หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 270 เอ้า ! กระโดดขึ้นมา

ตอนที่ 270 เอ้า ! กระโดดขึ้นมา

 

อาศัยช่วงเวลาที่หนานกงยี่กําลังเดินพลังโคจร ในกายเพื่อให้ทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้าตลอดถึงโอสถพลังเวทสามารถซึมซาบเข้าสู่กายได้อย่างล้ำลึกถึงทุก อณู เกอซีเริ่มหันมาตรวจดูซากร่างของเจ้านกยักษ์

 

ซากนี้แตกต่างจากซากกระดูกที่แตกหักของเจ้างูหลามทองคํา เลือดเนื้อของมันยังครบถ้วน อวัยวะทุกส่วนในร่างล้วนสามารถเก็บรักษาไว้ได้

 

เพียงทั่วร่างของมันแตกหักเนื่องเพราะแรงโจมตีของหนานกงยวี่ จงอยปากแหลมคมรวมถึงกรงเล็บที่สามารถนํามาประดิษฐ์อาวุธได้ ล้วนถูกทําลายเสียหายด้วยกระบี่ของ ชายหนุ่ม

 

เมื่อตระหนักดีว่า พลังปราณในร่างของหนานกงยวคงเหลือเพียงสามถึงสีในสิบส่วน หากแต่เขายังสามารถล้มสัตว์อสูรปราณระดับหกให้อยู่ในสภาพซากที่น่าสังเวชได้ถึงเพียงนี้ แค่คิดก็หนาวสะท้าน

 

ที่สุดแล้ว พลังที่แท้จริงของบุรุษผู้นี้แข็งแกร่งเพียงไรกันแน่ ?

 

เมื่อซึมซาบพลังโอสถเข้าสู่กายได้เต็มที่แล้ว หนานกงยวี่แช่แข็งกําลังภายในของตน พักร่างกายให้ฟื้นตัว ด้วยแม้กลิ่นอายของเจ้านกยักษ์จะฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณ กระนั้นความเข้มข้นของกองโลหิต รวมถึงความผันผวนภายในบริวเณปริแตกแห่งมิติย่อมเป็นเครื่องบ่งแสดงถึงความไม่ปลอดภัยหากรังอยู่ในที่นี้นานจนเกินไป

 

ทันทีที่กระบวนการขับเคลื่อนพลังปราณในกายของเขาสิ้นสุดลง ชายหนุ่มแหงนเงยศีรษะขึ้นจึงเห็นเกอซีม้วนแขนเสื้อขึ้นกําลังเตรียมพร้อมชําแหละซากร่างเจ้านกยักษ์

 

เขาอดมิได้ที่จะเอ่ยทักด้วยความขบขัน “แม้ในเลือดเนื้อ เจ้านกยักษ์จะยังบรรจุพลังปราณไว้อย่างเข้มข้น ทว่ากลิ่นของเสียเหม็นคลุ้งที่หลังล้นออกอาบร่างของมันนั้นยากจะขจัดอาจกินไม่ลง หากซีเอ๋อชอบใจศพสัตว์อสูรตนนี้ นําดวงจิตของมันไปย่อมเพียงพอที่เหลือล้วนไร้ประโยชน์”

 

เกอซียังคงตั้งหน้าตั้งตากดปลายกริชอันคมกริบแทรก ผ่านชิ้นเนื้อเจ้านกยักษ์ปลายกริชเลื้อยไล่ไปตามแนวเส้นเอ็นน้อยใหญ่ เสียงนางตอบกลับโดยไม่แหงนหน้าขึ้นแลมอง “อ้อ ไม่อร่อยกระนั้นหรือ ? เช่นนั้นก็อย่ามากินแล้วกัน !”

 

กล่าวจบนางก็โยนชิ้นเนื้อชุ่มโลหิตสุดท้ายเข้าไปในมิติเวท ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมหยาดเหงื่อที่หลั่งรินจากโคนผมสู่เนินหน้าผากที่ขาวเนียน ดวงตางามประดุจตาหงส์คู่นั้นเปล่งประกายแวววาวประดุจดวงดารายามเมื่อมันจับจ้องกลับมาที่เขา

 

หนานกงยวี่ถูกตรึงให้ตะลึงอยู่กับดวงหน้าที่งดงามแฝงความอวดดีจนอดมิได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเผลอตัว “ได้ ๆ ข้าผิดไปแล้ว ข้าหลงลืมไปว่าอาหารชั้นเลวที่สุดย่อมสามารถกลับกลายเป็นอาหารชั้นเลิศที่สุดด้วยฝีมือซีเอ๋อของข้า ซีเอ๋อของข้าสุดยอดที่สุด !”

 

หญิงสาวพ่นเสียงขึ้นจมูกทําท่าทางเฉยชา “ไร้สาระ ! เจ้ากําลังดูดซับพลังโอสถอยู่มิใช่รึ ?แล้วจากนี้เราจะไปที่ใดกันต่อ ?”

 

เขาชี้ไปที่ยอดผา “เราต้องออกจากหุบเขานี้เสียก่อน จากนั้นค่อยคิดอีกที”

 

กล่าวจบ เขาอาศัยกระบีดําในมือค้ำร่าง เพื่อพยุงกายตนเองลุกขึ้นหยัดยืน ทว่าลําตัวยังไม่ทันจะตั้งตรงก็กลับซวนเซแทบล้มกระแทกพื้นอีกครา

 

เกอซีรีบเข้ามาคว้ามือตรวจเส้นชีพจรของชายหนุ่มในทันที

 

ยิ่งตรวจจับชีพจร กลางหว่างคิ้วของนางกลับยิ่งกดแน่นเข้าหากัน อวัยวะภายในยามนี้ถูกเติมเต็มด้วยขุมพลังจํานวนมาก ทว่าแม้พลังปราณทั้งหมดจะไหลรวมลงในจุดตัน เถียนก็จริง หากแต่มันกลับไม่กระจายลงสู่เส้นชีพจรปราณในร่าง

 

เนื่องเพราะเส้นชีพจรปราณภายในบอบช้ำอย่างหนัก อาจนับได้ว่าถึงขั้นสาหัส จําต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว ยังอีกทั้งร่างกายถูกบีบเค้นให้ใช้พลังจนเกินขีดจํากัดการฟื้น ตัวย่อมไม่อาจสําเร็จได้เพียงช่วงเวลาอันสั้น

 

เกอซีขมวดคิ้วเมื่อแหงนมองปลายยอดผาเลือนลางที่สูงชันทะลุกลีบเมฆ

 

ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของหนานกงยวี่ คิดจะปืนขึ้นด้านบนนับว่ายากเย็นจนเกินขีดจํากัด ทว่าจะให้รั้งรออยู่ที่นี่ซึ่งใกล้รอยแตกแยกในมิติย่อมอันตรายจนเกินไป

 

“เอ้า ! กระโดดขึ้นมา !” เกอซีส่งเสียงขณะยืนหันหลังให้ชายหนุ่ม

 

ผู้รับฟังยืนนิ่งอึ้งถึงขนาดแข้งขาค้างนิ่งไปในทันที ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอยู่ครู่ใหญ่ กระทั่งเกอซีต้องร้องเร่งให้อีกฝ่ายกระโดดขึ้นมา เสียงกระแอมเบา ๆ จึงดังขึ้นพร้อมเสียงกล่าว “อันที่จริง ข้ายังขึ้นไปเองได้ !”

 

หญิงสาวหันมาทําตาเขียวปัดใส่ “หากอยากหาเรื่องเจ็บตัวอีกก็เชิญปีนขึ้นไปเลย แต่หากเจ้าสัตว์อสูรขั้นหกโผล่หัวขึ้นมาอีกเห็นทีคงเหลือแต่ข้าที่ต้องต่อสู้เพียงลําพัง !”

 

สีหน้าของเขากระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก ใบหน้าเนียนขาวราวชิ้นหยกยามนี้แดง ส่วนอีกฝ่ายยังคงถลึงจ้องจนตา แทบหลุดจากเบ้าที่สุดจึงได้ยินอีกฝ่ายกัดฟันฝืนตอบ “กิตติศัพท์อันเลื่องลือลั่งตํานานของเป็นหวาง เห็นจะย่อยยับด้วยน้ำมือซีเอ๋อก็ครานี้”

 

***จบตอน เอ้า ! กระโดดขึ้นมา*-*-*

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

Options

not work with dark mode
Reset