หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 358 หายาริมทะเลสาบ ถูกจู่โจมกลางป่าเหมันต์ (3)

ตอนที่ 358 หายาริมทะเลสาบ ถูกจู่โจมกลางป่าเหมันต์ (3)

พอเดินไปถึงกลางผืนแม่น้ำ เว่ยจางขมวดคิ้วมองคุณหนูเหยาที่กำลังมองซ้ายแลขวาเพียงพริบตาเดียว จากนั้นเขาก็โอบเอวนางอย่างฉับพลัน แล้วใช้กำลังภายในกระโดดขึ้น ปลายเท้าย่ำลงบนพื้นหิมะแล้วพุ่งไปด้านหน้าอย่างว่องไว คุณหนูเหยาวิงเวียนศีรษะ ยังไม่ทันได้สติกลับมา พวกเขาก็ไปถึงตลิ่งอีกฟากของแม่น้ำแล้ว

ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก คุณหนูเหยาหันกลับไปมองหลูถ่งก่วงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผืนแม่น้ำ น้าตู้ซานและเหล่าทหารกองทัพนกอินทรีนาย จู่ๆ นางก็ผลักเว่ยจางหนึ่งที “ใครสั่งให้เจ้าอุ้มข้า”

ขืนไม่อุ้มเจ้ารีบข้ามแม่น้ำ สองตาของเจ้าก็คงมองแต่พื้นหิมะ ดวงตาของเจ้าเกรงว่าจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว! แค่ว่าเหตุผลแท้จริงที่เขาทำเช่นนี้ เขาไม่อยากพูดออกมาในตอนนี้เท่านั้น และอยากจะกลั่นแกล้งนางเล่นๆ ดังนั้นเว่ยจางจึงยิ้มจางๆ “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย จะกลัวอะไร”

“ไม่ใช่เรื่องกลัวหรือไม่กลัว” คุณหนูเหยาขุ่นเคืองใจ “อย่างน้อยเจ้าก็ควรถามความเห็นของข้าสิ!”

เว่ยจางกระตุกคิ้วคมเข้ม วางท่าสง่าผ่าเผย “ข้าโอบกอดสตรีของตนเอง ยังต้องรอฟังความเห็นของคนอื่นหรือไร”

“ใครเป็นสตรีของเจ้า” คุณหนูเหยาตะคอกเสียงดัง เพิ่งจะสังเกตเห็นว่ากองกำลังนกอินทรีที่อยู่รอบๆ ต่างก็หันมามอง นางจึงพูดต่อพลางกัดฟันกรอด “พวกเรายังไม่ได้สมรสกันเสียหน่อย!”

“พิธีสมรสแค่ล่าช้าไปเท่านั้น หากเจ้ายินยอม ล้วนจัดพิธีสมรสได้ตลอดเวลา” จริงๆ แล้วเว่ยจางไม่อยากแม้แต่จะล่าช้าสักเค่อเดียว หากไม่กลัวว่านางจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เกรงว่าเรื่องวิวาห์ของนางในชาตินี้จะทำให้นางต้องมานั่งเสียใจภายหลัง คิดว่าตอนนี้นางคงจะตั้งครรภ์ไปแล้ว!

แน่นอน คำพูดด้านหลัง แม่ทัพเว่ยแค่คิดในใจเท่านั้น มิเช่นนั้นคุณหนูที่อยู่ตรงหน้าคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ

หมอทหารหลูอาศัยอยู่ในค่ายทหารเป็นเวลานาน แน่นอนว่าสภาพร่างกายก็ถือว่าไม่เลว แต่ตอนที่เทียบกับสภาพร่างกายของกองกำลังนกอินทรี เขาก็ยังถือว่าแย่กว่า กลับพูดถึงน้าตู้ซานที่เกิดในตระกูลทหาร ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้แข็งแรงเหมือนกองกำลังนกอินทรี ทว่าก็ไม่ได้แย่กว่ามาก

หลังจากนั้น เว่ยจางจึงทนไม่ได้กับความเชื่องช้าของหมอทหารหลู เลยเร่งเขา แล้วบัญชาให้ทหารนกอินทรีแบกเขา ส่วนคุณหนูเหยาก็ถูกว่าที่สามีของนางอุ้ม พวกเขาจึงเดินบนพื้นหิมะได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่นานก็เดินผ่านที่ราบสิบกว่าลี้จนไปถึงกลางหุบเขา

เหยาเยี่ยนอวี่จำได้ว่านางเคยอ่านบทความเกี่ยวกับภูมิประเทศและภูมิอากาศ กล่าวว่า “เมื่อภูเขาลูกหนึ่งมีสภาพอากาศครบสี่ฤดู ระยะทางทุกๆ สิบลี้จะมีท้องฟ้าที่แตกต่างกันไป”

นางเชื่อมาโดยตลอดว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ ตอนที่อ่านประโยคนี้ก็ไม่ได้รู้สึกสงสัย แค่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เผชิญกับเรื่องเช่นนี้ด้วยตัวเอง กลับน่าตกตะลึงเช่นนี้

ระยะทางไม่ถึงสิบลี้ด้วยซ้ำ นี่ก็แค่สี่ห้าลี้เท่านั้น ทว่ากลับเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้

เป็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยพืชสีเขียว มีทั้งต้นสนและต้นไม้ชนิดอื่นที่สูงทะลุฟ้า บนพื้นไม่มีหิมะทับถมแม้แต่น้อย มีเพียงต้นหญ้าชั้นหนา ทว่าต้นหญ้าไม่ได้เขียวขจี กลับไม่ได้เหลืองจนเหมือนใกล้จะแห้งตาย แค่เป็นสีเขียวแกมเหลือง เหมือนตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง และเป็นช่วงเวลาที่พืชกำลังจะออกผลพอดี

เหยาเยี่ยนอวี่ถูกเว่ยจางจูงมือไว้ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังต่างล้อมรอบด้วยกองทัพนกอินทรี พวกเขาเดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวังตัว หลังจากเดินไปราวๆ สองสามลี้ ทิวทัศน์ตรงหน้าช่างงดงามดั่งที่คาด

“ว้าว…ช่างอัศจรรย์ยิ่งนัก!” เหยาเยี่ยนอวี่เริ่มรู้สึกว่าดวงตาของนางเริ่มไม่พอใช้งาน นางมองพืชพันธุ์สีเขียวหลากหลายชนิด ไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตาแม้แต่ต้นเดียว

เว่ยจางเห็นนางเหมือนเด็กน้อยซุกซนจึงเตือนด้วยเสียงต่ำ “ต้องการอะไรก็บอกพวกเขาได้เลย ให้พวกเขาไปเด็ดให้เจ้า พวกเราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป”

“ได้” เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปชี้ไป ทหารสามสิบกว่านายจึงยุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก พวกเขามาเพื่อเด็ดสมุนไพรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี เหล่าทหารนกอินทรีต่างมีกระสอบใหญ่หนึ่งใบเอาไว้ใส่สมุนไพรที่เด็ดได้

“เด็ดต้นที่ดีหน่อย อย่าเด็ดต้นที่เหี่ยวเฉาล่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่โน้มตัวลงไปเด็ดต้นไม้ใบเล็กสีเขียวมาหนึ่งต้น นี่เป็นหวงฉี หวงฉีก็เป็นสมุนไพรที่ใช้อยู่เป็นประจำ เป็นยาที่แก้โรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี

“เอาอันนี้ด้วยไหม” เว่ยจางมองนางที่กำลังมองพืชต้นนี้อย่างเหม่อลอย

เหยาเยี่ยนอวี่พลันพยักหน้า “เอา อันนี้ต้องเด็ดเยอะๆ เสียหน่อย! ยาตัวนี้มีสรรพคุณรักษาแผลภายนอกได้เป็นอย่างดี”

คนรอบข้างได้ยินมาตั้งแต่เนิ่นๆ และเด็ดพืชชนิดนี้มาเป็นจำนวนมาก

“ไปดูฝั่งโน้น” เว่ยจางก็รู้สึกรื่นเริง จึงยื่นมือไปกุมมือของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้แล้วเดินไปด้านหน้าต่อ ไม่ได้เห็นนางมีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว หวังว่าตอนนางเห็นทะเลสาบเซียนหนู่จะมีความสุขมากกว่านี้

ท้ายที่สุด เหยาเยี่ยนอวี่ก็ได้เห็นทะเลสาบเซียนหนู่

ผืนน้ำนิ่งประดุจคันฉ่อง ท้องฟ้าปลอดโปร่งบริสุทธิ์ ทั่วสี่ทิศล้อมรอบด้วยหิมะสีขาวโพลน ใต้หุบเขาหิมะเต็มไปด้วยพืชพันธุ์สีสันสดใส นี่เป็นทิวทัศน์ที่งดงามยิ่งนัก! เหยาเยี่ยนอวี่ยืนอยู่ริมทะเลสาบนานนม ดึงสติกลับมาไม่ได้

“งดงามไหม” แม่ทัพเว่ยเป็นคนหยาบกระด้าง ทว่าก็รู้สึกชื่นชมในทิวทัศน์เช่นนี้ เขายื่นมือไปจูงมือของนางแล้วเอ่ยถามด้วยเสียงเบา

“งดงามนัก!” คุณหนูเหยาเปรยขึ้น หากมีกล้องถ่ายรูปก็คงจะดี

แม่ทัพเว่ยยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วยื่นมือไปดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วถามขึ้น “ชอบหรือไม่”

“อืม ชอบมาก” คุณหนูเหยาไม่รู้ว่าการถูกเขาโอบกอดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอะไร นางยังขยับศีรษะไปพิงอยู่บนไหล่ของเขาด้วยความเชื่อฟัง แล้วเปรยขึ้น “หากปลูกเรือนที่นี่ได้ ข้าจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เป็นประจำเลย”

“นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก” เว่ยจางยกมือพลางใช้หลังมือลูบแก้มของนาง แล้วยิ้มพูดด้วยเสียงต่ำ “ตอนนี้ที่นี่ไม่ใช่พรมแดนต้าอวิ๋น หากอยากปลูกเรือนและอาศัยที่นี่ เกรงว่าคงต้องขับไล่ชาวเกาหลีออกไปเสียก่อน”

“อ๋า?” เหยาเยี่ยนอวี่ตะลึงงันเล็กน้อย นางแอบเอาพรมแดนต้าอวิ๋นมาเทียบกับประเทศจีนในยุคปัจจุบันดู ที่นี่ไม่น่าจะใช้อาณาเขตของประเทศอื่น ทว่าตอนนี้ ที่นี่กลับไม่ใช่พรมแดนของต้าอวิ๋น

เว่ยจางกลับไม่รู้เรื่องที่นางคิดในใจ จู่ๆ ก็ชี้ไปในน้ำ พูดขึ้น “เจ้าดูสิ ในน้ำมีปลาด้วย”

“จับมันสิ!” เหยาเยี่ยนอวี่ตะโกนขึ้นมันที

เว่ยจางก็ยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นางจะชี้ไปทางนั้นด้วยซ้ำ เขาดึงด้ายที่ผูกตรงข้อมือกลับ ทำให้ตะขอตกปลาเกี่ยวปลาขึ้นมาหนึ่งตัว

“ว้าย! ยอดเยี่ยมจริงๆ” เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือไปจับปลาตัวนั้นไว้แล้วพูดด้วยความดีใจ “นี่เป็นของดีเลย จับเยอะกว่านี้ได้ไหม”

เว่ยจางยกยิ้มไม่พูดไม่จา ทว่ากลับมองผืนน้ำอย่างใจจดใจจ่อ รอจนกว่าสังเกตเห็นปลาว่ายมา ถึงจะยื่นมือออกไปโดยเร็ว จากนั้นก็จับปลาได้อีกหนึ่งตัวดั่งที่คาด เหยาเยี่ยนอวี่พลันสั่งให้น้าตู้ซานเปิดถุงเพื่อใส่ปลาเข้าไป

กองทัพนกอินทรีแบ่งเป็นสองพวก หนึ่งพวกคอยเด็ดสมุนไพร อีกพวกคอยรักษาความปลอดภัย ทุกคนต่างยุ่งไปครึ่งค่อนวัน จนกระสอบที่เอามาใส่สมุนไพรจนเต็ม แม่ทัพเว่ยก็จับปลาได้ครึ่งกระสอบ แล้วทุกคนก็เก็บของเตรียมตัวเดินทางกลับ

เพราะว่าคราวนี้ได้อะไรกลับไปมากมาย คุณหนูเหยาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ตอนนี้นางดูตื่นเต้นดีใจกว่าตอนขามา และไม่ได้รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย นางติดตามทุกคนมาหลายสิบลี้ ทำให้ต้าตู้ซานคาดคิดไม่ถึงจริงๆ

“คุณหนูมีพละกำลังเยอะกว่าแต่ก่อน!” น้าตู้ซานรู้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่ออกกำลังกายปาต้วนจิ่นอยู่ทุกวัน ร่างกายจึงแข็งแรงขึ้นมามาก ไม่เพียงแต่ใช้ชี่ฝังเข็มได้ ร่างกายเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตาม

“ข้าก็นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะเดินมาไกลได้ถึงขนาดนี้” เว่ยจางมองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างตกตะลึง ตอนนี้พวกเขาได้ออกจากหุบเขาเซียนหนู่ และเข้าสู่ดินแดนที่ปกคลุมด้วยเหมันต์

“เห็นได้ชัดเลยว่าปกติเจ้าน่ะชอบดูถูกข้า…” จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกจับตามองอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังพูดถึงกับหยุดชะงักไป

Comment

Options

not work with dark mode
Reset