หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 678 อ๋องเย่ผู้ไม่เคยวางแผนการพลาด

หลานเยาเยาพยักหน้า

นางก็สังเกตได้ เอาความคิดในใจพูดออกมา ดูว่าความคิดเหมือนกับเย่แจ๋หยิ่งหรือไม่ “ราวกับว่าพวกเขาร้อนใจเป็นอย่างมาก”

“อืม!” เย่แจ๋หยิ่งก็พบจุดนี้แล้ว

แต่เพราะว่าจุดนี้ เย่แจ๋หยิ่งกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ก็กลัวว่าการเข้าบุกรุกครั้งหน้าของพวกเขา จะเร็วมากกว่าที่พวกเราคิดไว้ หากว่าเป็นเช่นนั้น อาวุธโบราณอีกมากมายของพวกเรายังมีไม่เพียงพอ”

เห็นระหว่างคิ้วที่งดงามของเย่แจ๋หยิ่งมีความกังวล หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไปตกอยู่ระหว่างคิ้วของเขา ค่อยๆทำคิ้วที่ขมวดลึกของเขาให้ราบเรียบ

“ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง จะต้องมีหนทางแก้ไขได้ ก่อนที่เรื่องจะเกิดอย่าเพิ่งกังวลเมื่อประสบปัญหาจะต้องมีทางแก้เสมอ พวกเราทุ่มสุดความสามารถก็ได้แล้ว หากสุดท้ายยังไม่สามารถหยุดยั้งคนจากนอกแผ่นดินได้ ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยถึงจะตายพวกเราก็ได้อยู่ด้วยกัน”

เย่แจ๋หยิ่งมองดูหลานเยาเยาอย่างลึกซึ้ง มุมปากยกขึ้น เบาๆ “อืม”เสียงหนึ่ง ทันทีจากนั้นจุ๊บลงไปที่คิ้วของนางเล็กน้อย

หลานเยาเยายิ้มแล้ว

และมือสองข้างกุมแก้มของเขาเอาไว้ จูบริมฝีปากบางๆที่เย็นของเขาเบาๆ…….

——

เป็นดั่งที่อ๋องเย่คาดการณ์

การเข้าบุกรุกครั้งที่สองของคนจากนอกแผ่นดินเร็วกว่ากำหนด ครั้งนี้ไม่เพียงเร็วกว่ากำหนด แม้แต่สวมสีฟ้า สีเงิน กระทั่งคนจากนอกแผ่นดินที่สวมชุดเกราะสีเหลืองทองก็ปรากฏตัวแล้ว

หากแยกแยะตามสี

สีบรอนซ์แดงคือคนจากนอกแผ่นดินชั้นต่ำที่สุด จากหลักการเช่นนี้ สีฟ้า สีเงิน จนถึงสีเหลืองทอง สีเหลือทองในนั้นคือผู้ปกครองสูงที่สุดของคนจากนอกแผ่นดิน

พลทหารหลากหลายประเภทแต่ละชนิดของคนจะนอกแผ่นดิน ทยอยปรากฏตัวต่อหน้าคนในโลกกระทั้งยังมีสัตว์พาหนะของคนจากนอกแผ่นดินที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

สัตว์พาหนะเหล่านั้นมีจำนวนน้อยมาก ดูดุร้ายเป็นพิเศษ มีเพียงผู้ที่สวมชุดสีเงินและผู้บัญชาการทหารถึงจะมีสิทธิ์นั่งบนสัตว์พาหนะ

นี่คือท่าทีในการส่งทหารทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีของศัตรู

ดูแนวโน้มสถานการณ์เหมือนว่าพวกเขาต้องการจะยึดแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ในคราเดียวแล้วเป็นแน่

จากบริเวณรอบๆชายฝั่งของประเทศเชียนหลิงเชื่อมต่อมาถึงบริเวณรอบๆชายฝั่งประเทศก่วงส้าเขตท้องที่นั้น คนจากนอกแผ่นดินกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทยอยผุดศีรษะขึ้นมาจากผิวทะเล สาวเท้าอย่างเป็นระเบียบ เดินไปทางด้านหน้าทีละก้าวๆ

ริมฝั่งบริเวณรอบๆชายฝั่งอื่นๆ คนจากนอกแผ่นดินก็ทยอยปรากฏตัวขึ้นฝั่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ

แต่ว่า ยังดีที่ปีกข้างของคนจากนอกแผ่นดิน มีคนจากนอกแผ่นดินที่เป็นผู้นำสีเงินเพียงไม่กี่คน และคนจากนอกแผ่นดินสีฟ้าส่วนหนึ่ง มากที่สุดก็เป็นคนจากนอกแผ่นดินสีบรอนซ์แดงแล้ว

ดูเหมือนว่าคนจากนอกแผ่นดินที่ปรากฏตัวตรงบริเวณรอบๆชายฝั่งอื่นๆ ทำเพียงการโอบตีข้าศึกจากทางด้านข้างเท่านั้น จำนวนไม่มากนัก กองกำลังหลักของคนจากนอกแผ่นดินอยู่บริเวณรอบๆชายฝั่งของพรมแดนที่เชื่อมต่อกันของประเทศเชียนหลิงและประเทศก่วงส้าท้องที่นั้น

จากการทำสงครามกับคนจากนอกแผ่นดินครั้งที่แล้ว อ๋องเย่ได้กลายเป็นแกนหลักของการต่อสู้กับคนจากนอกแผ่นดินไปนานแล้ว ตอนนี้ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ก็เห็นเทพธิดาต้องการเอายาน้ำแต่ละชนิดรวมทั้งอาวุธโบราณที่ได้สร้างขึ้นทั้งหมด ทุ่มเข้าสู่สนามรบทั้งหมด

ฮ่องเต้ทุกประเทศรู้

ครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่สงครามความเป็นความตาย

ยังเป็นถึงสงครามการดำรงอยู่หรือล่มสลายของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้อีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ ทั้งหมดล้วนหยิบอำนาจทางการทหารออกมา ให้เย่แจ๋หยิ่งบัญชาการพลทหารม้าของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้

เย่แจ๋หยิ่งไม่พูดพร่ำ ตัดสินใจอย่างฉับพลัน

จัดสรรพลทหารม้าในการต่อต้านไม่กี่กลุ่ม นำอาวุธโบราณและยาน้ำที่จัดแบ่งอย่างเท่าๆกันไปต่อต้านคนจากนอกแผ่นดินทางปีกข้าง และทิ้งกองกำลังทหารหลักไว้ด้านหน้ากองกำลังทหารหลักของคนจากนอกแผ่นดิน

ยาน้ำแต่ละชนิดและอาวุธโบราณล้วนหยุดการสร้างหมดแล้ว

ทั้งหมดติดตามเทพธิดา ไปที่สนามรบ นายทหารของราชสำนักทุกประเทศทั้งหมดออกเคลื่อนไหว ขุนนางฝ่ายพลเรือนก็สวมชุดเกราะ กลัวไม่กลัวตาย ยินไม่ยินยอม ทั้งหมดปรากฏตัวอยู่บนสนามรบ

เพราะว่า แผ่นดินใหญ่ผืนนี้ในเวลานี้ ประชาชนแทบจะทั้งหมดล้วนเป็นทหาร

ไม่มีราชสำนัก วงการยุทธจักร ความแตกต่างของดินแดนในอุดมคติ

การต่อสู้ของสนามรบตรงริมฝั่งปีกข้างดังขึ้นแล้ว สนามรบหลักยังคงไม่ได้เคลื่อนไหว ทั้งสองฝั่งล้วนเร่งเพิ่มการรวมตัวกันของพลทหารม้า

ผู้บัญชาการทหารของคนจากนอกแผ่นดิน แวบแรกก็เหลือบเห็นอาวุธโบราณขนาดใหญ่ เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก คิดว่าเพราะรู้ว่านั่นคืออาวุธที่ใช้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ

อย่างไรเสีย!

ยุคแรกพวกเขาก็เคยมีประสบการณ์แล้ว

หลังจากที่เห็นอาวุธโบราณเหล่านี้แล้ว ผู้บัญชาการทหารมองหาอะไรบางอย่างในกลุ่มคนกลุ่มเล็กดั่งมดในพริบตา

แต่ไม่ช้า

เขาก็เอาสายตาชะงักไว้ตรงที่ขี่ม้า บนร่างของเย่แจ๋หยิ่งที่อยู่ในกองกำลังใหญ่ด้านหน้าสุด

ชุดที่สวมใส่นั่น ก็เป็นยุคแรก ฮ่องเต้รุ่นแรกสวมใส่ชุดนั้น

ตั้งแต่ยุคแรกก็เก็บรักษาอยู่ในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของหลานเยาเยา มันจากการเริ่มทำงานของกุญแจในช่องว่าง และได้ปรากฏขึ้นต่อหน้านางอีกครั้ง

ตอนนี้หยิบเอามาให้เย่แจ๋หยิ่งใส่ พอดีตัวพอดี

ผู้บัญชาการทหารของคนนอกแผ่นดินเอาสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใดมาทำเป็นพาหนะ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปด้านหน้า เพียงเพราะว่าห่างไกลเกินไป ไม่มีทางที่จะมองเห็นคนอย่างชัดเจนได้

แต่ชุดเกราะสีทองที่เหมือนกันทั้งตัวนั่น ทำให้ดวงตาของผู้บัญชาการทหารของคนนอกแผ่นดินหรี่ลงจนเป็นเส้นเดียวแล้ว ในแววตายังมีอารมณ์ความไม่สบายใจแวบผ่านในดวงตา

ดูท่าทางแล้ว ยุคแรกได้สร้างผลกระทบที่รุนแรงให้กับคนจากนอกแผ่นดินเช่นกัน

ไม่รู้ว่าพวกเขาจะบันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้หรือไม่ ก็เหมือนแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ สิ่งต่างๆผ่านการแปรผันอย่างมหาศาล ตำนานของเทพธิดายังคงเล่าสืบต่อกันมา

รวมทั้งบันทึกของคนจากนอกแผ่นดิน ยังคงมีพูดกันอยู่บ้าง เพียงแค่คนที่รู้มีน้อยมากๆเท่านั้น

วันนี้หลานเยาเยาที่อยู่บนสนามรบ สวมชุดสีแดงทั้งตัว และอยู่ข้างกายของเย่แจ๋หยิ่ง

คนจากนอกแผ่นดินมองไม่ชัด

แต่หลังจากที่เคลื่อนออกจากบนร่างของเย่แจ๋หยิ่งแล้ว สายตาก็ตกอยู่บนร่างของหลานเยาเยาโดยตลอด ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร ผู้บัญชาการทหารของคนนอกแผ่นดินก็พูดอะไรกับคนนอกแผ่นดินอีกผู้หนึ่งข้างๆที่เหมือนจะเป็นกุนซือ

คนจากนอกแผ่นดินอีกผู้นั้นที่เหมือนจะเป็นกุนซือก็มองมาทางหลานเยาเยาในพริบตา

นาทีต่อมา พาหนะด้านล่างร่างกายของเขาเหมือนจะถูกทำให้ตกใจแล้ว ปลอบอยู่ครู่หนึ่งถึงจะสงบลงมา

แต่ทันทีหลังจากนั้นคนจากนอกแผ่นดินอีกผู้นั้นที่เหมือนจะเป็นกุนซือก็สั่งการอะไรต่อคนด้านข้าง คนจากนอกแผ่นดินข้างๆที่ชุดสีเงินก็มองทางหลานเยาเยาในพริบตา จากนั้นราวกับว่ายกอาวุธทหารในมือ โห่ร้องสองสามที จึงได้กลับคืนเป็นเงียบสงบ

เย่แจ๋หยิ่งมองดูหลานเยาเยา

แล้วมองดูส้งเย่นกุยที่อยู่ด้านหลังของหลานเยาเยานิดหน่อย จากนั้นกล่าวต่อส้งเย่นกุย:

“อีกเดี๋ยวเปิดศึก คุ้มครองนางให้ดี”

“วางใจขอรับ แค่เพียงข้ายังมีลมหายใจ ชีวิตของเจ้านายก็จะต้องไร้ความกังวล”

หลานเยาเยาเลิกคิ้ว

“อย่าทำเหมือนข้าเป็นกลุ่มคนอ่อนแอ วันนี้ข้ามีการเตรียมพร้อมมาแล้ว”

แม้ว่าจะไม่มีกำลังภายใน แต่ฝีมือของนางไม่เลว การเคลื่อนไหวปราดเปรียว อีกทั้งมีอาวุธยาน้ำที่ปลุกเสกไว้ปกป้อง จะไม่ล้มลงง่ายดายขนาดนั้น

นางมองออกเป็นธรรมดาว่าคนจากนอกแผ่นดินสองคนกำลังกระซิบกระซาบกัน ราวกับว่าผู้ที่กำลังพูดถึงก็คือนาง

คือจับเป็นหรือว่าถลกหนัง?

หึ!

นางไม่ได้อ่อนแอซะหน่อย

“ข้าไม่วางใจ!” เย่แจ๋หยิ่งพูดอีกประโยคหนึ่ง

“เอาเถอะ!” หลานเยาเยายอมรับอย่างยินดี

มือผู้บัญชาการทหารของคนนอกแผ่นดินถือใบมีดคมยาวเหมือนดั่งขวานเหมือนดั่งคราดไว้ ชี้ตรงมาทางด้านหน้าอย่างกะทันหัน และพร้อมกับคำสั่งเสียงหนึ่งที่ฟังไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร

คนจากนอกแผ่นดินรวมพลมากกว่าครึ่งหนึ่ง เดิมทีระงับทหารไว้ไม่เคลื่อนไหว ท่าทางเตรียมพร้อมป้องกัน หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารของคนนอกแผ่นดินออกคำสั่งแล้ว พุ่งตรงมาทางด้านหน้าทันที

เย่แจ๋หยิ่งทางนี้ลั่นกลองศึกเสียงดังทันที

“ตึงตึงตึง…….”

ทุกเสียงของกลองศึก คล้ายกับกำลังดังทะลุในจิตใจของเหล่าพลทหาร เดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ เสียงหัวใจเต้นก็ค่อยซ้อนทับกันกับเสียงกลองศึก

นี่คือความรู้สึกในจิตใจที่แท้จริงของเหล่าพลทหารทุกนาย

ด้านหนึ่งคือคนจากนอกแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งเช่นนั้น

ด้านหนึ่งคือสงครามเพื่อความอยู่รอด ไม่รู้ว่าจะมีพรุ่งนี้หรือไม่ กลับยังคงเลือกที่จะเชื่อมั่นและศรัทธาในเทพธิดาและอ๋องเย่อย่างเด็ดเดี่ยว

แต่ความศรัทธาและความเด็ดเดี่ยว

ยังมีความหวาดกลัว พวกเขาไม่ขาดไปสักอย่างเดียว

มองดูคนจากนอกแผ่นดินที่พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เย่แจ๋หยิ่งค่อยๆยกมือขึ้น แต่กลับไม่มีคำสั่งให้ใช้อาวุธโบราณสักที เพราะว่าระดับการยิงยังไม่เพียงพอ

อีกทั้ง……

เขายังมีวิธีที่ประหลาดอีก

ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว คนจากนอกแผ่นดินที่สวมชุดสีบรอนซ์แดงพุ่งเข้ามาเร็วที่สุด ระยะห่างยิ่งใกล้กับพลทหารที่เย่แจ๋หยิ่งเป็นผู้บัญชาการทหารขึ้นเรื่อยๆ ดำทะมึนเป็นผืนใหญ่

แต่เย่แจ๋หยิ่งตั้งแต่เริ่มจนจบก็ยังไม่ได้ออกคำสั่ง

พลทหารทุกคนทำได้เพียงตื่นตัวเตรียมพร้อม กำมีดที่แหลมคมในมือแน่น สายตาเพ่งมองคนจากนอกแผ่นดินที่อยู่ด้านหน้าสุดติดๆ

ในไม่ช้า!

บรรดาพลทหารก็รู้แล้วว่าทำไมอ๋องเย่จึงไม่ออกคำสั่งสักที

เพราะว่า เวลานี้คนจากนอกแผ่นดินที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าสุดเหยียบความว่างเปล่าอย่างฉับพลัน ตกลงไปในช่องกว้างลึกๆทางหนึ่ง แม้ว่าคนจากนอกแผ่นดินจะตัวใหญ่เพียงใด อยู่ในหลุมลึกๆที่ใหญ่มหึมาด้านหน้า พวกเขาก็เป็นมด

นี่คือหลุมพราง……

เป็นอ๋องเย่ออกคำสั่งให้คนขุดร่องตามเส้นริมฝั่งของบริเวณรอบๆริมชายหาดโดยไม่ได้พักผ่อน มันทอดยาวและคดเคี้ยวหมุนวนและขยายออก ไม่รู้จุดสิ้นสุดอยู่แห่งใด มีเพียงคนจากนอกแผ่นดินที่เหยียบขึ้นไป และตกลงไปในนั้นแล้ว ถึงจะรู้ว่าที่คล้ายกับยืดยาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด สามารถทำให้คนจากนอกแผ่นดินแยกออกจากโลกภายนอกได้

แน่นอน หากว่าเป็นเพียงเพื่อทำให้คนจากนอกแผ่นดินตกลงไปในร่องลึกที่รูปร่างเหมือนดั่งร่องที่ขุดเพื่อป้องกันข้าศึกเท่านั้น เช่นนั้นก็ไม่ใช่ลักษณะการกระทำของอ๋องเย่แล้ว

เขาจัดพลทหารตั้งค่ายกลคำนวณกลยุทธที่ไม่มีข้อผิดพลาดมาโดยตลอด

หลานเยาเยารู้ว่าวิธีการที่ร้ายกาจของเขาอยู่ด้านหลัง

เป็นดังคาด!

รอกระทั่งคนจากนอกแผ่นดินตกลงไปพอประมาณแล้ว อ๋องเย่ออกคำสั่งเสียงหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่การจุดไฟ และวางเพลิง

มีคนถือคบไฟที่เปลวไฟร้อนแรง พุ่งเข้าไปด้านหน้าของพลทหารทันที เดินมาด้านหน้าของท่อเหล็กขนาดใหญ่มหึมาที่ถูกฝังใต้พื้น เอาคบไฟอุดเข้าไปทันที คบไฟไม่เพียงไม่มอดดับ แต่กลับเผาไหม้รุนแรงยิ่งขึ้นแล้ว

หลานเยาเยาดมได้กลิ่นแล้ว

เป็นน้ำมันก๊าด!

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset