หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 277 ทำให้ลำบากใจอีกครั้ง

บทที่ 277 ทำให้ลำบากใจอีกครั้ง

น้องสาวเจ้าสิ

จะไม่น่าดื่มได้อย่างไร

กาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะเป็นกามหัศจรรย์ สามารถใส่น้ำชาได้สองแบบ

เมื่อครู่ที่รินให้กับเขาเป็นชาค้างคืนของเมื่อวานจริงๆ ส่วนที่นางรินให้ตนเอง เป็นชาชั้นดี ทั้งยังเป็นชาที่ชงขึ้นใหม่

นี่ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด

ที่สำคัญที่สุดคือ น้ำชานั่นนางเพิ่งจิบไปหนึ่งคำ……

“ปัง……”

มือของหลานเยาเยาที่ถือกาน้ำชาไว้ วางกาลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจของตน

“ชายหญิงไม่ควรสัมผัสกันโดยตรง หวังว่าท่านอ๋องจะระวังกิริยาด้วย”

“ชายหญิงไม่ควรสัมผัสกันโดยตรง ข้าไม่ได้ทำเรื่องมือไวใจกล้าสักหน่อย ไหนจึงมีที่มาของคำว่าชายหญิงไม่ควรสัมผัสกันโดยตรงเล่า”

ในแววตาของเย่แจ๋หยิ่งมีแววสงสัยวาบผ่าน ใบหน้ายิ่งแสดงความไม่เข้าใจออกมา เหมือนจะไม่เข้าใจในความหมายที่นางต้องการจะสื่อจริงๆ

“หรือท่านไม่รู้ว่าน้ำชานี้ข้าเพิ่งจะดื่มไป”หลานเยาเยาชี้ ถ้วยชาที่เย่แจ๋หยิ่งถือไว้

“รู้”

“ทำไมท่านยังดื่มอีก”

“ข้าไม่รังเกียจที่เจ้าเคยดื่มแล้ว”

“……”

เอ๋……

ไม่รังเกียจ

นี่มันเกี่ยวกับเรื่องรังเกียจไม่รังเกียจหรือไง

นางหมายถึงชายหญิงไม่ควรสัมผัสกันโดยตรงต่างหากเล่า   

หลายเยาเยารู้สึกปวดหัวมาก ในใจนางสุมด้วยไฟ เดิมคิดจะอดกลั้น แต่กลั้นไม่ไหวจริงๆ จริงถามขึ้นอย่างโมโหว่า

“น้ำชานี้ข้าเพิ่งจะดื่มไป ตอนนี้ท่านมาดื่ม อีกทั้งตำแหน่งที่ปากของพวกเราสัมผัสก็เป็นจุดเดียวกัน นี่ไม่ใช่การจูบกันทางอ้อมหรอกหรือ หรือว่าท่านไม่รู้”

คำพูดเหล่านี้ นางพูดออกมาในครั้งเดียว หลังพูดจบ นางเหมือนจะรู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

นางยังไม่ทันได้คิดมาก น้ำเสียงดึงดูแต่เกียจคร้านของอีกฝั่งก็ส่งมา

“ทางอ้อมอะไร”

“จูบไงเล่า……”

หืม

ผิดแล้ว

ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดของเย่แจ๋หยิ่ง ทำไมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูด

ฉะนั้น

เพิ่งพูดจบไปนางก็เริ่มรู้สึกเสียใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม นางเหลือบตาขึ้นมองเย่แจ๋หยิ่งที่มองนางเหมือนจะยิ้มก็ไม่ใช่ไม่ยิ้มก็ไม่เชิง

ที่แท้

เขาจงใจ

หลานเยาเยาอยากตบให้ตัวเองตื่นสักหนึ่งฉาด นิ่งไว้ ต้องนิ่งไว้

ตอนนี้เอง เห็นเพียงเย่แจ๋หยิ่งที่โถมตัวเข้ามา เชยคางของนางขึ้น สายตาลึกล้ำของเขามีแววขำปนอยู่

“คิดไม่ถึงว่าเทพธิดาจะสำรวจได้ละเอียดลออขนาดนี้ แม้กระทั่งปากของข้าวางที่ตำแหน่งไหนยังมองได้อย่างชัดเจน แต่ว่า มีจุดหนึ่งที่ข้าอยากจะแก้ไข เมื่อครู่ข้าไม่ได้สัมผัสถูกตัวเจ้า ไม่เรียกว่าชายหญิงสัมผัสกันโดยตรง ตอนนี้ต่างหากที่ใช่”

พูดจบ

เขาใช้นิ้วมือสัมผัสไปที่ริมฝีปากของนางอย่างเบามือหนึ่งครั้ง ค่อยคลายมือออก จากนั้นก็ถอยกลับไป

หลานเยาเยาอยากต่อต้านก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงจ้องมองไปที่เขา

เหมือนจะมองเขาให้ทะลุไปเลย

ไม่นาน เย่แจ๋หยิ่งก็เปิดปากขึ้นอีกครั้ง

“น้ำชานี้เทพธิดาจะดื่มอีกหรือไม่”

เย่แจ๋หยิ่งหยิบถ้วยชาที่พวกเขาเคยดื่มร่วมกันขึ้นมาอีกครั้ง จากนางก็มองมาที่นางเหมือนไม่มีเรื่องอะไร ไม่ใส่ใจในท่าทีเหมือนจะกินคนของนางเลยสักนิด

“ไม่ดื่ม”

ยังจะดื่มอีกทำไมกัน

หากเป็นไปได้ นางอยากจะเอาเย่แจ๋หยิ่งชงเป็นน้ำชาดื่มแทน

แต่ว่า นางบอกว่าไม่ดื่ม เหมือนจะตรงกับความต้องการของใครบางคน

และเมื่อสิ้นเสียงนาง เย่แจ๋หยิ่งก็จิบน้ำชาถ้วยนั้นอีกครั้ง ส่วนฝ่ามือใหญ่อีกข้าง วางไว้บนโต๊ะ เคาะโต๊ะอย่างเป็นจังหวะ เหมือนจะสบายอารมณ์เป็นที่สุด

ที่ทำให้นางยิ่งอารมณ์เสียก็คือ

ขณะที่เย่แจ๋หยิ่งกำลังดื่มชา พลางก็ใช้สายตาชื่นชมมองมาที่นาง

โชคดีที่คนส่งอาหารค่ำมาได้เวลาพอดี ไม่อย่างนั้นหลานเยาเยาคงได้ต่อสู้กับเย่แจ๋หยิ่งสักตั้ง

รอจนอาหารขึ้นโต๊ะจนครบแล้ว

หลานเยาเยามองอาหารเจ็ดอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างบนโต๊ะ อารมณ์ขุ่นมัว ค่อยคลายลงไปบ้าง

มุมปากของนางมีรอยยิ้มชอบใจ

อาหารทั้งเจ็ดอย่างนี้ นอกจากจะเป็นมังสวิรัติแล้ว ยังผัดได้ยากจะบรรยาย ดำปี๋เป็นก้อน เป็นผักอะไรก็ดูไม่ออก

ส่วนน้ำแกงนั้น

หน้าตายังพอใช้ได้อยู่บ้าง แม้จะมีน้ำมากสักหน่อย แต่อย่างน้อยก็ใสจนมองเห็นก้นถ้วย ข้างบนยังมีใบผักกาดขาวที่ไม่รู้ว่าสุกหรือไม่ลอยอยู่หลายใบ

“คิดว่าท่านอ๋องคงหิวแล้ว กับข้าวครบแล้ว รีบกินเถอะ”

หลานเยาเยาใช้สายตามองไป จื่อซีที่ยืนอยู่ข้างๆก็สนองทันที รีบก้าวไปข้างหน้าตักข้าวสองถ้วย

“อาหารค่ำของจวนเทพธิดาหลากหลายจริงๆ”

ยังไม่เคยมีใครกล้าแสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้ให้เขาได้เห็นต่อหน้าต่อตามาก่อน ฉะนั้นเมื่อเห็นกับข้าวเหล่านี้ สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งฉายแววเย็นชาอยู่บ้าง แววตาที่ลึกล้ำมีความหนาวเหน็บที่มองไม่สิ้นสุด

“จนปัญญา จวนเพิ่งจะสร้างได้ไม่นาน พ่อครัวก็เพิ่งมาใหม่ ทำกับข้าวไม่เป็นเท่าไหร่ ขอท่านอ๋องอย่าถือสาก็พอ”

โชคดีที่ซาหมั่นเฉิงที่ถูกหานแสส่งมาไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด

ไม่อย่างนั้นละก็

เขาคงร้องไห้จนสลบคาห้องน้ำแน่

คิดถึงชื่อเสียงการเป็นพ่อครังของเขา อาหารที่เขาทำทุกจาน ล้วนได้รับคำชื่นชมทั้งนั้น

วันนี้

หลานเยาเยากลับให้บททดสอบที่ยากกับเขา ให้เขาทำกับข้าวที่ไม่อร่อยที่สุด เพื่อต้อนรับอ๋องเย่

เขาคงคิดจนปวดสมอง จึงผัดกับข้าวเหล่านี้ออกมาได้

“แน่นอนว่าไม่”

เย่แจ๋หยิ่งมองข้าวที่ดูเหมือนจะปกติดี แววเย็นชาในสายตา ค่อยอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

“เช่นนั้นท่านก็ทานเยอะสักหน่อย ข้าขอไปล้างมือก่อน”

พูดจบ

หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นเดินออกไป พอออกมาด้านนอก นางก็อ้อมไปทางด้านหลังห้องอาหาร

พอมาถึงด้านหลัง

มองเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นางยิ้มบางๆขึ้นทันที

ใบไม้ของต้นไม้นี้ดูจากข้างนอกแล้วดูแน่นขนัด แต่หากปีนขึ้นไปบนต้นไม้ จะพบว่า ข้างในนั้นว่างเปล่า ล้วนเป็นกิ่งไม้น้อยใหญ่ เหมาะในการคลายร้อนและซ่อนตัวมากที่สุดแล้ว

ว่าแล้ว

หลายเยาเยาไม่พูดพร่ำทำเพลงโดดขึ้นไปบนต้นไม้ทันที

พออยู่บนต้นไม้ นางก็หยิบเอาเสบียงที่เตรียมไว้ออกมา ปิ้งย่างเสียบไม้ ขาหมู น่องไก่เป็นต้น อย่างไรก็ตามล้วนเป็นอาหารที่อร่อยมากทั้งสิ้น

ครั้งนี้ นางไม่ได้ลิ้มรสอาหารอย่างละเมียดละไม แต่กลับกินทุกอย่างลงท้องอย่างรวดเร็ว

หลังจากรู้สึกอิ่มไปเจ็ดส่วน นางจึงเก็บทุกอย่างแล้วกระโดดลงจากต้นไม้

เมื่อนางกลับไปยังห้องอาหาร กลับได้กลิ่นอาหารที่ทำเอาน้ำไหลสอกลิ่นหนึ่ง

เย่แจ๋หยิ่งยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ อีกทั้งยังกินข้าวอย่างเกียจคร้านอยู่ กินอย่างออกรสชาติ

อดไม่ได้ที่สงสัยขึ้นมา

เป็นไปไม่ได้

กับข้าวที่ผัดจนเกรียมขนาดนี้ยังกินลง

จึงรีบเดินไปหน้าโต๊ะอาหาร นิ่งอึ้งไปสักครู่

กับข้าวที่เดิมถูกผัดจนดำปี๋ ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว แต่ที่อยู่บนโต๊ะตอนนี้เป็นอาหารสีสันและรสชาติดีเยี่ยมทั้งหมด

หลานเยาเยาใช้มือทั้งสองข้างยันไปบนโต๊ะ ร่างทั้งร่างเกือบจะกระโจนขึ้นไปแล้ว ดวงตากลมโตของนางจ้องอยู่ที่อาหารอันหอมหวน

“กับข้าวเหล่านี้เอามาจากที่ไหนกัน”

แค่ได้กลิ่นนี้ รสชาติก็คงจะดีไม่น้อยไปกว่ากัน

แต่ว่า

นางรออยู่สักครู่ ก็ไม่ได้รับคำตอบจากเย่แจ๋หยิ่ง อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเขา

เห็นเพียงเย่แจ๋หยิ่งที่ไม่เพียงจะไม่มองนางสักแวบ แต่กลับกินข้าวทีละคำทีละคำอย่างสง่างาม เห็นดังนั้น หลานเยาเยาก็แบะปาก

นั่งลงบนเก้าอี้ข้างตัวเขา จากนั้นก็หยิบข้าวขึ้นมา หยิบตะเกียบขึ้นเตรียมคีบกับข้าว ข้างหูกลับแว่วเสียงอันดึงดูดแต่ทุ้มลึกดังขึ้น

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset