หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 385 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (1)

ตอนที่ 385 จวนซูทะเลาะแก่งแย่ง จวนเว่ยรักใคร่ปรองดอง (1)

เว่ยจางยกเหยือกรินเหล้าให้เหยาเหยียนอี้ พร้อมทั้งพูดเสียงต่ำ “เรื่องนี้น่าจะไม่สาวไปถึงเบื้องบน แท้จริงแล้วพวกเราไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัวเช่นนี้”

“ระมัดระวังหน่อยก็ดี หากไม่กุมเรื่องสำคัญเป็นความลับ หายนะมาเยือนแน่ นี่เป็นคำพูดที่ท่านพ่อมักจะกำชับข้ามาตลอด” นี่เป็นคำพูดที่เหยาหย่วนจือกำชับบุตรชาย ตอนนี้เหยาเหยียนอี้นำคำพูดนี้มาบอกเว่ยจาง

เว่ยจางพยักหน้า แล้วพูดว่า “พ่อตาวางแผนรอบคอบเหลือเกิน”

กลับกล่าวถึงซูอวี้เสียงที่กำลังกลับจากสุขา ก็ได้เจอกับสาวใช้อายุแปดเก้าขวบคนหนึ่งตรงใต้ต้นไห่ถัง ทีแรกเขาก็ไม่คิดจะสนใจสาวใช้อายุแปดเก้าขวบอยู่แล้ว ทว่าพอเห็นสาวใช้คนนั้นเดินอย่างว่องไว ทั้งยังเห็นเขาแล้วไม่ได้น้อมคำนับก็เดินผ่านไปทันที เดิมทีคุณชายสามซูที่รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว ก็ยิ่งไม่สบอารมณ์มากกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้จึงตวาดใส่สาวใช้คนนั้น “หยุดก่อน”

ตอนนี้ตู้เจวียนติดตามอยู่ข้างกายเหยาชุ่ยฮั่น ยัยหนูน้อยชุ่ยฮั่นเล่นอยู่กลางสวนจนเสื้อผ้าแปดเปื้อน นางจึงทำตามคำสั่งของแม่นมให้ไปนำเสื้อผ้าของยัยหนูน้อยมา ดังนั้นถึงได้เดินอย่างเร่งรีบ สนใจแต่ทาง ทว่ากลับไม่เห็นคุณชายสามซูที่อยู่ด้านข้าง

เวลานี้พอถูกรั้งไว้ ตู้เจวียนพลันค้อมตัวลงต่อหน้าซูอวี้เสียง พร้อมทั้งขานเรียกอย่างมีมารยาท “คุณชายสามเจ้าคะ”

“เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ” ภายในใจของซูอวี้เสียงยิ่งไม่สบอารมณ์กว่าเดิม หากนางไม่รู้จักและไม่ทันได้สังเกตเห็นตน คงไม่ทำให้ขุ่นเคืองใจมากเช่นนี้ พอรู้ว่านางรู้จัก กลับทำเป็นไม่เห็นหน้าตน นางเจตนาไม่สนใจตนเอง และตั้งใจดูหมิ่นตนเอง นี่มันหมายความว่าอะไร

“เจ้าค่ะ” ตู้เจวียนเห็นคุณชายสามซูปั้นหน้าโมโห จึงรีบค้อมตัวลงอีกครั้ง “บ่าวรีบเร่งเกินไป จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นคุณชายสาม คุณชายสามได้โปรดอภัยเจ้าค่ะ”

“เจ้ากลับกล้าแล่นเรือไปตามลมกระนั้นหรือ” ซูอวี้เสียงไม่สบอารมณ์อย่างมากอยู่แล้ว พอเจอที่ระบายอารมณ์ เขาไม่มีทางปล่อยให้ลอยนวลไปอยู่แล้ว “เจ้านามว่าอะไร”

“บ่าวนามว่าตู้เจวียนเจ้าค่ะ เป็นสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติรับใช้คุณหนูชุ่ยฮั่นเจ้าค่ะ”

“ตู้เจวียน? เจ้าแซ่ตู้หรือ” ซูอวี้เสียงขมวดคิ้วครุ่นคิด จู่ๆ ก็นึกถึงน้าตู้ซาน ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยถาม “เจ้าเป็นบุตรีของน้าตู้ซานที่บังลูกศรหน้าไม้แทนเหยาเยี่ยนอวี่ตอนไปเมืองเฟิ่งจนต้องสิ้นใจไปใช่หรือไม่”

“เช่นนั้นเจ้าค่ะ” ตู้เจวียนก้มหน้าตอบกลับ

“มิน่าล่ะ สาวใช้อย่างเจ้าถึงได้ไม่เห็นใครในสายตา ที่แท้ก็คือบุตรีของบ่าวที่สร้างผลงานใหญ่หลวงนี่เอง” ซูอวี้เสียงแสยะยิ้มเย็นชา “แม่เจ้าบังลูกศรหน้าไม้แทนนายหญิงจนถึงแก่ความตาย นายหญิงของเจ้าไม่ได้พาเจ้าไปอยู่จวนแม่ทัพด้วยหรือ เห็นได้ชัดเจนว่าชีวิตของแม่เจ้าช่างไร้ค่าเหลือเกิน”

“ท่านพูดจาเหลวไหล!” ไม่ว่าเป็นใคร พอถูกคนอื่นหาว่าชีวิตของมารดาตนไร้ค่าก็คงไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เจวียนกับมารดาผู้ให้กำเนิดไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา จึงมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกว่าความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่อื่น

“หน็อยแน่!” สีหน้าของซูอวี้เสียงบูดบึ้งทันที “เจ้ากล้าดีนัก! กล้าสบถหยาบใส่ข้าหรือ”

“ท่านเองที่เป็นฝ่ายหาว่าชีวิตท่านแม่ของข้าไร้ค่า!” ตู้เจวียนพึมพำอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม

ช่วงนี้ตู้เจวียนอยู่ในจวนเหยา ก็ต้องมีคนสั่งสอนเกี่ยวกับกฎระเบียบและมารยาทอยู่แล้ว การว่ากล่าวตำหนิและถกเถียงกับนายถือเป็นความผิดร้ายแรง หากมารดาผู้ให้กำเนิดของตนถูกว่าร้าย นางไม่มีทางสร้างเรื่องผิดใจกับแขกเหรื่อคนสำคัญแน่นอน

“ข้าบอกว่าชีวิตมารดาของเจ้าไร้ค่าแล้วจะทำไม พวกเจ้าเป็นบ่าวไพร่อยู่แล้ว ชีวิตของพวกเจ้าก็เป็นของนาย เหตุใดข้าถึงว่าเจ้าเช่นนี้ไม่ได้ นี่เป็นกฎระเบียบของตระกูลเหยาหรือ” ซูอวี้เสียงปั้นหน้าเย็นชาใส่ตู้เจวียน ไม่ได้รู้สึกว่าผู้ที่มีฐานะแขกคนหนึ่งมาคอยต่อล้อต่อเถียงเพราะเรื่องเล็กน้อยกับบ่าวไพร่ของจวนคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายแม้แต่น้อย

ตู้เจวียนรู้ว่าตนสะเพร่าเอง ทว่าก็ไม่อยากยอมรับผิดเช่นนี้ นางจึงก้มหน้าไม่พูดไม่จา และเริ่มน้ำตาคลอ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสียงของเหยาเยี่ยนอวี่ดังมาจากด้านข้าง จู่ๆ ตู้เจวียนก็รู้สึกว่าตนเจอดวงดาวแห่งความช่วยเหลือ นางวิ่งไปคุกเข่าลงบนพื้นทันที แล้วขานเรียกด้วยเสียงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม “คุณหนูเจ้าคะ”

“เกิดอะไรขึ้น” เหยาเยี่ยนอวี่มองซูอวี้เสียงด้วยสายตาเลือดเย็น “สาวใช้คนนี้เดินชนคุณชายสามหรือ”

ซูอวี้เสียงมองเหยาเยี่ยนอวี่ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ยอมกันได้ ทว่ากลับเอ่ยพูดอย่างดื้อดึง “เยี่ยนอวี่ สาวใช้คนนี้ช่างไม่รู้มารยาท กลับกล้าว่ากล่าวตำหนินาย ช่างไม่รู้กฎระเบียบแม้แต่น้อย”

เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่ก็ต้องปกป้องตู้เจวียนอยู่แล้ว พอเห็นนางก็รู้สึกผิดในใจ ยิ่งรู้สึกรักใคร่เอ็นดูนางมากขึ้น แล้วจะปล่อยให้นางถูกซูอวี้เสียงรังแกได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงแสยะยิ้มเยือกเย็นพร้อมถามกลับ “นางไม่รู้มารยาท แน่นอนว่ามีหมัวมัวคอยสั่งสอนอยู่แล้ว คุณชายสามแค่ไปบอกเรื่องนี้กับท่านพี่ก็พอ คุณชายสามอยากตั้งกฎในจวนนี้หรือไร หรือว่าอยากจะให้ทำตามกฎระเบียบของจวนติ้งโหว แม้กระทั่งบ่าวของจวนญาติก็ยังต้องให้พวกเจ้าคอยสั่งสอนหรือ”

ซูอวี้เสียงถูกถามกลับจนรู้สึกอับอาย ซ้ำยังรู้สึกอับอายจนโมโหเล็กน้อย “เยี่ยนอวี่ นี่เจ้าหมายความว่าอะไร หรือว่าเจ้าจะคิดว่าข้าจะรังแกสาวใช้ในจวนเหยา”

“ข้าก็ไม่ได้พูดเช่นนี้” เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มเยือกเย็นแล้วสั่งชุ่ยเวยที่อยู่ด้านข้าง “พาตู้เจวียนออกไปก่อน”

ชุ่ยเวยรับคำ แล้วยื่นมือไปพยุงตู้เจวียนพร้อมเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงเบา “น้องสาว ข้าจะพาเจ้าไปล้างหน้า วันนี้เป็นวันมงคลของจวน สภาพเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้ฮูหยินน้อยรองมาเห็นเป็นอันขาด”

ตู้เจวียนเช็ดน้ำตาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรม แล้วน้อมคำนับให้เหยาเยี่ยนอวี่ พลางเดินตามชุ่ยเวยไป

ซูอวี้เสียงเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ก็นึกถึงมีดผ่าตัดเปื้อนเลือด ขาทั้งสองข้างอดอ่อนแรงไม่ได้ ตอนนี้พอเห็นสาวใช้คนนั้นจากไป จึงทำได้เพียงแค่นเสียงไม่พอใจ แล้วเดินจากไป

“คุณชายสาม” เหยาเยี่ยนอวี่กลับเดินหน้าขวางทางเขาไว้ “ข้ามีอะไรจะถามเจ้าหน่อย”

“เจ้า…มีอะไรจะถามหรือ” ซูอวี้เสียงถอยหลังสองก้าว กลับสังเกตเห็นว่าตนยืนอยู่ตรงทางขึ้นสะพานแล้ว

เหยาเยี่ยนอวี่เดินหน้าไปหนึ่งก้าว ซูอวี้เสียงกลับถอยหลังอีกสองก้าว ทั้งยังยกมือกีดกันนาง “เจ้ามีอะไรก็พูด อย่าเข้ามา”

“ทำไม เจ้ากลัวข้าหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยยิ้มเย็นชา

“เหลวไหล! ข้าจะกลัวเจ้าไปไย” การถูกสตรีคนหนึ่งข่มขู่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย คุณชายสามซูทำได้เพียงแกล้งทำเป็นบุรุษกล้าหาญ “เจ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะ ข้าออกมาสักพักแล้ว ต้องกลับไปแล้ว”

“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเจ้าบอกตู้เจวียนว่าชีวิตของมารดานางไร้ค่ากระนั้นหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่จ้องมองซูอวี้เสียงอย่างเย็นชา วันนี้นางกับแม่ทัพเว่ยเป็นคู่ครองกันแล้ว สายตาของนางจึงเลือดเย็นดั่งดาบคมเหมือนเว่ยจาง

“เปล่า…เปล่าเสียหน่อย” ซูอวี้เสียงถูกสายตาเช่นนี้จ้องมอง แผ่นหลังเปียกโชกด้วยเหงื่อเย็น

“กล้าทำไม่กล้ารับหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มอีกครา “เจ้ามีปัญญาทำตัวเป็นนายของจวนเหยา สั่งสอนบ่าวไพร่ เหตุใดแค่คำพูดที่ตนกล่าวกลับไม่กล้ายอมรับ”

“มีอะไรที่ข้าไม่กล้าเล่า!” ซูอวี้เสียงถูกบังคับจนถึงขั้นนี้ สุดท้ายทำได้เพียงยอมรับอย่างกล้าหาญ จู่ๆ ก็ทำเสียงแข็งทันที “ใช่! ข้าพูดเช่นนั้น พวกนางเป็นเพียงข้ารับใช้ ชีวิตไร้คุณค่า! ข้าพูดไม่ได้หรือ”

“ชีวิตนางเสียไปเพราะช่วยข้า เจ้าบอกว่าชีวิตของนางไร้ค่า ก็หมายถึงชีวิตข้าน่ะสิ” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มเย้ยหยัน แล้วเดินหน้าอีกก้าว

“เฮ้อ…ข้าหมายถึงนาง แต่…แต่ไม่ได้หมายถึงเจ้า…” ซูอวี้เสียงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก จนเท้าของเขาถอยไปโดนราวกั้นสะพาน

เหยาเยี่ยนอวี่มองฝีเท้าของซูอวี้เสียงที่ถอยไปชนราวกั้นสะพานเพียงปราดเดียวแล้วแสยะยิ้ม “อย่างไรข้าก็ถือว่าเป็นหมอหลวงขั้นที่สามที่ถูกแต่งตั้งโดยฝ่าบาท เจ้าว่าร้ายข้า ก็ถือเป็นการดูหมิ่นฝ่าบาท”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset