หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 399 เกรงว่าท่านจะลืมไปแล้วว่าข้าคือใคร

บทที่ 399 เกรงว่าท่านจะลืมไปแล้วว่าข้าคือใคร

“จำผิด?”

หลานเยาเยากระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างเฉยเมย:“หากจำผู้ที่ฆ่ามารดาของตัวเองผิดไป เทพธิดาอย่างข้าก็ยอมที่จะควักลูกตาตัวเอง”

นางแทนตัวเองว่าเทพธิดา เพราะว่านางรู้ว่าจ้าวซื่อได้รู้อยู่แล้วว่านางเป็นใคร ด้วยสัญลักษณ์ลายดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ของ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเทพธิดา ใจของจ้าวซื่อก็สั่นสะท้าน รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที

“หม่อมฉันถวายบังคมเทพธิดา หม่อมฉันเป็นเพียงหญิงสามัญชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น รับผิดชอบในหน้าที่อย่างสม่ำเสมอไม่เคยกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมมาก่อน ยิ่งอย่าพูดถึงเรื่องฆ่าคนเลย เทพธิดาคงจะจำผิดคนแล้วเป็นแน่ เทพธิดาโปรดรบทราบด้วย”

ไม่ฆ่าคน?

นั่นมันเสแสร้งทั้งนั้น

จ้าวซื่อรู้ตัวดีว่าฆ่าคนไปมากมาย ซึ่งนางฆ่าไปแล้วกี่คนนั้น นิ้วมือของนางก็นับได้ไม่หมด

แต่ส่วนมากที่นางฆ่าเยอะที่สุดก็คือเหล่านางบำเรอที่ไม่เชื่อฟัง และนางกำนัลสองสามคนที่ริอาจจะมาแก่งแย่งชิงดี

แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในจวนแม่ทัพ

สำหรับคนภายนอก……นางไม่เคยฆ่ามาก่อน

นางเคยแต่จะรังแกกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่นางไม่เคยกล้าที่จะรุกรานผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่านางเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับฆ่าคนเล่า

นี่ถือว่าเป็นการปรักปรำนาง

เทพธิดาตำแหน่งอันสูงส่งเช่นนี้ มารดาของนางต้องไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาแน่ ไม่เคยแม้แต่จะพบหน้า แล้วนับอะไรกับการฆ่า นางไม่ได้มีความกล้านั้นหรอก

“ฉูโหล ชื่อนี้น่าจะยังคงอยู่ในความทรงจำของท่านบ้าง?”

ฉูโหล ฉูซื่อ อนุภรยาที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปราน ก็คือมารดาของนาง( ฉูซื่อหมายถึง คนที่แซ่ฉู ในสมัยโบราณจีน มักจะเรียกผู้หญิงที่ว่าคนที่แซ่แซ่ใด เพราะผู้หญิงฐานะไม่สูง)

“อะไรกัน?เจ้าหมายถึงนางแพศยาคนนั้น……”

“ป๊าบ……”

สำหรับฉูโหล จ้าวซื่อนั้นเกลียดนางจนเข้ากระดูกดำ

ในเวลานั้นรูปลักษณ์ของฉูโหลนั้นน่ายั่วยวน จนทำให้หลานเฉินมู๋หลงใหลในตัวนางอย่างโงหัวไม่ขึ้น ถึงแม้จะเป็นเพียงอรุภรรยา แต่ก็ให้กำเนิดลูกสาวออกมา ทั้งยังได้หมั้นหมายกับองค์รัชทายาทอีกด้วย

เหตุใดเป็นอนุภรรยาเหมือนกัน แต่ฉูโหลกลับได้มีชีวิตที่รุ่งโรจน์เช่นนั้น?

นางคิดว่าตัวเองนั้นมีดีทั้งความสามารถและหน้าตา เหตุใดถึงได้ถูกกดขี่อยู่อย่างนั้น?

จากนั้นนางได้ลงมือกับฉูโหลหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จนนางเกิดความเกลียดชังอย่างมากมาย เกลียดจนอยากที่จะลอกผิวหนังของฉูโหลออกมา

ทว่าต่อมานางก็ได้โอกาส……

แต่ว่า ฉูโหลไม่ได้หลานเยาเยาลูกสาวเพียงคนเดียวหรอกหรือ?

หลังจากถูกเทพธิดาตบเข้าไปอย่างรุนแรง จ้าวซื่อที่สติหายไปเดินโซซัดโซเซถอยหลังไปก้าวก่อนจะยืนอย่างมั่นคงได้

นางลูบใบหน้าที่บวมเบ่งขึ้นมา พร้อมกลิ่นคาวในปาก แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากนาง

ทั้งความตกใจ ความกลัว ผสมด้วยความไม่เข้าใจ นางจึงถามออกมาเสียงอ่อนๆ

“อนุภรรยาฉูมีเพียงลูกสาวคนเดียวอย่างหลานเยาเยาเท่านั้น แล้วเจ้าจะ ······”

คำพูดจากนั้น จ้าวซื่อไม่กล้าที่จะพูดออกมา เพราะนางได้คิดไว้แล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่อนุภรรยาฉูผู้หญิงแพศยาคนนั้นได้มีลูกแล้วก่อนที่จะแต่งงานกับหลานเฉินมู๋

ช่างสมกับเป็นแพศยาจริงๆ

ทั้งที่มีลูกก่อนที่จะแต่งงาน เหตุใดนางถึงไม่รู้?

ถ้ารู้อย่างนี้ นางคงจะทำลายชื่อเสียงของอนุภรรยาฉูหญิงแพศยาคนนั้น จากนั้นก็ค่อยให้นางค่อยๆตายจากการถ่มน้ำลายดูถูกจากผู้อื่น

ในใจของนางคิดด้วยความโกรธเกลียด แต่สีหน้ากลับยังคงแสดงท่าทางที่น่าสงสารเอาไว้

“เพราะว่าข้าก็คือหลานเยาเยา”

ไม่เมื่อยังไงเสียก็ต้องตายอยู่ดี ได้รับรู้บางอย่างมากขึ้นหรือน้อยลงจะเป็นอะไรไป?

“เจ้าพูดอะไรกัน?เจ้าคือหลานเยาเยา?เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางแน่นอน หลานเยาเยาตายไปแล้ว”

จ้าวซื่อตกใจจนซีดเซียวไร้เลือด นางส่ายหน้าไม่ยอมหยุดด้วยความไม่อยากจะจะเชื่อกับเรื่องนี้

แต่นางกลับเอาแต่มองไปยังหลานเยาเยาอย่างจดจ่อ ถ้าหากลบเครื่องประทินโฉมสีแดงบนใบหน้าของนางออกไป และตัดสัญลักษณ์ดอกไม้บนหน้าผากของนางไป เช่นนั้นก็จะมีความคล้ายคลึงกับหลานเยาเยาอย่างมาก

นี่คือหลานเยาเยาจริงๆ!

แพศยาให้กำเนิดแต่พวกต่ำต้อย หากรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตดั่งเช่นทุกวันนี้ ตอนนั้นก็น่าที่จะทำให้นางตายทั้งเป็นเสีย

จ้าวซื่อลุกขึ้นมาทันที แล้วจ้องมองไปยังหลานเยาเยาด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว

“นังแพศยา คือเจ้า ต้องเป็นเจ้าแน่นอนที่ทำให้จิ่นเอ๋อต้องตาย”

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากที่รู้ว่าเทพธิดาก็คือหลานเยาเยา จ้าวซื่อก็ไม่มีความเกรงกลัวอีกเลย

เพราะว่าเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่นางจะถูกรับตัวกลับมายังจวนแม่ทัพ หลานเยาเยาเป็นเพียงคนที่ขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่ขัดขืนใดๆ

ต่อมาหลานเยาเยาได้กลายเป็นพระชายาเย่ นางก็ได้พบหลานเยาเยาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนพึ่งพาความรักเอาใจของอ๋องเย่ที่มีต่อนาง

วันนี้หลานเยาเยาตัวคนเดียว แล้วนางจะมีอะไรให้ต้องเกรงกลัว?

อยากจะฆ่านาง มันไม่ง่ายเหมือนบีบมดตัวหนึ่งให้ตายหรอก!

“ข้าฆ่านาง?หึ ท่านใช้ตาข้างไหนเห็นงั้นหรือ?หลานจิ่นเอ๋อหลงรักอ๋องเย่ แต่ฮ่องเต้กลับบังคับให้นางอภิเษกกับองค์ชายสี่ นางทำตัวสูงส่ง คิดว่าสูงส่งสามารถกดขี่ผู้ต่ำกว่าได้ องค์ชายสี่ที่มีนิสัยกะล่อนปลิ้นปล้อนนั้นจึงไม่คู่ควรกับนาง

แต่รู้ว่าหลานเฉิงมู๋ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของฮ่องเต้ได้ และผู้มารดาอย่างท่าน ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยเหลือนางแต่ยังหวังที่จะให้นางรีบๆอภิเษกสมรสออกไป เพื่อที่จะให้ตำแหน่งของท่านดูสูงขึ้นมาในสายตาผู้คน นางหมดหนทางถึงได้คิดวางยาฆ่าองค์ชายสี่ จากนั้นทำการใส่ร้ายคนอื่น หลังจากที่ถูกเปิดเผยออกมา นางก็ถูกกรมอาญาทรมานจนตาย แล้วมันจะเกี่ยวข้องกับข้าอย่างไร

?”

แน่นอน!

หลานจิ่นเอ๋อที่คิดว่าตัวเองได้ทำการใส่ร้ายได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ตินั้น คือนางเองที่เปิดเผยมันออกมา

และเป็นเพราะมันไปเกี่ยวข้องกับหลานจิ่นเอ๋อ นางถึงได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย

แต่เรื่องเหล่านี้ จ้าวซื่อจะคิดได้อย่างไร?

“ข้าไม่สน ยังไงก็คือเจ้า เจ้าคือฆาตกรที่ฆ่าจิ่นเอ๋อจนตาย เจ้าทำให้จิ่นเอ๋อของข้าต้องตาย เจ้าต้องเอาชีวิตนางแลกคืนมาให้ข้า

หลานเยาเยา ดีที่สุดคือเจ้าข้าตัวตายตรงนี้เสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะให้ตายได้อย่างไม่สงบเหมือนแม่ของเจ้าแพศยาคนนั้น”

จ้าวซื่อยิ้มขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความขมขื่น

หลานเยาเยามองไปยังจ้าวซื่อราวกับคนโง่เขลา

ไม่รู้ว่านางเอาความกล้าจากแห่งใดถึงได้พูดเช่นนี้ออกมา แต่ว่าอ้าปากก็แพศยาหุบปากก็แพศยา ดูแล้วจ้าวซื่อจะไม่ต้องการปากอันนี้แล้ว

“ช่างเป็นน้ำเสียงที่โอ้อวดยิ่งนัก ในเมื่อปากไม่บริสุทธิ์เช่นนี้ ข้าให้ท่านหุบปากคงจะดีกว่า ”

หลานเยาเยาบีบเข็มเงินสองเล่มในมือเบาๆ ยังไม่ทันได้ลงมือ จ้าวซื่อก็ชิงลงมือก่อนเสียแล้ว

จ้าวซื่อกำหมัดขึ้นแล้วตรงไปยังใบหน้าของนาง ราวกับว่าหวังจะฆ่านางด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว จ้าวซื่อทะเยอทะยานที่จะเอาชนะ ดังกับว่าอีกเพียงครู่เดียวหลานเยาเยาก็จะตายในกำมือของนาง มุมปากจึงได้กระตุกขึ้นอย่างโหดเหี้ยม

กลับคิดไม่ถึง……

หลานเยาเยาหลบการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย

“เจ้า……”

“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้าคือผู้ใด?”

หลานเยาเยาเหลือบไปมองยังนาง ก่อนที่จะสะบัดเข็มเงินสองเล่มในมือพุ่งออกแทงข้อมือทั้งสองของจ้าวซื่อ

“อ๊า……”

นางร้องโหยหวนอย่างทรมาน ทันใดนั้นมือทั้งสองก็ไม่สามารถที่จะขยับได้อีก

จ้าวซื่อดิ้นรนอยู่นาน ก็พบว่ามือทั้งสองราวกับถูกตัดออกไปแล้วอย่างนั้น ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับเลยสักนิด และแววตาอันโหดเหี้ยมของนางก็จางหายไปในทันที

ทันใดนั้น

“ครืน……”

นางคุกเข่าลง ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา

“เทพธิดาๆ อย่าฆ่าข้าเลย เจ้าฟังข้าพูดก่อน ที่ข้าต้องทำเช่นนั้นเพราะถูกบังคับไร้หนทาง ข้ากับมารดาของเจ้าเป็นสหายที่ดีที่สุด หากว่านางยังอยู่บนโลกนี้ คงจะทนไม่ได้ที่จะต้องมาเห็นเจ้าฆ่าข้ากับมือ”

สมควรตาย!

ต้องโทษตัวเองที่โดนความเกลียดชังปิดตาจนขาดสติ

นางจะลืมได้อย่างไรว่าหลานเยาเยาคือเทพธิดา เทพธิดาก็คือหลานเยาเยา?

คนที่สามารถทำให้ฮ่องเต้เคารพหวั่นเกร็งได้ จะเป็นหลานเยาเยาที่อ่อนแอคนนั้นได้อย่างไรกัน?

แต่ว่านางก็เกลียดอยู่ดี

เกลียดจนอยากจะสับหลานเยาเยาให้กลายเป็นชิ้นๆ นางทำให้ลูกสาวของนางต้องตาย ทำลายชื่อเสียงและความมั่งคั่งของตัวนาง ตอนนี้แม้แต่ชีวิตของนางก็ไม่คิดจะละเว้น ……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset