หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 357 หายาริมทะเลสาบ ถูกจู่โจมกลางป่าเหมันต์ (2)

ตอนที่ 357 หายาริมทะเลสาบ ถูกจู่โจมกลางป่าเหมันต์ (2)

หลังจากหลูถงก่วงเข้ามา ก็น้อมคำนับให้เหยาเยี่ยนอวี่

“ใต้เท้าหลูรีบลุกขึ้นเถอะ เชิญนั่งได้แล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่เคารพในผู้มีความรู้ความสามารถที่แท้จริง หลูถงก่วงอยู่ในค่ายทหารมาสิบกว่าปี จึงมากประสบการณ์ต่อแผลภายนอกอย่างยิ่ง อีกอย่างนิสัยของเขาก็ถือว่าไม่เลว เป็นคนที่ควรค่าแก่การยกย่อง ดั่งคำพูดที่ว่า ‘คนเยอะกำลังยิ่งเยอะ’ เหยาเยี่ยนอวี่ไม่มีทางทำให้ตัวเองโดดเด่นกว่าใคร หรือต้องการยกชูตัวเองอยู่แล้ว

ชุ่ยเวยยกชาหอมกรุ่นมา เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นชาจากไร่ชาตระกูลของข้าเอง ก่อนหน้านี้ข้ายุ่งเกินไป เลยไม่ทันได้เอามาด้วย ครั้งนี้พี่รองวานเซียวโหวขนมา ใต้เท้าหลูลิ้มลองดูหน่อยเถอะ”

หลูถงก่วงเปิดฝาแล้วดมกลิ่นชาอ่อนๆ ดังนั้นจึงอดเอ่ยชมไม่ได้ “ชาชั้นดีจริงๆ”

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มๆ แล้วสั่งชุ่ยเวยที่อยู่ข้างๆ “ไปเอาชาหนึ่งห่อมามอบให้ใต้เท้าหลูเสียหน่อย”

หลูถงก่วงเป็นคนที่ชื่นชอบดื่มชา ได้ยินคำพูดนี้ เขาจึงยิ้มเบ่งบานดั่งเช่นบุษบาทันที แล้วรีบค้อมตัวกล่าวขอบคุณ “เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่เกรงใจแล้ว และไม่กลัวว่าใต้เท้าเหยาจะรู้สึกขบขัน ข้าน้อยไม่ได้ดื่มชาดีๆ เช่นนี้มานานแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่พูดยิ้มๆ “หากใต้เท้าชื่นชอบ ดื่มหมดแล้วก็มาเอาที่ข้าได้ อย่างไรนี่ก็เป็นชาจากไร่ของตระกูลข้าปลูกเอง ก็ไม่ได้มีราคาอะไรมากมายหรอก”

“ใต้เท้าเหยาช่างถ่อมตนยิ่งนัก ชาตัวนี้ไม่ใช่แย่ไปกว่าชาชั้นดีอื่นๆ เลย!” หลูถงก่วงพลันพูด

ทั้งสองพูดจาเกรงใจกันไปสองสามคำ หลูถงก่วงก็เอ่ยถามขึ้น “ไม่ทราบว่าเรื่องที่ขาดแคลนยาสมุนไพร ใต้เท้าเหยาได้เขียนสาส์นกราบทูลให้ฮ่องเต้หรือยัง”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “วันนี้มาหาใต้เท้าเพราะว่าเรื่องนี้ ข้าสั่งให้คนส่งสาส์นกราบทูล กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ทว่ายาที่จะส่งมาจากเมืองหลวงนั้น คิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก แต่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่นี่รอคอยไม่ได้ อากาศก็หนาวขึ้นทุกวันๆ ตอนนี้บางคนก็ป่วยไข้ ยาสมุนไพรก็สำคัญเหมือนอาหาร”

หลูถงก่วงถอนหายใจ “แต่ว่าหากไม่รอ พวกเราจะมีวิธีอะไรอีกเล่า ที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดาร ทั้งยังอยู่ในเหมันตฤดูเช่นนี้ ออกไปข้างนอกก็เจอแต่เหมันต์ แม้กระทั่งหญ้าที่ขึ้นริมทางยังไม่มี”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า แล้วเอ่ยถามเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ “ข้าได้ยินว่าที่นี่มีทะเลสาบเซียนหนู่มิใช่หรือ”

หลูถงก่วงถอนหายใจอย่างน่าเศร้าใจ “เช่นนั้นขอรับ มีทะเลสาบเซียนหนู่ ข้าน้อยก็ได้ยินมาแล้ว ที่นั่นมีน้ำพุร้อน น้ำของที่นั่นอุ่นมาก ดังนั้นริมทะเลสาบจึงเป็นฤดูวสันต์ทั้งสี่ฤดู คิดว่าก็คงจะมียาสมุนไพรล้ำค่าขึ้น ทว่า…ทะเลสาบเซียนหนู่อยู่แถวแม่น้ำถูหมู่อี๋เป่ย ตอนนี้พรมแดนที่นั่นยังไม่ใช่ของต้าอวิ๋น!”

“ไม่ว่าอย่างไร พวกเราต้องคิดวิธีจัดการกับเรื่องขาดแคลนยาสมุนไพร” เหยาเยี่ยนอวี่สีหน้าจริงจัง มองดวงจันทราที่สว่างไสวนอกหน้าต่าง “ขืนให้รอแต่ยาสมุนไพรที่ขนมาจากเมืองหลวง ก็ไม่ใช่วิธีจัดการที่ดีอะไร ใช้ยาสมุนไพรท้องถิ่นได้ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”

เรื่องนี้หลูถงก่วงก็เข้าใจดี ทว่ากลับแค่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น

“ใต้เท้าหลู?” หลังจากนิ่งงันไปนาน เหยาเยี่ยนอวี่ถึงจะค่อยๆ พูดขึ้น

หลูถงก่วงค่อยๆ ลิ้มรสชาหอมกรุ่นไปหนึ่งถ้วยรอหมอหญิงเหยาที่กำลังยืนเอามือพาดหลังและอยู่ตรงริมหน้าต่าง นางครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบๆ เสร็จก็สั่งการ พอได้ยินคำพูดของนางจึงรีบตอบกลับทันที “ใต้เท้าเหยาต้องการให้บ่าวรับใช้อะไรขอรับ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “สองวันนี้หาเวลาว่าง สะสางงานในมือของเจ้าให้เสร็จ พวกเราจะออกไปสำรวจพื้นที่กัน คิดวิธีหาสมุนไพรกลับมาหน่อย จะได้เอาไว้ใช้ตอนที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน”

“นี่…” หลูถงก่วงตะลึงงันก่อนเป็นอันดับแรก แล้วเอ่ยถามขึ้นต่อ “ใต้เท้าเหยา ตอนนี้อยู่ในช่วงทำศึกสงคราม นอกเมืองเฟิ่งมีชาวหูคอยสอดแนมอยู่ตลอดเวลา พวกเราไปไหนมาไหนตามอำเภอใจไม่ได้นะขอรับ”

“ไม่เป็นไร ข้าจะสั่งให้คนติดตามพวกเราไปด้วย” เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม ภายในใจกำลังคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาเจรจาสงบศึก คิดว่าทหารในค่ายทหารก็คงไม่มีการใดทำ มิเช่นนั้นก็หาอะไรให้คนพวกนั้นทำหน่อยเถอะ

แน่นอนว่าถ้ามีคนคอยปกป้องก็คงไม่เหมือนกัน หลูถงก่วงพลันลุกขึ้นตอบกลับ “ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”

ตอนที่เว่ยจางได้ยินว่าเหยาเยี่ยนอวี่จะไปหายาสมุนไพรที่นอกเมืองเฟิ่งก็ตะลึงงันก่อน แล้วยกยิ้มขึ้น นี่ถึงจะเป็นนิสัยของนาง ดูนางเหมือนจะสงบเสงี่ยม ทว่ากลับอยู่อย่างไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ให้นางจะนั่งรอความตายเลย ทว่า นี่ก็คือสิ่งที่เขาโปรดปรานนาง

วันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้จะมาถึง ขุนนางต้าอวิ๋นจิ้งไห่โหวเซียวหลินถูกแม่ทัพหันซังเย่ว์ แม่ทัพกองกำลังนกอินทรีเฮ่อซี ถังเซียวอี้และคนอื่นๆ ส่งข้ามแม่น้ำถูหมู่ เพื่อที่จะไปเจรจาสงบศึกในค่ายทหารของเยี่ยลี่ร์จี๋

ขณะเดียวกัน เว่ยจางนับจำนวนกองกำลังนกอินทรีให้ครบครันแล้วพาเหยาเยี่ยนอวี่ หลูถงก่วง และน้าตู้ซานเดินทางไปยังทิศตะวันออกของแม่น้ำถูหมู่ที่อยู่ห่างไกลร้อยกว่าลี้ จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ผืนป่าพงไพรแห่งหนึ่ง

จริงๆ แล้วเว่ยจางไม่ได้สนใจยาสมุนไพรอะไรเลย เขาแค่อยากจะพาเหยาเยี่ยนอวี่ออกมาเที่ยวเล่นเท่านั้น นางมาเมืองเฟิ่งหลายวันมานี้ พวกเขาสองคนยังไม่ได้เสวนากันดีๆ เลย ถึงแม้จะอยู่ในช่วงทำศึกสงคราม ทว่าตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเจรจาสงบศึก อย่างไรก็ควรผ่อนคลายบ้าง

ในผืนป่าแห่งนี้ปกคลุมด้วยหิมะที่หนาหนึ่งจื่อกว่า ม้าจึงเดินอยู่บนพื้นหิมะด้วยความยากลำบาก ทุกคนแค่ลงม้าแล้วเดินไปริมแม่น้ำถูหมู่ นี่เป็นส่วนที่แคบที่สุดของแม่น้ำถูหมู่ ทั้งสองข้างล้อมรอบด้วยผืนป่า เป็นที่ลึกลับ ง่ายต่อการซุกซ่อนตัวและง่ายต่อการหลบหนี

“ผืนแม่น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง จึงผ่านไปได้โดยตรง” เว่ยจางจูงมือของเหยาเยี่ยนอวี่ ค่อนข้างไม่วางใจ “เพียงแต่…เจ้าจะไหวหรือ”

เหยาเยี่ยนอวี่มองเว่ยจางด้วยความน่าขบขัน “เหตุใดข้าถึงไม่ไหวเล่า”

น้าตู้ซานที่อยู่ข้างๆ จึงพูดขึ้น “บ่าวแบกคุณหนูได้เจ้าค่ะ”

เว่ยจางมองนางเพียงปราดเดียว นัยน์ตาสื่อให้เห็นว่าไม่สบอารมณ์ ถ้าจะให้แบก แล้วจะถึงตาเจ้าได้อย่างไร ข้าที่เป็นแม่ทัพจะไม่แบกนางหรือไร

เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “หรือว่าพวกเจ้าจะบินไป”

“อะแฮ่มๆ…” เว่ยจางกระแอมกระแอมสองที “ไม่ต้องหรอก เดินไปก็พอ”

หรือว่าคุณหนูอย่างข้าจะเดินไม่ได้? เหยาเยี่ยนอวี่ถลึงตามองใครบางคนด้วยความโหดเหี้ยมแล้วสาวเท้าเดินไป

ที่นี่ตอนนี้ยังเป็นพรมแดนของคนเกาหลี แค่ว่าครั้งที่แล้วแม่ทัพเว่ยพาคนไปยึดสินค้าของชาวเกาหลี ทั้งยังถือโอกาสนี้สังหารหมู่ ชาวเกาหลีจำต้องถอยทัพจากทิศเหนือไปยังทิศตะวันตก แล้วถอยไปใกล้ถิ่นของชาวหูเป่ย ฉะนั้นเขตแดนนี้จึงอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ทัพเว่ยแล้ว

ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เว่ยจางก็ไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูเหยานำทางอยู่แล้ว เขาได้ส่งคนมาสำรวจพื้นที่ และบัญชาให้กองกำลังนกอินทรีมาเปิดทางเพื่อป้องกันพื้นที่ เผื่อจะมีชาวเกาหลีปรากฏตัว

ผืนแม่น้ำนี้จับตัวเป็นน้ำแข็งชั้นหนา การเดินอยู่บนพื้นน้ำแข็งก็ไม่ได้แตกต่างจากเดินอยู่บนพื้นดิน มีสิ่งเดียวที่แตกต่าง นั่นก็คือไม่มีต้นไม้ พื้นที่ทัศนียภาพดูโล่งและกว้างขวางขึ้น พอมองไปรอบทิศ โลกเหมันต์สีขาวโพลนช่างงดงามนัก จู่ๆ ทำให้คุณหนูเหยานึกถึงบทกวีท่อนหนึ่ง ‘ต้นไม้ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ ประดุจเถาวัลย์อันงดงาม’

คุณหนูเหยาเคยดูแผนที่โลก ผืนป่าและแม่น้ำถูหมู่แห่งนี้ไม่มีอยู่ในยุคปัจจุบันแล้ว ในยุคปัจจุบัน ที่นี่กลายเป็นเมืองที่เป็นเขตอุตสาหกรรมขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก และนางก็เคยไปเมืองดังกล่าว เพราะต้องไปทำงานวิจัย นางอยู่ที่นั่นถึงหนึ่งสัปดาห์ และได้ใช้เวลาสองวันตามทัวร์ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

เมื่อเทียบกับเมืองต่างๆ ในยุคปัจจุบันที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ จนทำให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม การได้ชมทิวทัศน์เหมันต์เช่นนี้ ประดุจหลุดไปอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ หากไม่เกิดสงคราม การสร้างบ้านพักตากอากาศที่นี่ก็คงไม่เลว อืม พี่หันชอบเหมันตฤดูและชอบหิมะ หากอนาคตได้สร้างบ้านพักตากอากาศที่นี่ คงต้องชวนนางมาอยู่ด้วยกันเสียแล้ว

คุณหนูเหยาเดินอยู่บนหิมะที่ทับถมจนสูงถึงหัวเข่า นางหายใจออกจนควันขาวพ่นออกจากปาก ขณะที่นางลอบครุ่นคิดอะไรบางอย่างอย่างเงียบๆ ก็ถูกแม่ทัพเว่ยดึงนางให้เดินเร็วขึ้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset