หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 372 ดนตรีบรรเลงไม่ช้าไม่เร็ว คาดว่ามีสิ่งใดแอบแฝง (3)

ตอนที่ 372 ดนตรีบรรเลงไม่ช้าไม่เร็ว คาดว่ามีสิ่งใดแอบแฝง (3)

เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ พลางพูดขึ้น “ไม่เห็นมีอะไรน่าอิจฉา หากพี่หันยินยอม พี่หันก็เอาเงินจากสินเดิมเจ้าสาวออกมา พวกเราสองคนระดมทุนกันสร้างโรงงานขึ้นมาใหม่ อย่างไรเงินส่วนนี้ก็ทำกำไรได้ไม่ขาดสายแน่นอน มิเช่นนั้นพวกเราสองคนลงทุนทำกำไรด้วยกันเถอะ”

หันหมิงชั่นพูดยิ้มๆ “อย่าเลย ตอนนี้ในมือของเจ้ามีเงินก้อนโตเช่นนั้นแล้ว ยังจะหาคนอย่างข้ามาระดมทุนอีกหรือ”

“ข้าแค่เกียจคร้าน ไม่ชอบดูอะไรที่มีตัวเลขเยอะๆ เวลาผ่านไปสักระยะ พวกข้ารับใช้ต้องแอบเกียจคร้านแน่นอน ดังนั้นเลยอยากให้พี่สาวคอยตรวจบัญชี หรือว่าพี่สาวจะแอบโกงเงินของข้า หรือกลัวว่าอนาคตของท่านจะไม่ราบรื่น เลยไม่อยากเอาสินเดิมเจ้าสาวออกมาใช้”

หันหมิงชั่นพูดยิ้มๆ “ไหนๆ เจ้าก็คิดเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเราชวนเหิงเอ๋อร์มาทำด้วยกันไหม”

เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวน้อยๆ แล้วพูดขึ้น “นางยังเด็ก ตอนนี้นางยังตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ รอให้นางออกเรือนค่อยว่ากันดีกว่าไหม”

“อืม จวนติ้งโหวคนเยอะมากเรื่อง เจ้ากังวลเช่นนี้ก็ถือว่าถูกต้องแล้ว” หันหมิงชั่นพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นก็สะกิดเหยาเยี่ยนอวี่หนึ่งที แล้วพูดขึ้น “ว่าไปแล้ว เรื่องที่ข้าบอกให้เจ้าทำ เจ้าทำแล้วหรือยัง”

เหยาเยี่ยนอวี่พลันพูด “แน่นอน คำสั่งของพี่สาวข้าจะกล้าไม่ทำตามได้อย่างไร ข้าไปถามเขาแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องน้อมรับด้วยความยินดีอย่างที่สุดอยู่แล้ว”

“ไหนๆ ก็เป็นเช่นนี้แล้ว พวกเรามาวางแผนกันหน่อยเถอะ ดูว่าจะเลือกเวลาใดและข้ออ้างอะไรให้พวกเขาสองคนเจอหน้ากันดี”

“เช่นนั้น พวกเราต้องหาเวลาและโอกาสให้พวกเขาได้เจอกัน ไม่ว่าอย่างไร อนาคตพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ต่อให้คนอื่นรู้สึกว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”

“เรื่องนี้ต้องให้แม่ทัพเว่ยของเจ้าไปด้วย ถึงจะได้”

“จะให้เข้าไปด้วยหรือเปล่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านซื่อจื่อมิใช่หรือ”

“เช่นนั้น พรุ่งนี้ข้าจะไปบอกพี่ชายข้าเอง”

“ได้ เช่นนั้นก็ตามนี้”

ทั้งสองนอนอยู่บนเตียง ปรึกษาหารือเรื่องราวหลายอย่างกันจนถึงกลางดึก

และตอนนี้บุรุษทั้งสองคนที่อยู่ในจวนติ้งโหวยังไม่รู้ว่าตนเองถูกพูดถึงอยู่

ระหว่างนี้ เว่ยจางลอบครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ว่าจะหาข้ออ้างอะไรไปจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อนัดว่าที่ภรรยาของตนเองออกมาเจอกัน ส่วนอีกคนก็กำลังคิดว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพเว่ยเคยพูดถึงเรื่องนี้กับตัวเองแล้ว นางจำได้หรือไม่

เวลาเร่งรีบเกินไปแล้ว! ถังเซียวอี้นอนอยู่บนหลังคา ตากลมเย็นพลางชมดูดาว พร้อมทั้งลอบถอนหายใจ พอเห็นว่านี่ก็ใกล้จะผ่านไปครึ่งค่อนปีแล้ว พอเห็นว่าแม่ทัพของเขาใกล้จะอุ้มบุตรชายแล้ว ตนที่เป็นข้าน้อยก็ไม่ควรล้าหลัง!

สิ้นเดือนห้า เจิ้นกั๋วกงซื่อจื่อหันซังเกอเชิญชวนสหายคนสนิทไปสังสรรค์กันในจวนเจิ้นกั๋วกงที่อยู่ตรงนอกเมือง ส่งเทียบเชิญให้แขกเหรื่อไปไม่มาก มีเพียงเหล่าแม่ทัพที่ไปออกรบด้วยกันในครั้งนี้ ส่วนคนอื่นก็มีเพียงซูอวี้ผิง ท่านซื่อจื่อแห่งจวนติ้งโหว และแน่นอนว่าต้องเชิญท่านเซียวโหวและอันอี้โหวซื่อจื่อโจวเฉิงหยาง อีกอย่างยังมีบุตรชายคนโตของอัครเสนาบดีเฟิง เฟิงเซ่าเชิน

คนพวกนี้ล้วนเป็นตระกูลที่หมายดองกัน ไม่ใช่คนอื่นคนไกล

ส่วนแขกเหรื่อที่เป็นสตรีก็ไม่มาก เขาเชิญเหล่าสตรีภายใต้นามของเฟิงเซ่าอิ่งที่เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ รวมไปถึงหันหมิงชั่นและบุตรีอนุภรรยาของตระกูลหันอีกสองคน บุตรีอนุภรรยาของตระกูลเฟิงสองคน และคนที่ขาดไม่ได้ก็คือเหยาเยี่ยนอวี่และซูอวี้เหิง อีกทั้งยังมีบุตรีคนที่สามของอันอี้โหว นามว่าโจวเย่ว์หลิน

ซูอวี้เหิงและโจวเย่ว์หลินไม่ได้เป็นคนแปลกหน้ากัน ทว่าก็ไม่ได้สนิทสนมกัน อันอี้โหวสอนบุตรีโดยการยึดหลักว่าต้องเป็นสกุลสตรีและสุภาพเรียบร้อย ซึ่งแตกต่างจากองค์หญิงต้าจั่งโดยสิ้นเชิง ดังนั้นซูอวี้เหิงและโจวเย่ว์หลินจึงไม่สนิทสนมกัน

ทว่า พอวันนี้ได้เจอกันในบ้านพักตากอากาศกั๋วกง ซูอวี้เหิงก็เกิดความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม

เหยาเยี่ยนอวี่กลับเจอโจวเย่ว์หลินเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่แล้ว ตอนไปส่งหันซังเย่ว์ตรงประตูเมืองทางทิศเหนือก็เจอหน้านางมาเพียงพริบตาเดียว กลับไม่ได้ทำให้นางจดจำอะไร ในความจริง โจวเย่ว์หลินก็พูดคุยกับหันซังเย่ว์ไปสองสามคำเท่านั้น ตอนนั้นเหยาเยี่ยนอวี่มัวแต่ครุ่นคิดถึงความปลอดภัยของเว่ยจาง และไม่รู้ว่านี่เป็นว่าที่ภรรยาของหันซังเย่ว์ จึงไม่ได้คิดมากอะไร

วันนี้ เพราะว่าซูอวี้เหิงจับมือของตัวเองแน่นๆ ถึงจะทำให้นางอดคิดมากไม่ได้ พอหันหน้ามาก็เห็นเฟิงเซ่าอิ่งพูดคุยเล่นกับโจวเย่ว์หลินอย่างสนุกสนาน ท่าทางดูสนิทสนมกว่าคนอื่น อีกอย่างดูจากสีหน้าที่ขาวซีดของซูอวี้เหิง จึงเข้าใจในเหตุผลที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

“ไหนๆ ก็เลือกที่จะปล่อยวาง ก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว เจ้าก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักปล่อยวางเสียหน่อย” เหยาเยี่ยนอวี่กระซิบข้างหูซูอวี้เหิงด้วยเสียงต่ำ

ซูอวี้เหิงพยักหน้าเบาๆ ในความคิดของนางอาจปล่อยวางแล้ว ทว่าอย่างไรนั่นก็คือคนที่ตนเองโปรดปราน วันนี้พอจะตัดใจจริงๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจบรรยายได้

บ้านพักตากอากาศตระกูลเจิ้นกั๋วกงนี้ เป็นเรือนที่ออกแบบในรูปแบบของบ้านสวนโบราณเจียงหนาน โดยยึดทิวทัศน์น้ำเป็นหลัก บ้านพักตากอากาศล้อมรอบไปด้วยบ่อน้ำ ศาลา ระเบียง และเรือนต่างๆ ถูกสร้างอย่างพิถีพิถัน ทุกมุมในนี้ ล้วนเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป ทุกที่จะให้ความรู้สึกและเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป

งานเลี้ยงครั้งนี้แบ่งชายและหญิง เหล่าสตรีจะไปเฉลิมฉลองกันที่ศาลากลางน้ำ “ปี้อี” ศาลานี้ถูกสร้างอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานเก้าโค้งที่เชื่อมชายฝั่งไว้ นี่ก็คือสถานที่ที่ล้อมรอบด้วยน้ำ

บัวแดงเหนือผิวน้ำงดงามยิ่งนัก พวกมันกำลังแข่งกันผลิบาน บัวแดงบางต้นงอกงามดีจนสูงกว่าระเบียงหยกขาวด้านบน ทำให้บดบังสตรีร่างงดงามที่ยืนอยู่บนนั้น ฝูงนกนางนวลโบยบินมาเกาะเรียงรายกันเป็นแถว เหมือนกำลังมายืนต้อนรับพวกนางอยู่

ส่วนงานเลี้ยงของเหล่าบุรุษจัดอยู่ที่ศาลาริมน้ำ ‘เตี้ยวเย่ว์’ ซึ่งไม่ได้อยู่ห่างไกลจากศาลาที่เหล่าสตรีอยู่ ทว่าริมน้ำนี้มีต้นอ้อสีเขียวชอุ่มเป็นพุ่มๆ ประดุจเป็นม่านกั้นธรรมชาติ ที่บดบังการมองเห็นได้

เหล่าคุณหนูจากจวนต่างๆ ติดตามเฟิงเซ่าอิ่งไปนั่งในงาน ส่วนทางฝั่งหันซังเกอ น้องชายคนรองหันซังเย่ว์ น้องชายคนที่สามหันซังจี่ พาอวิ๋นคุน เว่ยจาง เซียวหลิน ซูอวี้ผิง โจวเฉิงหยา เฮ่อซี ถังเซียวอี้ และทหารยอดฝีมือสองนายของอวิ๋นคุนไปนั่งประจำที่ของตัวเอง พวกเขาแยกกันนั่งสองโต๊ะ

เหตุเพราะคนมาร่วมงานในครั้งนี้ล้วนยังสาว และยังหนุ่มแน่น จึงไม่มีใครอยากชมละครเพลง หันหมิงชั่นจึงสั่งให้เหล่านักแสดงละครเพลงในจวนมาล่องเรือเป่าขลุ่ยเพื่อสร้างบรรยากาศที่เพลิดเพลินเท่านั้น

ทันใดนั้น ก็มีอาหารเลิศรสมาวางบนโต๊ะเต็มไปหมด ทั้งยังมีสุราชั้นดีที่วางเป็นจอกๆ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ เสียงดนตรีส่งมาจากผืนน้ำ ซึ่งเป็นเสียงไพเราะเสนาะหู

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนยังคงรักษาภาพพจน์ของตนเองไว้ ทว่าหลังจากดื่มสุราไปไม่กี่จอก ทุกคนก็ค่อยๆ แสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมา

ซูอวี้เหิงมัวแต่พูดคุยและดื่มสุรากับเหยาเยี่ยนอวี่ ส่วนโจวเย่ว์หลินถูกเฟิงเซ่าอิ่งลากไปนั่งพูดคุยด้วย หันหมิงเจวี๋ยและหันหมิงหลังอยู่คุยเป็นเพื่อนกับสตรีสองคนที่มาจากตระกูลเฟิง หันหมิงชั่นมองซ้ายแลขวา ประเดี๋ยวก็บอกให้เติมอาหาร ประเดี๋ยวก็เร่งให้เหล่าสาวใช้เติมสุรา นางยุ่งวุ่นวายอย่างมีความสุขยิ่งนัก

เสียงดนตรีที่ส่งมาจากเรือทางฝั่งโน้นนั้นเป็นบทกวี ‘บทเพลงขลุ่ยสิบแปดบท’ เสียงกู่ฉินที่มาพร้อมเสียงน้ำไหล ทำให้เสียงใสไพเราะจับใจยิ่งขึ้น

เหล่าคุณหนูที่นั่งอยู่ต่างก็อิจฉาที่ฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้เหยาเยี่ยนอวี่ส่งยาขึ้นเหนือในครั้งนี้ ทว่าก็รู้สึกตกตะลึงตอนที่ได้ยินว่านางได้รับบาดเจ็บมา พวกนางต่างยกสุราขึ้นเพื่อแสดงความนับถือในตัวนาง

เหยาเยี่ยนอวี่ปฏิเสธไม่ได้ หลังจากดื่มไปสองสามจอก หน้าก็เริ่มแดงระเรื่อ และอยากจะออกไปด้านนอกเพื่อหลบเลี่ยงการเชื้อเชิญให้ดื่มสุรา ด้วยเหตุนี้นางเลยดึงซูอวี้เหิงเข้ามาใกล้ “ที่นี่เสียงดังเกินไป ไปเดินเล่นตรงริมชายฝั่งกับข้าที”

ซูอวี้เหิงแค่ลุกขึ้นตามนาง ทั้งสองจูงมือพลางเดินออกจากศาลากลางน้ำ

ด้านนอกยังคงมีแดดจ้า เหยาเยี่ยนอวี่กลัวการตากแดด เลยเด็ดใบบัวมาบังแดดไว้ ซูอวี้เหิงกลับยื่นมือไปเด็ดกลีบดอกบัวพลางดมกลิ่นหอมของดอกบัว

ทั้งสองเดินเคียงไหล่กันตรงระเบียงหยกขาว แล้วเดินไประเบียงชายฝั่ง จากนั้นก็มีสาวใช้เดินหน้ามาน้อมคำนับแล้วถามว่าคุณหนูสองท่านต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่

เหยาเยี่ยนอวี่จึงพูดขึ้น “ข้าดื่มสุราไปสองสามจอก ตอนนี้อยากหาสถานที่สงบๆ เพื่อล้างหน้าเสียหน่อย”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset