดื่มสุราจอกแล้วจอกเล่า ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม สุราดอกสาลี่สีขาวโพลนหนึ่งไหที่นำมาจากเมืองหลวงก็หมดไป

เหยาเยี่ยนอวี่ที่อ้างว่าดื่มสุราไม่ได้ ก็ยังดื่มไปสองจอก ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่าหลังจากพูดคุยไปสักพัก สุราก็ออกฤทธิ์ ทำให้นางนั่งไม่อยู่อีกต่อไป นางจึงพับแขนทั้งสองข้าง แล้วฟุบนอนบนโต๊ะเพราะวิงเวียนศีรษะ

เว่ยจางถอนหายใจ พูดขึ้น “นางเมาไปแล้ว ข้าขอส่งนางกลับไป ท่านโหวและใต้เท้าหลี่อยู่ดื่มกันไปก่อนเถอะ”

เซียวหลินโบกมือใหญ่ “ส่ง ส่งไป รีบส่งน้องสาวของข้ากลับไป ดูนางคออ่อนยิ่งนัก วันข้างหน้าไม่กล้าให้นางดื่มอีกแล้ว”

เว่ยจางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ พยุุงนางลุกขึ้น หลังจากเดินออกจากประตูห้องโถง เขาก็โอบเอวแล้วช้อนตัวนางขึ้น

“โอ๊ย…” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกได้ว่าท้องฟ้ากำลังหมุน จึงยื่นมือไปโอบคอของเว่ยจางไว้แล้วพร่ำบ่นด้วยคิ้วขมวด “อย่าส่ายไปส่ายไปสิ! ข้าเวียนศีรษะเหลือเกิน”

นางกอดคอของเขาไว้ พร่ำบ่นข้างหูของเขาด้วยเสียงที่อ่อนโยนและแผ่วเบา ลมหายใจที่ส่งกลิ่นหอมของสุราดอกสาลี่สีขาวนี้ กระตุ้นอารมณ์อยากของเขาได้ดียิ่งนัก

เพียงแต่ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องอดทนไว้

น้าตู้ซานติดตามอยู่ด้านหลัง ด้านหน้ายังมีสาวใช้ชั้นล่างคอยส่องทาง ตลอดทางก็มีเหล่าผัวจื่อคอยกล่าวทักทาย ต่อให้เขาเป็นแม่ทัพ และต่อให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นว่าที่ภรรยาของเขา แล้วเขาจะทำอะไรได้!

ยังดีที่จวนข้าหลวงไม่ใหญ่มาก ระยะทางจากโถงหน้าไปเรือนหลังนั้นต้องเดินแค่ร้อยกว่าก้าวเท่านั้น แม่ทัพเว่ยก้าวเดินอย่างว่องไว ไม่นานก็เข้าไปในเรือน

ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงเห็นคุณหนูของตนถูกอุ้มกลับมา จึงตกใจมาก หลังจากเอ่ยถามให้รู้ความเสร็จก็รู้ว่านางแค่เมาสุราจึงรู้สึกโล่งอกทันที ชุ่ยผิงเลยรีบสั่งปั้นซย่า “รีบไปต้มน้ำแกงสร่างเมาเร็วเข้า!” ชุ่ยเวยรีบไปจัดที่นอนทันที

คุณหนูเหยาที่พิงอยู่บนไหล่ของเว่ยจางกำลังขบฟันและพร่ำบ่นในขณะเดียวกัน “เวียนศีรษะจะตายแล้ว! บอกว่าอย่าส่ายไปส่ายมาอย่างไรเล่า!”

เว่ยจางก้มหน้าลงมองแก้มแดงตอนเมาสุราของนางนั้นเย้ายวนใจยิ่งนัก จึงกัดฟันกรอด แล้วลอบสาบานในใจ ยัยหนูคนนี้ พร่ำบ่นไปเถอะ รอให้ถึงวันนั้น ดูว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset