หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 51 คุกเข่าโขกศีรษะ

ไร้สิ่งกั้นขวางเส้นทางการไหลเรียงกระแสพลังปราณ เปี่ยมด้วยความหนักแน่น อุดมด้วยพลังชีวิต…..เด็กคนนี้รอดตายได้อย่างแท้จริง อีกทั้งสภาพร่างกายยามนี้แทบจะเรียกได้ว่าฟื้นฟูตัวเองจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ  ?  เรื่องเช่นนี้……เกิดขึ้นได้อย่างไร ?

 

ท่านหมอเซียหน้าถอดสี ฝ่ามือที่ทำการวินิจฉัยตรวจดูสภาพความเป็นไปของสภาวะร่างกายที่ทาบอยู่บนแผ่นอกของเด็กหนุ่มสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้ดูแลโจวเร่งรุดเข้ามาทันที เขาส่งผ่านกระแสพลังปราณแผ่แทรกลงไปในกายของหนุ่มน้อยเพื่อตรวจดูอาการและกลับกลายเป็นต้องร่ำร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจ “เขารอดตายแล้ว ! เขารอดตายแล้ว ! ข้าไม่เคยคิดฝันเลยว่าผู้ที่เส้นชีพจรลมปราณถูกทำลายลงแล้วจะสามารถมีหนทางรักษาได้อย่างแท้จริง ! ทักษะทางการแพทย์ของคุณชายน่าทึ่งเป็นที่ยิ่ง !”

 

ผู้ดูแลโจวประสานมือคารวะโค้งศีรษะด้วยความยอมรับนับถือในฝีมือการรักษาของเกอซี หากทว่าใบหน้าของหญิงสาวยังคงเย็นชาเฉกเช่นเดิม นั่นเพราะสืบเนื่องจากที่ภายในใจของนางไม่อาจยินยอมรับได้

 

แม้อาการเจ็บป่วยของหนุ่มน้อยผู้นี้จะดูหนักหนาสาหัสก็ตามที หากแต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นมิใช่ด้วยเพราะเส้นชีพจรลมปราณถูกทำลาย ทว่าเป็นด้วยถูกคนวางยา และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้การไหลเวียนของพลังปราณในกายถูกกั้นขวาง จึงทำให้กระแสพลังปราณในกายของเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่อาจไหลเวียนลงสู่ชีพจรลมปราณในกายได้

 

หากอาการเจ็บป่วยครานี้มีสาเหตุมาจากเส้นชีพจรลมปราณที่ถูกทำลายลงอย่างแท้จริง นางคงต้องใช้เวลาคิดใคร่ครวญหาแนวทางในการรักษา ทว่าเพียงอาการเจ็บป่วยไม่หนักหนาถึงขั้นนั้น อาศัยทักษะและความรู้ทางการแพทย์ที่นางมี อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ไม่นับเป็นอย่างไรได้

 

เกอซีหาได้ใส่ใจต่อสายตาเลื่อมใสบูชาที่สาดเทมายังนาง อีกทั้งยังไม่สนใจเด็กสาวผู้ร้องห่มร้องไห้โขกศีรษะแสดงความขอบคุณในน้ำใจของนางอย่างไม่หยุดยั้ง เกอซีเพียงใช้หางตาที่เย็นชายั่วเย้าส่งไปหาท่านหมอเซียและผู้ดูแลจิ๋นพลางเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “มิทราบว่าท่านหมอผู้มีฝีมือการรักษาถึงขั้นที่สามจะยังคงจดจำได้หรือไม่ว่าตนเคยเอ่ยกล่าวสิ่งใดไว้บ้าง ?”

 

หากเจ้ามีความสามารถเยียวยารักษาหนุ่มน้อยผู้นี้ได้จริง ข้า เซียชงหมิง จะขอคุกเข่าโขกศีรษะคารวะเจ้าเป็นอาจารย์ต่อหน้าทุกคน

 

สีหน้าของท่านหมอเซียพลันแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าก้นหม้อ ฟันของเขาขบเม้มกัดแน่น ความเดือดดาลภายในดวงตาแทบจะหลอมรวมกันเป็นปลายกระบี่เข้าสับร่างเกอซีออกเป็นแปดส่วน

 

เมื่อสมัยวัยเยาว์ เขาก็ถูกดูแคลนหยามหมิ่นเช่นนี้ หากแต่ภายหลังที่เขาสามารถพัฒนาระดับฝีมือการรักษากระทั่งได้เป็นแพทย์ผู้มีความสามารถในระดับที่สาม เจ้าพวกคนที่กล้าทำให้เขาต้องเสื่อมเกียรติล้วนได้รับบทลงโทษและพบกับจุดจดบที่โหดร้าย นับแต่นั้นมา เขา เซียชงหมิง ก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งกว่าผู้ใด ไม่มีใครหน้าไหนกล้าดูถูกเขาได้อีก ทว่ายามนี้ เขากำลังถูกเด็กน้อยหยามเกียรติท่ามกลางที่ประชุมชน !

 

เด็กคนนี้……มันร่ำร้องหาความตายชัด ๆ  ! มันต้องตายตกเป็นพันครั้ง !

 

ทุกผู้คนที่มุงล้อมล้วนพากันเงียบเสียง นั่นเป็นเพราะแม้พวกเขาจะสมหน้าหน้าในชะตาอันโหดร้ายของท่านหมอเซียที่ราวกับถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่เช่นนี้ก็ตามที หากแต่พวกเขาย่อมไม่หาญกล้าสุ่มเสี่ยงปล่อยเสียงหัวเราะเยาะเย้ยหรือยั่วโมโหท่านหมอผู้มีฝีมือการรักษาในระดับขั้นที่สามได้

 

“แค่เพียงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ยังไม่นับว่าสาหัสนักได้เท่านั้น เจ้าก็คิดว่าตนคือผู้สูงส่งไร้เทียมทานอย่างไม่อาจมีผู้ใดเทียบเทียมในใต้หล้านี้แล้วกระนั้นรึ” ท่านหมอเซียอัดลมหายใจลึกเข้าไปก่อนจะโพล่งน้ำเสียงกรรโชกขู่เข็ญที่เย็นชาออกมา “เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน จงอย่าเหิมเกริมให้มันมากนัก หาไม่แล้ว…..”

 

ยังไม่ทันจะกล่าวได้หมดประโยค สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน เมื่อความรู้สึกด้านชาที่หัวเข่าชัดเจนขึ้นมาก เพียงเสียงดัง “ตุ้บ” เขาก็ทิ้งตัวลงอยู่ในท่าคุกเข่าบนพื้น

 

“หา—— !” ทุกคนร้องตะโกนลั่น

 

ไม่เคยมีผู้ใดคิดฝันมาก่อนเลยว่าท่านหมอเซียจะยอมคุกเข่าลงไปจริง ๆ  อีกทั้งแม้สีหน้าของเขาจะบิดเบี้ยวแลดูน่ากลัว หากแต่เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาโขกศีรษะลงไปกับพื้นอย่างหนักหน่วงถึงสามครั้ง

 

ประกายในดวงตาของเกอซีฉายวูบวาบขึ้นมาเล็กน้อย แววตาคู่นั้นยังคงสุขุมบนท่าทีนิ่งสงบ แม้ยามที่นางชำเลืองลอดผ่านเข้าไปยังทิศทางที่บานหน้าต่างแห่งนั้นเปิดแง้มอยู่เพียงครึ่งเดียว

 

ผู้อื่นย่อมไม่อาจตระหนักรู้ได้ หากแต่นางย่อมรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าท่านหมอเซียหาได้จงใจที่จะคุกเขาให้แก่นางแต่อย่างใด หากเป็นด้วยแรงพลังที่ไร้ตัวตนนั้นกดทับลงไปยังเข่าและหลัง บีบบังคับร่างของเขาให้ทรุดลงคุกเข่าอย่างอับจนสิ้นหนทาง

 

ทว่าเกอซีเพียงยิ้มเยาะเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใสกระจ่าง “ข้าบอกแล้วว่า เพียงโขกศีรษะคำนับสามครั้งเท่านั้นนับว่าเพียงพอ เพราะหากเจ้าต้องการมอบตนเป็นศิษย์ ข้าก็ไม่ต้องการศิษย์เช่นเจ้า”

 

กล่าวจบหญิงสาวไม่รั้งรอให้ผู้ใดได้ขยับกาย เกอซีหันหลังผละจากสถานที่นั้นและหายไปในท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็วแค่เพียงชั่วลมหายใจที่เข้าออกสองสามคราเท่านั้น

 

ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็นว่าท่านหมอเซียที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นนั้นมีโลหิตเหนียวซึมออกมาจากไรฟันด้วยเพราะการกดอัดกัดฟันแน่น ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกฉลาดปราดเปรื่องราวบัณฑิตกลับบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป นัยน์ตาที่ดูราวกับมารปีศาจนั้นข้นคลั่งไปด้วยความเคียดแค้นขณะที่มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

 

 

***จบตอน คุกเข่าโขกศีรษะ***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

Options

not work with dark mode
Reset