หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 623 คิดถึงสุดใจรู้หรือไม่

ปีนั้นเพื่อทำลายทุ่งดอกกระดูกขาวทั้งหมดทิ้ง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเย่แจ๋หยิ่งเสียสละไปไม่รู้มากน้อยเท่าไหร่ และคนของนางก็เสียหายไปไม่น้อย

แม้แต่คุณปู่เย่นของนางก็อยู่ในทะเลทรายตลอดกาล

นางไม่ปรารถนาให้คนเหล่านั้นตายเปล่า ดังนั้นนางต้องการกำจัดหายนะไปตลอดกาล

อย่างน้อยต่อจากนี้รากฐานของประเทศก่วงส้าก็ไม่ได้โดนทำลายเพราะคนโดนมนต์ดำ

เมื่อนึกถึงเรื่องปีนั้น เย่แจ๋หยิ่งหนักใจขึ้นมาก เขาถอนใจอีกครั้ง เอื้อมมือไปเล่นผมของหลานเยาเยาเบาๆ

“ข้ารู้เป็นแน่ว่าพวกเขาไม่สามารถตายเปล่าได้ แต่วิธีจัดการมีมากมาย วิธีที่เจ้าพูดมันชั่วร้าย”

จุดนี้หลานเยาเยาไม่ปฏิเสธ

แต่แม้ว่าจะชั่วร้าย แต่กลับเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลโดยตรงมากที่สุด

นางไม่อยากสละชีพคนที่บริสุทธิ์มากมาย

อย่างไรเสีย หลังจากผ่านวันจับจ่ายช่วงปีใหม่ สถานภาพของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน หากประเทศก่วงส้าถูกคนโดนมนต์ดำบุกรุกและก่อกวนอีก เช่นนั้นความวุ่นวายทั้งภายนอกภายใน ไม่เป็นผลดีต่อประเทศก่วงส้าเป็นที่สุด

พูดจบ หลานเยาเยาก็ถูไถในอกของเย่แจ๋หยิ่ง หาตำแหน่งที่สบายพิง

เย่แจ๋หยิ่งเขี่ยจมูกนาง “ข้าจะสามารถทำอะไรเจ้าได้?”

เห็นนางตอบรับ หลานเยาเยาหัวเราะเย้าแหย่ กล่าว

“ไม่เช่นนั้นท่านก็กดข้าไว้บนโต๊ะทำทุกสิ่งที่ปรารถนา?”

เมื่อคำพูดนี้โพล่งไปเย่แจ๋หยิ่งก็เผลอยิ้มออกมาในพริบตา มือที่เขี่ยจมูกนางชะงักทันที จากนั้นดีดหน้าผากของนางเบาๆ หัวเราะดุประโยคหนึ่ง: “ไม่รู้จักอาย”

ต่อจากนั้น เมื่อมือใหญ่โบก เอาพู่กันหมึกกระดาษแท่นหมึกกวาดไปอีกข้างทันที อุ้มหลานเยาเยาขึ้นบนโต๊ะ มองดูนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความรัก และเป็นไฟร้อน

หลานเยาเยาตะลึง ระหว่างที่ตะลึงเล็กน้อย นางก็ถูกกดบนโต๊ะแล้ว และเย่แจ๋หยิ่งทับบนตัวแล้ว

“ยังจะบอกว่าข้าไม่รู้จักอาย ท่านก็กลับปฏิบัติจริง ข้าแค่พูดเท่านั้น พวกเราไม่รีบในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เป็นกลางวันแสกๆ ข้ายังไม่ได้อาบ……อุบ……”

คำพูดด้านหลัง ทั้งหมดถูกบางคนกลืนลงท้อง สงครามของเซียนทั้งสองเริ่มขึ้นในห้องหนังสืออีกครั้ง

คุณชายเหลียงเฉินด้านนอกห้องหนังสือ เขาได้ยินแล้วว่าซ่างกวนหนานซู่มาที่นี่ จึงรีบมา เห็นประตูปิดสนิท เดิมทีคิดจะเคาะประตู พ่อบ้านเหมยหยุดเขาไว้

“พ่อบ้านเหมย ท่านขวางข้าทำไม? ข้ามีเรื่องสำคัญมากต้องการพบซ่างกวนหนานซู่”

“ตอนนี้รู้จักรีบร้อนแล้ว? ไม่มีประโยชน์ คุณชายซ่างกวนอยู่ด้านในหารือกับอ๋องเย่ของข้า คนไม่มีธุระข้องเกี่ยวห้ามเข้า”

พ่อบ้านเหมยเบ้ปาก

แน่นอนว่าเขารู้ว่าโม่เหลียงเฉินพบคุณชายซ่างกวนทำไม ยังคงเพราะแม่นางฮัว แต่ว่า คุณชายซ่างกวนช่วยแม่นางฮัวกลับมานานมากแล้ว ถูกจัดให้รักษาอยู่ที่อื่นโดยตลอด ทั้งๆที่บอกกับอ๋องเย่อย่างดีแล้วว่าต้องการให้โม่เหลียงเฉินช่วย แต่กลับไม่ไปพบสักที

โม่เหลียงเฉินรอเหลียวซ้ายเหลียวขวาอยู่ในจวน สุดท้ายยังคงไม่ได้ความ ในที่สุดก็อดทนไม่ไหว ไปพบคุณชายซ่างกวนเอง แต่ทุกครั้งก็หาคนไม่เจอ เป็นเช่นนี้สองสามครั้งโม่เหลียงเฉินก็รู้ คุณชายซ่างกวนตั้งใจหลบหน้าเขา

ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ วันนี้ไม่ง่ายที่จะจับตาดูจนได้เบาะแสของคุณชายซ่างกวน จึงรีบมาอย่างรีบร้อน

ทั้งๆที่คนก็อยู่ในห้องหนังสือ แต่กลับเข้าไปไม่ได้ ในใจต้องร้อนรนดั่งมดที่อยู่บนหม้อร้อนเป็นแน่

ทำไมคุณชายซ่างกวนถึงเป็นเช่นนี้?

พ่อบ้านเหมยไม่รู้ แต่เขาก็ไม่ต้องรู้

คุณชายซ่างกวนเขามีความคิดมากมาย เวลาที่ควรพบก็จะพบเป็นธรรมดา เวลาที่ไม่ควรพบ จะคิดวิธีหลบเลี่ยง

ตอนนี้เวลานี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรพบ

ดังนั้น พ่อบ้านเหมยจึงกั้นขวางไว้ตรงนี้ คนในห้องหนังสือต้องได้ยินความเคลื่อนไหวแล้วเป็นแน่ ควรหรือไม่ควรก็ให้คุณชายซ่างกวนตัดสินใจเอง

คุณชายเหลียงเฉินที่ถูกคิดว่าเป็นคนไม่มีธุระข้องเกี่ยวอึดอัดมาก

เขาเหลือบมองพ่อบ้านเหมือนแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ก่อนหน้านี้ไม่ชอบหน้าเขา นี่เพิ่งจะกี่วันเอง? ก็ถูกคนอื่นปลุกระดม ช่วยคนอื่นเขาพูดแล้ว ยังกลับมาว่าข้าเป็นคนไม่มีธุระข้องเกี่ยวอีก พ่อบ้านเหมย ท่านพูดมา หากว่าข้ามาช้ากว่านั้นอีกสองสามวัน ประตูใหญ่ท่านก็ไม่ให้ข้าเข้ามาแล้วใช่หรือไม่?”

มองดูเขาที่เต็มไปด้วยความเคือง พ่อบ้านเหมยตบไหล่เขา:

“เป็นเช่นนั้นจริงขอรับ!”

“…….” ยังจะสามารถพูดกันดีๆได้อีกหรือ?

ก่อนหน้านี้พ่อบ้านเหมยผู้นี้ไม่ใช่ว่ายังดีๆอยู่หรือ? ทำไมแค่ชั่วข้ามคืนก็เปลี่ยนแล้วล่ะ?

“ได้ได้ได้ ข้าไม่เข้าไปก็ได้”

ไม่ให้เขาเข้าไปสินะ!

เช่นนั้นเขาก็ไม่เข้าไป ก็รออยู่ตรงนี้ เขาไม่เชื่อว่าพ่อบ้านเหมยจะเอาไม้กวาดมากวาดเขาออกไปจากประตู

คุณชายเหลียงเฉินเอามือสองข้างไว้ด้านหลัง สายตาจับจ้องห้องหนังสือ ท่าทางจะไม่ยอมแพ้ถ้าไม่รอจนซ่างกวนหนานซู่ออกมา

เห็นดังนั้น พ่อบ้านเหมยหันหน้าแล้วเดิน

โม่เหลียงเฉินถาม: “พ่อบ้านเหมยไปไหน ไม่อยู่คุยเรื่อยเปื่อยเป็นเพื่อนข้าหรือ?”

“หาไม้กวาดขอรับ”

โม่เหลียงเฉินหูตั้ง ใจเกิดความระมัดระวัง: “หาไม้กวาดทำอะไร?”

“กวาดพื้นขอรับ!” พ่อบ้านเหมยเดินไปไกลแล้ว

“ท่านพ่อบ้านใหญ่ผู้หนึ่งยังต้องกวาดพื้นอีกหรือ?” เขาเปล่งเสียงดัง กล่าวกับพ่อบ้านเหมย

“ไม่เช่นนั้นล่ะ? จะต้องกวาดท่านคุณชายเหลียงเฉินผู้นี้ออกจากประตูงั้นหรือขอรับ?” หางเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด เงาร่างของพ่อบ้านเหมยก็หายไปตรงที่ลึกสุดตรงทางเดิน

หลังจากไม่มีคนคุยด้วย โม่เหลียงเฉินทำได้เพียงเดินไปนั่งตรงศาลาที่อยู่ไม่ไกล ลมหนาวพลิ้ว อากาศเย็นยะเยือก โม่เหลียงเฉินทนลมหนาว รวบชุดคลุมที่หนาแน่นแต่ไม่ไร้ราศีไว้ รอเงียบๆ

ไม่นาน ประตูห้องหนังสือเปิดแล้ว

มีเพียงเงาของเย่แจ๋หยิ่งออกมาผู้เดียว โม่เหลียงเฉินมองอย่างงงัน เขารีบเดินเข้าไป

“แจ๋หยิ่ง คุณชายซ่างกวนล่ะ?”

เย่แจ๋หยิ่งสีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นยะเยือก ท่าทางเหมือนไม่พอใจ

ทำให้โม่เหลียงเฉินลูบศีรษะ แต่รู้สึกว่าคอก็เย็นเล็กน้อย ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่เป็นสุขที่สุด ในใจอดคิดไม่ได้: วันนี้ออกจากจวนน้อยมาก แต่เหมือนกับว่าไม่ได้ไปทำให้อ๋องเย่โกรธหรอกนะ! เมื่อก่อนพ่อบ้านที่สนิทกับเขาพูดจาเสียดแทง เพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของตัวเองและเป็นเจ้านายครึ่งหนึ่งของตัวเองมีสีหน้าโกรธเคืองต่อเขา

นี่คืออย่างไรกัน?

“ท่านอ๋อง?” เขาถามเป็นการหยั่งเชิงอีกครั้ง

ปกติเวลาที่ไม่มีเรื่องอะไร เขาจะเรียกชื่อเย่แจ๋หยิ่งโดยตรง ในเวลาสำคัญหรือต่อหน้าคนนอกเขาจะเรียกว่าท่านอ๋อง ตอนนี้เขาเรียกเป็นการหยั่งเชิง ดูการตอบสนองของเย่แจ๋หยิ่ง

แต่ว่า!

เย่แจ๋หยิ่งยังคงมีท่าทางเช่นนั้น

เป็นเวลานานถึงเหลือบมองเขาแล้วกล่าว: “นางไปแล้ว!”

เรื่องสวยงามดีๆเรื่องหนึ่ง เป็นไปได้ยากที่หลานเยาเยาจะเริ่มก่อน กำลังเริ่มการเสพสุข ก็ถูกคนตรงหน้าผู้นี้รบกวน ทำให้ภรรยาของเขาตกใจแล้วจากไป

เจ้านี่‘ตัวการก่อเรื่อง’ดูเหมือนว่าจะไม่อยากได้ภรรยาแล้ว

“เขาไปแล้ว? ไปไหน ทำไมยังหลบข้าอีกล่ะ!” โม่เหลียงเฉินนั้นที่ร้อนรน!

หาซ่างกวนหนานซู่ไม่พบ เขาก็พบฮัวหยู่อันไม่ได้ ได้ยินว่านางบาดเจ็บสาหัสมาก ตามองดูก็แทบไม่รอดแล้ว เขาอยากพบหน้านาง ทำไมถึงยากขนาดนั้น?

“นางอยากทำให้เจ้าลิ้มรสความลำเค็ญในการตามหาคนผู้หนึ่ง”

นี่คือความตั้งใจของหลานเยาเยา

นางทำแทนฮัวหยู่อัน เพื่อทำให้โม่เหลียงเฉินเข้าใจเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นฮัวหยู่อันคิดไปเองว่าหาที่พึ่งพิงพบแล้ว พาเขากลับไปชนเผ่า แต่เขากลับวิ่งหนี

ด้วยเหตุนี้ฮัวหยู่อันเสียใจระยะหนึ่ง

ตอนนี้ในใจของโม่เหลียงเฉินมีฮัวหยู่อัน เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงสภาพจิตใจความรู้สึกในตอนนั้นของฮัวหยู่อัน

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ เป็นเพราะตอนนั้นโม่เหลียงเฉินช่วยเขาทำธุระ ด้วยเหตุนี้จึงใช้อุบายชายรูปงาม ใครจะรู้ ว่าเขาจะเอาตัวเองเข้าไปด้วยจริงๆ

สามารถพูดได้เพียงว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว!

แม้ว่ายังคงไม่พอใจกับเรื่องเมื่อครู่ แต่เย่แจ๋หยิ่งรู้โม่เหลียงเฉินก็มีความลำบากใจ พ่อแท้ๆถูกราชครูเทียนเวิงคุมขังหลายปี บนตัวแบกภาระความแค้นแสนสาหัส เพื่อขุดรากถอนโคนคนสารเลวที่อดีตเคยทำเรื่องชั่วกับราชครูเทียนเวิง เขาพยายามทั้งวันทั้งคืน แทบจะทุ่มเททั้งกายใจเลือดเนื้อ

กระทั่งในหนึ่งปีก่อน แยกกับพลทหารของเขาเป็นสองทาง เผาทำลายทุ่งดอกกระดูกขาวอย่างราบคาบ โชคร้ายบาดเจ็บสาหัส

ดังนั้น จึงไม่สามารถไปทะเลทรายเป็นกับเขาได้

ตอนนี้ความแค้นอันยิ่งใหญ่ชำระแล้ว แต่กลับทำร้ายฮัวหยู่อัน

ได้ยินคำนี้ โม่เหลียงเฉินนิ่งเงียบแล้ว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset