หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 5 ขอมอบตำแหน่งภรรยาคนที่เก้าให้แก่เจ้า

ยามนี้บรรดาผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหลายต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ หากแต่ผู้ทำหน้าที่ประกาศกลับยังมีท่าทีเฉยชาราวกับมิได้รับรู้ถึงสุ้มเสียงใด ๆ  รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้านั้นเสมอสมกับที่เป็นผู้ข้ามผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน น้ำเสียงของเขายังคงประกาศออกไปอย่างราบเรียบ

 

“สินค้าหมายเลขสิบหก คือสตรีผู้ถือกำเนิดขึ้นมา เพียงเพื่อจะเป็นทาสในปีเสอเหนียน*ที่ 54 เดือนสิบ ยามเว่ย*”

เสอเหนียน    =  ปีงูเล็ก   ยามเว่ย =  บ่ายโมง-บ่ายสาม

 

“นางอายุครบสิบหกปีเต็มในปีนี้ หอรื่นรมย์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จึงขอแจ้งให้ทุกท่านทราบกันโดยทั่วว่านางคือผู้ไม่มีพื้นฐานแห่งการฝึกกำลังยุทธใด ด้วยเพราะนางไร้สิ้นกระแสปราณแห่งพลัง ร่างนี้คือเรือนร่างที่ให้กำเนิดพลังหยินอันพิสุทธิ์ ราคาตั้งต้นของสินค้าชิ้นนี้อยู่ที่หนึ่งหมื่นตำลึงถ้วน”

 

ถ้อยแถลงที่ถูกเปล่งออกมานั้นทำให้สุ้มเสียงที่อื้ออึงพลันสงบเงียบลงไปในทันที หากแต่กลับเกิดเสียงดังโกลาหลขึ้นอย่างหนักหนาเสียยิ่งกว่าเดิม

 

“สวรรค์ ที่แท้แล้วนางคือร่างกำเนิดแห่งพลังหยินอันบริสุทธิ์ เช่นนี้แล้วจะนับว่านางมิใช่สตรีอุ่นเตียงที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณสมบัติเลิศได้เยี่ยงไร ?”

 

“หอรื่นรมย์มิได้หลอกลวงพวกเราจริง ๆ  ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดนางจึงถูกจัดเป็นสินค้าชิ้นยอดในรายการปิดท้ายแห่งค่ำคืนนี้ !”

 

“หากข้าได้นางมา ข้าจะได้ทะลวงผ่านกำลังปราณขั้นที่ติดขัดมานานไปได้เสียที ! ข้าขอลงประมูลด้วยราคาหนึ่งแสนตำลึง…”

 

“สองแสนตำลึง !”

 

“ห้าแสนตำลึง…”

 

บรรดาผู้ที่รอชมการประมูลทั้งหลายต่างอัศจรรย์ใจกับเหล่าผู้ฝึกฝนกำลังปราณทั้งหลายที่กำลังเสนอราคากันอย่างบ้าคลั่ง เพื่อช่วงชิงเครื่องอุ่นเตียงอันขึ้นชื่อว่าเปี่ยมไปด้วยพลังหยินอันพิสุทธิ์ ประหนึ่งฝูงเหล่าอสูรร้ายกำลังรุมทึ้งยื้อแย่งสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง โดยที่มิมีผู้ใดทันสังเกตว่าสตรีตัวน้อยในกรงขังสีทองนั้นเริ่มจะจิกคิ้วเข้าหากันด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เปลือกตาของนางกำลังค่อย ๆ ยกสูงขึ้น

 

ดวงตาหงส์ที่แลดูธรรมดาสามัญคู่นั้นพลันเจิดจ้าพร่างพรายราวกับเปลือกมุก แววตาที่สุกสกาวด้วยความหลักแหลมกวาดมองฝูงชนที่กำลังส่งเสียงเอ็ดตะโร

 

ช่วงจังหวะนั้นเองบุรุษผู้หนึ่งในฝูงชนร้องตะโกนออกมา “สิบล้านตำลึง ! ค่ำคืนนี้สาวน้อยนางนี้ต้องเป็นของข้า นายน้อยผู้นี้ !”

 

เมื่อได้ยินราคาสินค้าที่นำเสนอ เหล่าสรรพเสียงน้อยใหญ่ที่กำลังวุ่นวายพลันหยุดชะงักลงในทันที

 

บุรุษเจ้าเนื้อผู้นั่งร่วมประมูลอยู่ค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้น ใบหน้าที่อิ่มเอมไปด้วยความสาสมใจนั้นปรากฏรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิ ขณะที่เขาก้าวตรงเข้าหากรงขังสีทองที่ถูกจัดวางไว้กึ่งกลางเวที

 

ลำแสงที่เคยสาดส่องจับอยู่ใจกลางเวทีได้เคลื่อนย้ายทิศเข้ามาจับร่างของบุรุษผู้นั้นทันที ชายผู้นี้สูงประมาณ 5.5 เชี๊ยะ* ดวงตาที่เล็กกระจิ๊ดริดบนใบหน้าอันเหี้ยมเกรียมนั้นแทบจะมองไม่เห็นเอาเสียเลย พุงกลม ๆ ที่กระเพื่อมไปมายามเขาเคลื่อนกายนั้นโดดเด่นสะดุดตาเสียยิ่งกว่าทรวงอกเนื้อแน่นของบรรดาสตรีรุ่นป้าเสียอีก เพียงได้เห็นก็อดรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาไม่ได้

*5.5 เชี๊ยะ   = 180 ซม.

 

หากแต่ผู้ใดเล่าจะกล้าหัวเราะเยาะบุรุษผู้นี้ ? เพียงเขาเสนอราคาขึ้นมาก็มิอาจมีผู้ใดหาญกล้าคิดต่อสู้แย่งชิงกับเขาแล้ว

บุรุษผู้นี้คือ  จูจงป้า บุตรชายคนโตแห่ง จูอี้ฉวินผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในจิงหลิง

 

 

แม้จะเป็นความจริงที่ว่าในอาณาจักรจิงหลิงแห่งนี้ผู้คนทั้งหลายต่างให้การยกย่องเชิดชูเฉพาะแต่ผู้ที่มีพลังฝีมือ และดูแคลนเหล่าพ่อค้าทั้งหลายก็ตามที หากแต่สำหรับคนสกุลจูแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

 

ความก้าวหน้าในการฝึกฝนพลังปราณเพื่อก้าวข้ามแต่ละขั้นนั้น นอกจากพลังฝีมือแล้วทรัพย์สินเงินทองก็ยังมีส่วนอย่างเลี่ยงมิได้ สกุลจูนั้นค่อย ๆ วางรากฐานทางการค้าของตนอย่างมั่นคง พวกเขาคือผู้ครองอำนาจในกิจการเหมืองแร่หลายต่อหลายแห่ง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีงามกับเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย กระทั่งทำให้หลายคนหมายปองที่จะครอบครองอำนาจในทรัพย์สินทั้งปวงของสกุลจู หากแต่มิมีผู้ใดหาญกล้าเข้าไปแตะต้อง

 

จูจงป้าได้ชื่อว่าเป็นบุรุษผู้โง่เขลาแห่งเหยียนจิง หากแต่เขาก็เป็นผู้มีอำนาจเผด็จการในดินแดนแถบนี้เช่นกัน แม้นว่าคนของสกุลจูจะขาดตกบกพร่องในสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที ทว่าสิ่งที่พวกเขากลับมิเคยขาดมือเลยก็คือ ความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย !

 

“คุณชายจู ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านชนะในการประมูลสินค้าอุ่นเตียงอันเปี่ยมไปด้วยพลังหยินพิสุทธิ์ชิ้นนี้ การได้เลื่อนข้ามลำดับขั้นแห่งพลังปราณของคุณชายนั้นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมเท่านั้น !”

 

“ในไม่ช้าพลังฝีมือของคุณชายจูก็จะเลื่อนไปอีกขั้นแล้ว โปรดอย่าลืมเชิญพวกเราไปร่วมดื่มสังสรรค์แสดงความยินดีกับท่านด้วย !”

 

เสียงสรรเสริญป้อยอจากบรรดาผู้ที่ล้วนพากันหลบซ่อนเก็บงำความอิจฉาไว้แต่เพียงในใจนั้นทำให้จูจงป้ายิ่งอิ่มเอมเปรมปรีดิ์เป็นหนักหนา พุงป่องกลมเกลี้ยงราวกับลูกแตงโมยักษ์นั้นกระเพื่อมไปมาด้วยความสุขใจ ไม่ต้องรอให้การประกาศประมูลในครานี้สิ้นสุดลง บุรุษเจ้าเนื้อก็เดินวางท่าใหญ่โตขึ้นไปยืนอยู่ด้านหน้าท่านผู้ประกาศแล้ว

 

“หวูอวี้ เจ้าจงรีบมอบแผ่นป้ายทัณฑ์พิฆาตให้แก่ข้าผู้นี้มาเถิด ข้าจะนำตัวนางไปก่อน แล้วจึงจะส่งค่าสินค้าติดตามมาให้ในภายหลัง !”

 

โดยปกติแล้ว กฎของการประมูลนั้นคือ ทันทีที่ผู้ใดประมูลสินค้าชิ้นใดออกไปแล้ว คนผู้นั้นย่อมต้องชำระค่าสินค้าให้เรียบร้อยเสียก่อนจึงจะสามารถนำสินค้าออกจากหอรื่นรมย์ได้

 

หากแต่แม้กระทั่งผู้ประกาศหวูอวี้นั้นก็ดูจะมองข้ามกฎเกณฑ์ข้อนี้ไป เขามอบแผ่นป้ายทัณฑ์พิฆาตให้แก่จูจงป้าอย่างไม่รอช้า

 

ไม่มีผู้ใดได้เห็นประกายตาที่ฉายวาบขึ้นมาคราหนึ่ง ก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มตามมา

 

“คุณชายจู แผ่นป้ายทัณฑ์พิฆาตชิ้นนี้เป็นของท่านแล้ว สินค้าประมูลชิ้นนี้อยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของท่านแล้ว ทันทีที่สินค้าถูกจำหน่ายออกไป นับแต่นี้เป็นต้นไป จะถือว่าหอรื่นรมย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับสินค้าชินนี้อีก !”

 

จะอย่างไรเสีย จูจงป้าก็มิได้สนใจคำพล่ามใด ๆ  เขาเพียงรับเอาแผ่นป้ายนั้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาเกอซี สตรีผู้อยู่ในกรงขัง

 

“สาวน้อยข้ามาหาเจ้าแล้ว… หากเจ้าสามารถทำให้ข้าก้าวขึ้นสู่พลังปราณระดับขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ได้ ข้าก็จะมอบตำแหน่งภรรยาคนที่เก้าของข้าให้แก่เจ้า !”

 

***จบตอน ขอมอบตำแหน่งภรรยาคนที่เก้าให้แก่เจ้า***

 

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

Options

not work with dark mode
Reset