หวานรักจับหัวใจท่านประธาน – ตอนที่ 239 คุณว่าใครเป็นปิศาจจิ้งจอก / ตอนที่ 240 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน

ตอนที่ 239 คุณว่าใครเป็นปิศาจจิ้งจอก

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่มองข้อมูลตรงหน้า ไม่มีโอกาสปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ

 

 

ตอนที่เธอออกจากห้องทำงานของผู้จัดการ เสี่ยวเสี่ยว นักศึกษาฝึกงานที่รออยู่ข้างนอกตลอดก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงเธอไว้

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันได้ยินว่าจะเปลี่ยนผู้รับผิดชอบโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว จริงเหรอคะ” เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ไม่พูด สีหน้าของเสี่ยวเสี่ยวก็ดูโกรธเคืองขึ้นมาบ้างทันที

 

 

“คนพวกนี้จะเกินไปแล้วนะ! ตอนที่เชิญซ่างซินมาไม่ได้ ก็ผลักงานมาให้คุณ ตอนนี้งานเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น ก็จะมอบงานที่คุณลงแรงมาอย่างยากลำบากไปให้คนอื่น!”

 

 

“เสี่ยวเสี่ยว…” หางตาของเหนียนเสี่ยวมู่เหลือบเห็นเย่หมิงหมิ่นที่อยู่ข้างหลัง จึงรีบร้อนยื่นมือไปปิดปากของเธอ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

 

 

เย่หมิงหมิ่นกำลังถือแก้วน้ำเดินออกมาจากในห้องน้ำชา

 

 

เธอเดินอย่างสบายใจ ท่าทางสง่างาม

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ เธอไม่โกรธ แต่ยังยิ้มออกมา “นักศึกษากล้านินทาซูเปอร์ไวเซอร์ลับหลัง ดูท่าหลังจากเซี่ยจิงจิงไปแล้ว กฎของกลุ่มเอจะวุ่นวายไม่เป็นระเบียบแล้วนะ”

 

 

“…”

 

 

เย่หมิงหมิ่นมองเสี่ยวเสี่ยว ที่ถูกเธอตำหนิแต่ไม่กล้าต่อปาก แล้วหันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถ้าคุณมีอะไรจะพูดกับฉัน ก็พูดมาได้ตรงๆ เลย ฉันไม่ได้อยากทำโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าสักเท่าไหร่หรอก แต่นี่เป็นการจัดการของผู้จัดการ ถ้าคุณมีความเห็น ก็ไปหาผู้จัดการสิ แต่ถ้าฉันเป็นคุณ ที่ฉันกังวลที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นเรื่องมิสเตอร์ลอมบาร์ดีที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทในวันพรุ่งนี้”

 

 

เย่หมิงหมิ่นยิ้มเยาะ บนใบหน้ามีความลำพองใจที่ปิดบังไว้ไม่ได้

 

 

เธอเดินพิจารณารอบตัวเหนียนเสี่ยวมู่ “ฉันได้ยินว่า มิสเตอร์ลอมบาร์ดีเกลียดผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนปิศาจจิ้งจอกที่สุด ฉันกลัวจริงๆ ว่าเขาเห็นคุณแล้ว คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเชียวล่ะ”

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เย่ คุณหมายความว่ายังไง คุณว่าใครเป็นปิศาจจิ้งจอก!” เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ฟิวส์ขาด แต่เป็นเสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างๆ เธอถลันไปถาม

 

 

“ฉันว่าอะไรหรือยังล่ะ” เย่หมิงหมิ่นหันไปมองห้องทำงานผู้จัดการ เหมือนจะมีคนออกมาแล้ว เธอกลัวว่าตจะเป็นเรื่องใหญ่ จึงหันหลังเดินไป

 

 

แต่เพิ่งก้าวขาออกไป ก็ถูกขาข้างหนึ่งที่ยื่นออกมาขัดไว้

 

 

“อ๊ะ”

 

 

เธอโผออกไป ก่อนจะล้มหน้าทิ่มอย่างแรง!

 

 

แก้วน้ำในมือกลิ้งไปไกลว่านั้นหลายเมตร ส่วนน้ำก็หกออกมาหมด…

 

 

เธอเจ็บจนสีหน้าบิดเบี้ยว สองมือยันบนพื้น เพิ่งจะเงยหน้าขึ้น อยากดูว่าใครขัดขาเธอ

 

 

วินาทีต่อมา เหนียนเสี่ยวมู่ก็เดินมาข้างหน้าแล้ว ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเธออย่างเชื่องช้า

 

 

จากนั้นก็ปักขากางเกงของตัวเองเบาๆ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ

 

 

“ซูเปอร์ไซเซอร์เย่ ทำอะไรต้องมีศีลธรรมให้มากๆ เดินก็ต้องสอดส่องสายตา ถ้าทำอะไรแล้วไม่สอดส่องดูให้ดี จะมีการเอาคืนไม่ช้าก็เร็วนะคะ”

 

 

เมื่อพูดจบ หญิงสาวก็ลากเสี่ยวเสี่ยวกลับไปที่นั่งของตัวเอง โดยไม่สนใจเย่หมิงหมิ่นที่โกรธจนกัดฟันกรอด

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ดึงเก้าอี้มานั่งลง แล้วพลิกเอกสารในมือ

 

 

ข้อมูลที่เหวินหย่าไต้ให้มาละเอียดมาก ข้างในแจกแจงความชอบของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีออกมาทั้งหมดแล้ว

 

 

ดูท่าทางหวังเธอจะเจรจาร่วมงานครั้งนี้ได้สำเร็จจริงๆ

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน มิสเตอร์ลอมบาร์ดีคนนี้เป็นคนอิตาลีโดยกำเนิด พูดเป็นแค่ภาษาอิตาลี คุณพูดเป็นไหมคะ” เสี่ยวเสี่ยวเขยิบเก้าอี้ไถลมาข้างๆ เธอ ก่อนจะถามอย่างไม่สบายใจ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ “ไม่เป็นหรอก”

 

 

ภาษาอิตาลีไม่เหมือนภาษาอังกฤษ ที่สามารถพูดได้บ่อยๆ ถ้าไม่ใช่คนที่เรียนมาโดยเฉพาะ ก็ฟังไม่รู้เรื่องแน่นอน

 

 

“แต่ไม่เป็นไรหรอก มีล่ามแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่นึกบางอย่างได้ ก่อนจะเงยหน้ามองห้องทำงานของผู้จัดการ เห็นหวางเมี่ยวเมี่ยวเดินออกมาจากข้างในนั้น และกำลังเดินมาหาเธอพอดี

 

 

 

 

ตอนที่ 240 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน

 

 

“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถ้ามีอะไรต้องการเป็นพิเศษ คุณบอกฉันได้เลยนะคะ” หวางเมี่ยวเมี่ยวเดินมาข้างหน้าเธอ พร้อมกับพูดอย่างนอบน้อม

 

 

“ผู้จัดการเหวินให้ความสำคัญกับงานนี้มาก ตัวเธอไปอิตาลีด้วยตัวเองตั้งหลายรอบ แค่ขอนัดมิสเตอร์ลอมบาร์ดี เห็นทีเกือบสิบครั้ง ถึงจะขอให้มิสเตอร์บอมบาร์ดีมาพิจารณาการร่วมงานกันด้วยตัวเองได้ ฉันก็หวังว่างานนี้จะดำเนินต่อไปได้เหมือนกันค่ะ”

 

 

เสียงของหวางเมี่ยวเมี่ยวไม่ได้ทุ้มต่ำ คนของรอบข้างจึงได้ยินกันเป็นจำนวนมาก

 

 

แค่พริบตาเดียว ในแผนกประชาสัมพันธ์ก็เต็มไปด้วยเสียงชื่นชมเหวินหย่าไต้

 

 

“งานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าครั้งก่อน ก็เป็นเพราะผู้จัดการเหวินออกหน้าด้วยตัวเอง ถึงได้คุยกับประธานเฉินได้”

 

 

“ไม่ใช่แค่ครั้งก่อนนะ แต่การร่วมมือกับซินไท่ครั้งก่อนๆ ก็เป็นเพราะเธอ…”

 

 

“แผนกของพวกเรามีผู้จัดการเหวิน ทุกคนถึงได้ทำงานอย่างง่ายดาย พูดตามตรงนะคะ ผู้นำที่มีฝีมือและเป็นมิตรอย่างผู้จัดการเหวินเนี่ย หายากมากเลยนะคะ”

 

 

“ไม่รู้ว่าผู้จัดการเหวินถูกปฏิเสธไปเท่าไหร่ถึงจะขอให้มิสเตอร์ลอมบาร์ดีพิจารณาได้ ฉันไม่อยากเห็นเธอผิดหวังจริงๆ ค่ะ ถ้าคุณมีตรงไหนต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เลยนะคะ ขอแค่พวกเรามีเวลา ก็ช่วยได้ทุกอย่างค่ะ”

 

 

มีเพื่อนร่วมงานพูดขึ้นมาทันที

 

 

คนอื่นๆ ก็พูดเสริม

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่นั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเอง กำลังอ่านข้อมูล อยู่ๆ ก็พบว่าทุกคนมองมาที่ตัวเอง จึงขมวดคิ้ว

 

 

โครงการที่ต้องพิจารณา จะได้ร่วมงานกันหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ได้เลย

 

 

เดิมทีถึงแม้เจรจาไม่ได้ ก็พูดได้แค่ว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีวาสนาที่จะได้ร่วมงานกัน แต่บรรยากาศที่หวางเมี่ยวเมี่ยวสร้างขึ้นจากคำพูดในวันนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ ก็เท่ากับทำลายความตั้งใจของเหวินหย่าไต้

 

 

ในเมื่อเหวินหย่าไต้ให้ความสำคัญกับงานนี้จริงๆ ทำไมต้องเปลี่ยนคนกะทันหัน ไม่ต้อนรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีด้วยตัวเองล่ะ?

 

 

ความสงสัยนี้ปรากฏอยู่ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่

 

 

“ฉันจะทำความคุ้นเคยกับข้อมูลทั้งหมดของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีให้เร็วที่สุดค่ะ จะได้ทำงานต้อนรับได้อย่างดี แต่ฉันอยากให้คุณช่วยยืนยันตารางงานกับอีกฝ่ายหน่อยค่ะ” สายตาของเหนียนเสี่ยวมู่มองไปทางหวางเมี่ยวเมี่ยว

 

 

อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันติดต่อผู้ช่วยของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีไว้แล้วค่ะ กำลังรออีกฝ่ายตอบกลับมา”

 

 

เพื่อนร่วมงานโดยรอบเริ่มก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่อ่านข้อมูลในมือทั้งหมดรอบหนึ่งแล้ว แต่รู้สึกว่ามีตรงไหนแปลกๆ ไป จึงขมวดคิ้ว นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้

 

 

ขณะกำลังคิดดูว่าตรงไหนแปลกไปบ้าง หวางเมี่ยวเมี่ยวก็เดินมาข้างๆ เธอ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ยืนยันมาแล้วค่ะ เครื่องบินของมิสเตอร์ลิมบาร์ดีและทีมจะมาถึงเมืองเอชเวลาสิบเอ็ดโมงเช้าในวันพรุ่งนี้ และต้องการให้คุณไปรับด้วยตัวเองที่สนามบินด้วยค่ะ”

 

 

สิบเอ็ดโมงเช้า เวลาถมเถมาก

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ถอนหายใจ เตรียมอ่านข้อมูลต่อ แต่โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา…

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

 

ห้องทำงานประธานบริษัท

 

 

ในห้องที่กว้างขวาง หลังจากอวี๋เยว่หานกลับมา ทั้งห้องก็อยู่ในสภาพความกดอากาศต่ำโดยตลอด

 

 

เขาพิงบนพนักพิง แต่อ่านเอกสารตรงหน้าไม่เข้าหัวแม้แต่ตัวอักษรเดียว ข้างหูมีคำพูดของเหวินหย่าไต้วนเวียนย้ำไม่หยุดว่า “คุณชายหาน คุณดูสิคะ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนไปด้วยดีกับรองประธานเฉิน…”

 

 

แถมตรงหน้าเหมือนจะมีท่าทางยิ้มแย้มต่อหน้าเฉินจื่อซินของเหนียนเสี่ยวมู่ผุดขึ้นมาด้วย

 

 

ท่าทางเบิกบานใจอย่างนั้น หายไปต่อหน้าเขาแล้ว

 

 

อย่างกับว่าเขาจะกินเธออย่างนั้น…

 

 

อวี๋เยว่หานยื่นมือไปดึงเนคไทอย่างหัวเสีย วินาทีต่อมาก็เห็นผู้ช่วยเดินเข้ามาจากข้างนอก “คุณชายหาน ได้ยินว่าผู้จัดการเหวินมอบโครงการของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นแล้ว และให้ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนไปรับงานเจรจากับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีแทน”

 

 

“…”

 

 

“แล้วก็ รองประธานเฉินมาแล้วครับ รออยู่ที่ประตูแผนกประชาสัมพันธ์ อยากจะนัดซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนครับ”

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

อวี๋เยว่หาน หนุ่มหล่อดีกรีประธานบริษัทอนาคตไกลที่จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตัวเองมีลูกโดยไม่รู้ตัวแถมไม่รู้ว่าใครเป็นแม่เด็ก ทั้งผลตรวจดีเอ็นเอก็ดันตรงกับเขาเสียด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แม้ว่าจะไม่รู้ที่มาของเด็กน้อยแต่อาจเป็นเพราะสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจเลี้ยงดูเด็กคนนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ลูกสาวของเขาบาดเจ็บจนบังเอิญได้รับความช่วยเหลือจาก เหนียนเสี่ยวมู่ หลังจากนั้น เสี่ยวลิ่วลิ่ว ก็ติดเธอแจ หญิงสาวอ้างตัวว่าเป็นพยาบาลรับจ้างเขาจึงจ้างเธอไว้ แต่เบื้องหลังของเธอกลับลึกลับและมีความสามารถเกินกว่าพยาบาลทั่วๆ ไป เรื่องนี้เขาจะต้องหาทางพิสูจน์ความจริงให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset