หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 485 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้าน

บทที่ 485 ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้าน 

หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นลมไป ทุกคนก็เห็นตัวอักษรใหญ่ๆและภาพวาดที่เขียนอัดแน่นอยู่ในมือเขา อย่างเช่นวันที่อากาศแจ่มใส ก็ใช้ภาพพระอาทิตย์มาแทน คำว่าปักษาสองตัว ก็วาดภาพนกมาแทน

สูง!

สูงจริงๆ!

หลานเยาเยาคาดว่า อย่าพูดถึงนักปราชญ์ในหมู่บ้านนี้เลย เกรงว่าแม้แต่คนที่รู้หนังสือก็จะมีไม่มาก ผู้ใหญ่บ้านก็คือโฉมนอกของหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นผู้เฒ่าอายุเยอะ ที่เขาพูดจาสูงสง่าพวกนั้น ก็ต้องให้คนอื่นเขียนวาดภาพให้ ถึงจะสามารถพูดออกมาได้

สามารถเห็นได้ว่า

ผู้ใหญ่บ้านรู้ตัวหนังสือไม่กี่ตัว

สาเหตุที่เอาจริงเอาจังตีความตัวอักษรอวดรู้มากไป อาจจะเป็นเพราะว่าในหมู่บ้านมีคนหนึ่งที่มีความสามารถ สุภาพมีระดับ และไม่ชอบออกหน้า

ผู้ใหญ่บ้านไม่มีวิธี ดังนั้นจึงฝืนใจ เลียนแบบเอาสิ่งที่คนนั้นเขียนนำมาใช้

คนของหลานเยาเยาก็ถูกเหล่าชาวบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่น แยกกันไปพักในแต่ละบ้านของชาวบ้าน

แน่นอน!

หลานเยาเยาอยู่ค่อนข้างใกล้กันกับคนของสำนักหงอี 

ทหารม้ากองใหญ่ไพศาลเข้าไปในหมู่บ้าน หลังจากที่จัดการที่อยู่เรียบร้อย คนส่วนมากก็รอไม่ไหวที่จะได้พักผ่อน

ด้านหลานเยาเยาก็ไม่มีข้อยกเว้น

นางจัดการให้คนสองคนคุ้มกัน และก็สั่งให้คนอื่นๆไปพักผ่อน เดิมทีนางวางแผนจะไปหาตาเฒ่าเย่นเพื่อพูดคุย ไม่ได้รู้เลยว่า ตอนที่นางไปถึง ตาเฒ่าเย่นก็ได้หลับไปแล้ว

เมื่อเห็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าของตาเฒ่าเย่น นางก็จัดเครื่องนอนให้เขา ยกมุมปากขึ้น และย่องออกจากห้อง ไปเดินเล่นในหมู่บ้านคนเดียว

“เจ้าสำนัก ทำไมถึงยังไม่พักผ่อนอีก?”

ยู่หลิวซูเดินออกมาจากบ้านชาวนาที่ดูเรียบๆ ก็เห็นหลานเยาเยาเดินสบายๆ ใบหน้าไม่มีความเหนื่อยล้าใดๆ สบายๆเหมือนกับตอนที่อยู่ที่เมืองหลวง

“ฟ้ายังไม่มืด จะพักผ่อนไปทำอะไร เดินเล่น ดูทิวทัศน์เสียหน่อยดีกว่า สามวันหลังจากนี้ ก็ไม่มีทิวทัศน์อย่างนี้ให้ดูแล้ว”

คำพูดนี้ดูทีเล่นทีจริง แต่ดูจะพูดเล่นมากกว่า

นางไม่หยุดฝีเท้า เดินอย่างสบายๆไปยังตรงกลางของหมู่บ้าน สายตาก็หยุดลงที่ใบไม้แห้งเหี่ยวเฉาตรงพื้น จากนั้นลมเบาๆก็พัดปลิวมาข้างเท้า

ใบไม้แห้งเหี่ยวนั้นไม่ได้เปอะเปื้อนฝุ่น และก็ไม่เคยถูกเหยียบย่ำ แต่ถูกแสงแดดอันร้อนแรงสาดใส่ น้ำแห้งขอด ราวกับว่า ถ้าลมแรงกว่านี้หน่อย ก็สามารถทำให้ใบไม้แห้งผืนนี้ฉีกขาด

นางค่อยๆยกฝีเท้า ใบไม้แห้งผืนนั้นก็กลิ้งมาอยู่ใต้เท้า พอวางเท้าลงไป เสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้น

ทั้งสองคนก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที……

“แซบ แซบ แซบ……”สายลมพัดใบไม้ร่วง

ทั้งสองเงยหน้ามองไปด้านหน้า จู่ๆสายลมก็โหมแรง ทำเอาเสื้อผ้าของทั้งสองปลิวว่อน

ใบไม้แห้งที่มากขึ้น ราวกับเป็นผีเสื้อเต้นระบำ ถูกลมที่โหมกระหน่ำม้วนเข้าไปในอากาศ และพัดไปตามสายลม

โจมตีจนทำให้คนไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้

ด้านหน้ามีชาวบ้านสองสามคนวิ่งมาอย่างร้อนรน โดยไม่มีความหวาดกลัวบนใบหน้า แต่กลับเป็นความตื่นเต้น

“ดีมาก ดีมากจริงๆ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เกิดโทสะอีกแล้ว คนทรยศชั่วร้ายจะตายอีกแล้ว ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์โปรดสำแดงฤทธิ์เร็วเข้า ทำให้คนทรยศชั่วร้ายทุกคนตายไปให้หมด ให้หมู่บ้านฝันฮั๋วมีความสงบสุขตลอดไป”

“อ๊าว่าง เจ้าคิดว่าคนที่จะตายครั้งต่อไปคือใคร? ข้าคิดว่านะ! จะต้องเป็นนักเลงของหมู่บ้านคนนั้นที่ถูกขับไล่ออกไปก่อนหน้านี้ และเพิ่งกลับมาเร็วๆนี้แน่ เขารังแกผู้ชาย ครอบครองหญิงสาว ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง มือแปดเปื้อนชีวิตคนจำนวนไม่น้อย ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์น่าจะเก็บเขา”

“พูดไร้สาระอะไรกัน! พวกเรารีบไปเถอะ กลับไปลงกลอนประตูหน้าต่างให้ดี ไม่ออกไปไหนตอนกลางคืนก็พอแล้ว ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จะฆ่าใคร ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะทำอะไรได้”

ชาวบ้านสองสามคนนั้นก็รีบร้อนจากไป เดิมทีพวกเขาอยากจะพูดคุยต่อ แต่ก็ถูกชาวบ้านอีกคนกระตุ้นให้รีบกลับ

หลานเยาเยาเอาแขนเสื้อมาไว้ข้างหน้า เพื่อป้องกันใบไม้แห้งที่โจมตีมาเป็นระยะๆ ใบหน้าก็เผยความสงสัย

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฆ่าคน?

แถมยังฆ่าคนชั่วโดยเฉพาะ?

เป็นเรื่องแปลกจริงๆ……

“เจ้าสำนัก ลมแรงมาก ท่านจะไปไหน?”

ลมนี้พัดแรงมาก เหล่าชาวบ้านต่างก็วิ่งกลับบ้าน แต่เจ้าสำนักกลับเดินต้านลมไป การเดินเล่นแบบนี้มันค่อนข้างจะไร้เหตุผล

หรือวัตถุประสงค์ของเจ้าสำนักจะเหมือนกับตนเอง?

ก่อนที่จะออกมาเมื่อครู่นี้ เขานอนกลางแจ้งอยู่ที่บ้านชาวบ้าน ในบ้านมีหญิงชราคนหนึ่ง เขาถามเกี่ยวกับเรื่องของหมู่บ้าน หญิงชราก็บอกเรื่องแปลกๆมากมาย

หนึ่งในเรื่องที่ประหลาดที่สุดก็คือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่บ้าน

“ได้ยินมาว่า ในหมู่บ้านฝันฮั๋วมีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่อยู่ต้นหนึ่ง ล่างต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำพุเก่าแก่อยู่บ่อหนึ่ง ที่คอยหล่อเลี้ยงหมู่บ้านฝันฮั๋วมาทุกยุคทุกสมัย และยังได้ยินมาว่า มีชื่อเสียงที่ดีงาม คอยลงโทษสิ่งชั่วร้าย และเผยแพร่ความดี เจ้าสำนักอยากไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั่นใช่หรือไม่?”

ทิศทางที่หลานเยาเยาเดินตรงไปข้างหน้านี้ ก็คือทิศทางของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่หญิงชราบอก

“ในเมื่อมีเป้าหมายเหมือนกัน งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ!”

หลานเยาเยานั้นรู้สึกมีความสุขมาก

ยู่หลิวซูนั้นฉลาด ทั้งยังละเอียดรอบด้าน สิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึง เขาก็คิดได้ก่อน ถ้าฝึกฝนขัดเกลาขึ้นอีก ไม่ต้องให้ตาเฒ่าสองสามคนนั้นเลี้ยงดูสั่งสอน ก็สามารถรับผิดชอบงานคนเดียวได้แล้ว

ลมยังคงโหมกระหน่ำ ใบไม้ปลิวว่อน

พวกเขาทั้งสองมาถึงตรงกลางของต้นไม้ หลานเยาเยาค่อยๆขยับแขนเสื้อออก ดวงตาที่หรี่อยู่ ก็ค่อยๆลืมขึ้น และสีเหลืองทองผืนใหญ่ก็กระทบเข้าม่านตา

ต้นไม้เก่าแก่ โบราณและสูงใหญ่ แข็งแรงและดูทะมึน ต้องใช้คนประมาณสี่คน ถึงจะสามารถล้อมเอาไว้ได้ ใบไม้หนาทึบผิดปกติ ทั้งหมดล้วนเป็นสีทองอร่าม สวยเสียจนทำให้คนตื่นตา

ใบไม้เหี่ยวเฉาบนพื้นเป็นแผ่นๆ เหมือนกับทองคำหนาแน่น เหลืองบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งเจือปน

เคยเห็นต้นบุพเพที่ดูโศกเศร้าสวยงาม แต่ไม่เคยเห็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่สวยมีสีสันงามตาเช่นนี้ อีกอย่าง ใบไม้สีเหลืองทองตอนนี้บินว่อนไปทั่วท้องฟ้า ยิ่งเพิ่มความสวยงามลึกลับขึ้นไปอีก……

“เจ้าสำนัก ตรงนั้นมีคน”

ดวงตาของยู่หลิวซูมีความประหลาดใจ แต่ว่าคนที่มายังต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี่ ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน

“เห็นแล้ว!”

ทอดสายตามองผ่านใบไม้เหลืออร่ามที่เต้นรำอยู่ตรงหน้า ด้านบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีร่างคนสองร่างยืนอยู่ ขาวร่างนึง ดำร่างนึง ดูเหมือนกำลังนัวเนียกันอยู่

ทันใดนั้น!

คนที่สวมชุดขาวก็ถูกต่อยตกจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เสียงเขาออกจากจมูกอย่างเจ็บปวด มือนึงจับอก อีกมือนึงลอยอยู่ที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ไอเบาๆสองที และก็อ้วกออกมาเป็นเลือด

“พู่ว……”

“ว่ากันว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นมีฤทธิ์ ฆ่าเฉพาะคนทรยศชั่วร้าย วันนี้ข้าจะให้มันทำลายกฎเดิมๆ และฆ่าเจ้า นักปราชญ์ผู้โอหังไร้ประโยชน์”

ชายที่สวมชุดดำนั้นโหดเหี้ยม ใบหน้ามีรอยมีด ดวงตาและใบหน้าซูบผอมล้วนดุดัน มีดใหญ่ในมือยกขึ้น มองไปยังชายชุดขาวที่เอนพิงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่

สีหน้าของชายชุดขาวเคร่งขรึม สีหน้ายังคงโอหังไม่เผยความกลัวออกมา หลับตาลงเงียบๆ รอความตายที่ย่างกรายเข้ามา……

“ชิ้ง……”

เสียงแหลมแสบหูดังขึ้นมา

ความเจ็บปวดที่คาดการไว้ล่วงหน้ายังไม่มา ชายชุดขาวจึงค่อยๆลืมตา ก็กลับพบว่า ชายชุดดำนั้นตัวงอด้วยความเจ็บปวด ใช้มือกุมแขนที่ถือมีด หยดเลือดไหลหยดลงมาแปดเปื้อนใบไม้สีเหลืองทอง มีดใหญ่แพรวพราวด้ามนั้น ก็วางอยู่บนกองใบไม้สีเหลืองทองนิ่งๆ

“ใครลอบกัดข้า?”

เสียงคำรามดังผ่านใบไม้ที่ปลิวว่อนทั่วฟ้า ทั้งโมโหและเจ็บปวด

“ขอโทษที มือลื่น คิดไม่ถึงว่าจะไปทำร้ายเจ้า ชายผู้หยาบกระด้างดำสนิทนั่น ต้องการเงินชดใช้หรือไม่?”

น้ำเสียงไพเราะดังเข้าหู หลานเยาเยาเดินต้านลมที่โหมกระหน่ำไปอย่างสบายๆ ด้วยท่าทางสบายมาก

ยู่หลิวซูที่เดินตามมาด้านหลังครึ่งก้าว สายตาเล็กๆที่พูดไม่ออกนั้นน่ารักจริงๆ

พูดเรื่องเหรียญเงิน……

สำหรับหลานเยาเยาที่แสนตระหนี่ ที่จริงนั้นหายากมาก แต่คาดว่าคงจะถูกฮ่องเต้ผู้ไร้มนุษยธรรมที่ไม่สามารถปรับตัวกับอาหารอะไรได้นั่นทำลาย

“ชดใช้เงิน? เจ้าชดใช้ได้งั้นหรือ?”

ชายหยาบคายชุดดำเผยแววตาที่ดุดัน ชั่วร้าย

เมื่อเห็นชัดๆว่าคนที่มาเป็นหญิงสาวในชุดสีแดง ใบหน้าไม่มีใครเทียบได้ ผิวขาวผุดผ่องราวกับหยก นัยน์ตาก็เป็นประกายทันที ลูกตามองตรง

สวย!

สวยมาก……

 

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset