หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 177 มนุษย์เลือดบนเรือ

บทที่ 177 มนุษย์เลือดบนเรือ

ยังจำได้ในตอนที่นางขึ้นเรือแห่งความสิ้นหวังนี้ครั้งแรก นางเป็นคนที่กินอาหารในดารแข่งขันของซาหมั่นเฉิงจนราบคาบ

แล้วยังหว่านล้อมให้เขาทำอาหารให้นางอีก อาหารที่เขาทำออกมานั้นรสชาติฟ้าประทานมาก จึงทำให้นางรู้สึกคิดถึงอยู่เสมอ

เพียงแต่ว่าวันนี้…..นางมีเรื่องที่สำคัญกว่า !

“ไม่ได้มากิน?”

ซาหมั่นเฉิงถึงกับแสดงท่าทีสงสัย นางเป็นถึงนักกินผู้ไร้ความปราณี มาหาเขาที่เพื่อไม่ใช่มาหาของกิน? พูดออกไปใครจะเชื่อ ?

“ไม่ใช่!”หลานเยาเยาตอบกลับทันทีอย่างเด็ดขาด

“ไม่ใช่จริงรึ?” ดูเหมือนว่าวงจรสมองของเขาจะช้า กว่าเขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติในคำพูดของหลานเยาเยา

“เมื่อสักครู่นี้เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ? “

เอ่อ······

เพิ่งจะรู้สึกตัว?

โชคดีโชคดี!

“ท่านไม่ได้ชื่อซาหมั่นเฉิงหรือไง? ดังนั้นข้าก็เรียกท่านว่าท่านลุงซาหมั่นเฉิงไง! นี่มีสิ่งใดไม่ถูกงั้นรึ? ตาลุงทึ่ม? “

หลานเยาเยาเหลือบไปมองเขาพักหนึ่ง แล้วยังไอออกมาเบาๆโดยไม่รู้สึกผิดใดๆ

“เหมือนจะ······ไม่มี ”ซาหมั่นเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไร้ข้อสรุป จึงทำได้เพียงถามกลับ

” อ๋อ ใช่แล้ว ในเมื่อไม่ได้มาเพื่อกิน แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่? ”

“ข้ามาเพื่อสอบถามว่าดจ้าหมอที่ชอบตัวกระตุ้ง…กระตุ้งกระติ้งคนนั้นอยู่ที่ไหน?”

“ป่ายเม่ยเซิง?”

“ใช่ๆๆ เขานั่นแหละ เขาอยู่ที่ไหน? “อยู่ๆก็เขียนบทกวีลามากมาให้ข้า ไม่กลัวว่าเย่แจ๋หยิ่งจะไปจัดการตัวเองหรือไง? ข้าจะไปคุยกับเขาสักหน่อย”

ดูท่าแล้วเจ้าทะลึ่งนั่นจะไม่ได้ทำเช่นนี้กับนางคนเดียว

แม้แต่คนชราอย่างซาหมั่นเฉิงอย่างทายออกว่าต้องเป็นเขา

แต่น่าเสียดายที่เจ้าทะลึ่งนั่นร่างกายคล้ายกับคนชราเสียแล้ว

“เขาอยู่ที่คลังสินค้าด้านล่าง เจ้ามีธุระหาเขางั้นรึ??”

สำหรับเรื่องบทกวีลามก ซาหมั่นเฉิงไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดแปลกอันใด ราวกับมันกลายเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปแล้ว

พอรู้ว่าคนอยู่ที่ใด หลานเยาเยาก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อ

นางเดินไปจนถึงประตูแล้วถึงค่อยกลับมาตอบคำถามที่ซาหมั่นเฉิงถาม

” ข้าเพียงแค่อยากจะไปปรึกษากับเขาสักหน่อย ว่ากระดาษที่เขียนมานั้นใช้ประโยชน์ใดไม่ได้ ยังไม่เท่ากับให้เขาพาข้ามาหาท่านที่นี่เพื่อดื่มกินเลยสักนิด “

“······”

หลังจากออกมาจากห้องพักของซาหมั่นเฉิง หลานเยาเยาก็รีบเดินบันไดทางเข้าไปยังคลังสินค้าด้านล่าง แล้วจู่ๆสมองก็คิดถึงภาพชายผมขาวใช้ฝ่ามือข้างเดียวทำให้หญิงสาวกลายเป็นกระดูก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเยือกเย็นในใจ

พลันตัดสินใจอยู่ว่าจะไปหรือไม่ไป

เดิมทีนางกำลังตัดสินใจที่จะถอยหลังกลับ ก็ดันคิดได้ว่า ถึงแม่ที่นี่จะเป็นที่ของชายผมขาว แต่ถึงยังไงเขาก็ยังเกรงกลัวเย่แจ๋หยิ่งอยู่

คงจะไม่กักขังตัวนางเพื่อต่อรองกับเย่แจ๋หยิ่งหรอกนะ…..

สุดท้ายนางก็รวบรวมความกล้าเดินลงไปตามบันได แม้ทางเดินจะสว่างไสวด้วยไฟจากแสงเทียน แต่มันก็ยังคงความมืดสลัวๆอยู่

เมื่อเดินมาถึงชั้นล่างสุด นางก็ไม่เห็นผู้ใด มีเพียงลมหายใจแห่งความกลัวที่ปะทะบนใบหน้า นางจึงตั้งใบย่องเท้าเบา ๆ

เดินผ่านมาหลายห้อง ต่างก็ถูกปิดทั้งยังล็อคเอาไว้หมด

ทั้งใดนั้น!

“ครึกครัก……”

เสียงที่ราวกับโซ่สั่นก็ดังขึ้นมาจากข้างในห้องห้องหนึ่ง

ถึงแม้เสียงนั้นจะไม่ดังมาก แต่นางก็สามารถมั่นใจได้เลยว่านั่นเป็นเสียงของโซ่เหล็ก ด้วยความที่หูของนางรับรู้ได้ไวกว่าคนปกติ ดังนั้นจึงรับรู้ถึงสิ่ง

จากนั้นนางก็ค่อยๆก้าวไปข้างหน้า แล้วกลิ่นคาวเลือดก็ค่อยๆลอยมาแตะจมูก จากที่ไม่มีก็เริ่มเข้ามา จากที่กลิ่นเบาก็กลายเป็นรุนแรง และพอยิ่งเข้าใกล้มันก็ยิ่งทวีคุณ….

เมื่อมาถึงห้องของเจ้าของเรือของเรือแห่งความสิ้นหวัง นางก็ส่องไปยังรูตรงหน้าต่าง เลือดข้นๆจากข้างในก็พุ่งเข้าใส่ตาของนางทันที

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงเมื่อสักครู่นี้ออกมาจากที่นี่

เพียงแต่ !

นางมองเห็นแค่เลือด แต่กลับไม่เห็นคน….

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลานเยาเยาจึงอยากเห็นว่าเลือดพวกนี้ออกมาจากร่างของใครกันแน่ เพราะกลิ่นเลือดมันค่อนข้างพิเศษ ด้วยกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนหนักจนแทบไม่ได้กลิ่นของยาเลย

เลือดพิเศษเช่นนี้

กลับทำให้รู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่าง

นางจึงได้ลองเปิดหน้าต่างดู ถึงได้รู้ว่าหน้าต่างที่ถึงแม้จะถูกปิดเอาไว้แต่กลับไม่ได้ล็อกกลอน นางจึงดึงอย่างเบาๆ

ในที่สุดนางก็ได้เห็นว่าเลือดนั้นมาจากผู้ใด

คนคนนั้นมีดวงตาที่หม่นหมอง ดวงตาที่นิ่งสงบแต่แดงก่ำ พร้อมกับใบหน้าซีดเซียวที่ดูอ่อนล้า

เขานั่งอยู่บนพื้นพิงกับขอบเตียง พร้อมกับเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดอยู่แล้ว และมือทั้งสองที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้

คือเขา!

หานแส,ชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แห่งความชั่วร้าย

เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นทางหน้าต่าง เขาก็รีบหันหน้าไปทันที สายตาก็ปรากฎแววตาสังหารขึ้นมา พอยิ่งเห็นว่าผู้ที่เข้ามาคือหลานเยาเยา แววตาสังหารก็ไม่ได้เปลี่ยน แต่กลับทวีคูณมากขึ้น

“เหตุใดท่านถึงได้มาอยู่ที่นี่?”หลานเยาเยาถาม

แล้วยังความต้องการที่อยากจะฆ่านาง

นี่มันเพราะเหตุอะไร?

ตัวตนที่ลึกลับของหานแส ครั้งที่เห็นนางรู้สึกว่าเขานั้นเก่งกาจมาก เหตุใดตอนนี้ถึงได้มาอยู่บนเรือแห่งความสิ้นหวังได้?

แล้วยังอยู่ในสภาพน่าสลดเช่นนี้อีก

ใครจะทราบว่าหานแสจะตอบกลับนางอย่างเหนือความคาดหมาย

“คำนี้ควรจะเป็นข้าที่ถามเจ้าสิถึงจะถูก”

หานแสมองไปยังหลานเยาเยา จากนั้นก็หรี่ตาลงโดยในแววตาเต็มไปด้วยความโกรธ

“อะไร?”

คำนี้มันหมายความว่าอะไร?

เหมือนว่าพวกเขาจะเพิ่งติดต่อการเพียงครั้งเดียวนี่!

ครั้งที่จวนอ๋องเย่ เขายังเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย เหตุใดวันนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้?

ราวกับเป็นศัตรูกัน

จะต้องมีบางอย่างเข้าใจผิดแน่ๆ

“เหอะ!เจ้าไม่รู้จริงๆหรือแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?ที่ข้ามีสภาพเช่นวันนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าหรือไง?”

เมื่อสิ้นเสียง เขาก็หัวเราะเยาะกับตัวเองแล้วหันหน้ากลับไป

ราวกับว่าแม้แต่คำเดียวก็ไม่อยากคุยกับนาง

“ถึงข้าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด แต่ว่าสภาพของเจ้าในตอนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ไม่ใช่ศัตรูต่อกัน ข้าจะทำร้ายเจ้าทำไม? มันไม่ได้มีประโยชน์กับจ้าเลยสักนิด”

แล้วคำอธิบายของนางสำหรับหานแสมันไม่ได้สะทกสะท้านเขาเลย

หลานเยาเยาทำได้แต่แบมืออย่างหมดหนทาง

ช่างเถิด อธิบายเยอะขนาดนั้นไปทำไม? ยังไงเสียนางมีจิตใต้สำนึกก็พอแล้ว

หลานเยาเยาที่เข้าไปในห้องแล้ว ก็กำลังคิดจะปีนหน้าต่างออกไป ดันได้ยินเสียงเท้าดังขึ้นมา

“ตุ๊บๆๆๆ……”

จากไกลก็ใกล้เข้ามา จากนั้นเขาก็หยุดเท้าลงตรงหน้าประตูที่ล็อคไว้อยู่แล้ว แต่หน้าต่างกลับถูกเปิดออก จึงรีบใช้กุญแจเปิดประตูดู คนที่ถูกขังไว้อย่างหานแสก็ยังอยู่ ในห้องก็ไม่ได้มีผู้อื่น ใจที่กังวลอยู่ก็ค่อยๆเย็นลง

แต่เพื่อกรณีฉุกเฉินเขาจึงเดินเข้าไปตรวจในห้องรอบหนึ่ง

“แปลกจริง?”เหตุใดหน้าต่างถึงถูกเปิดไว้?

ในตอนที่เขากำลังจะปิดหน้าต่าง ก็ได้ยินเสียง”ครุกครัก “ดังขึ้น จึงรีบหันหน้าไปมองทันที

ใบหน้าที่นิ่งสงบของหานแส ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่น่ากลัว และเส้นเลือดที่ปุดขึ้นมาราวกับพยายามจะดึงโซ่เหล็กออก แล้วเสียงโซ่ที่ดังไปมาก็ราวกับว่ามันกำลังจะขาดออกจากกัน

ทันใดนั้น สีหน้าของหมุ่นชายชุดเขียวก็เปลี่ยนไป เขารีบบินออกไปจากหน้าต่าง หลังจากปิดประตูและหน้าต่างในห้อง แล้วก็รีบหนีไป

คาดว่าคงจะไปตามคนแล้ว….

คนที่หลบอยู่ใต้เตียงอย่างหลานเยาเยาเมื่อรู้ว่าหมุ่นชายชุดเขียวจากไปแล้ว ก็ยังไม่ได้รีบร้อนออกมาจากในนั้น แต่กลับค่อยๆชะโงกหน้ามาเพื่อดูการเคลื่อนไหวของหานแส

ไม่ดูไม่รู้ แต่พอดูแล้วก็ถึงกับตกใจ

หานแสในตอนนี้ราวกับมนุษย์เลือดก็ไม่ปาน ทั้งใบหน้า ร่างกายที่มีเลือดไหลออกมาตามผิวหนัง ราวกับกำลังเงหื่อออกอย่างนั้น แบบเยอะ เยอะมากๆ เป็นคนที่น่าสะพรึงกลัว…..

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset