หัตถ์เทวะธิดาพญายม – ตอนที่ 261 เหตุใดไม่หลบ ?

ตอนที่ 261 เหตุใดไม่หลบ ?

หนานกงยวี่จ้องนางด้วยความโง่งม ประหนึ่งตนได้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว

 

ฉับพลัน ลูกกระดูกในลําคอของเขาสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย เสียงหัวเราะบางเบาภายใต้ความเงียบงันเริ่มสะเทือนขึ้น หากทว่ามันผู้ใดที่ได้ยินเสียงหัวเราะนั้นย่อมสามารถรับรู้ได้ถึงความกดขี่คับข้องภายในใจประหนึ่งสัญญาณบอกเหตุล่วงหน้าก่อนพายุร้ายจะมาเยือน “ซีเอ๋อ นั่นคือความคิดของเจ้ากระนั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าข้ารั้งกายเจ้าไว้เพื่อลง มือสังหารเจ้าล้างแค้นให้นางกระนั้นหรือ ? ในใจเจ้าไม่เคย มีความเชื่อใจข้าเลยใช่หรือไม่ ? ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าเคยทําเพื่อเจ้า ทุกอย่างล้วนไร้ความหมายสําหรับเจ้าใช่หรือไม่

 

“ซีเอ๋อ หัวใจเจ้าสร้างจากก้อนศิลาหรืออย่างไร ?”

 

ใบหน้าของเกอซีซีดเผือด ความรู้สึกประหนึ่งถูกฝามือหนึ่งตรงเข้าบีบรัดเค้นหัวใจจนอึดอัดทรมาน

 

เหตุผลในใจพร่ำบอกนางมิให้เชื่อคําหนานกงยวี่อีก จงอย่าได้เปิดใจให้บุรุษผู้นี้อีก

 

หากทว่า หนานกงยผู้อยู่เบื้องหน้านางนี้กลับมีแววตา ที่หลั่งล้นไปด้วยความบ้าคลั่งหมดอาลัยตายอยากคล้ายเขา คือผู้ที่ถูกคนทั่วหล้าทอดทิ้ง

 

ชั่วขณะนั้นเอง ในหูของนางพลันก้องชัดน้ำเสียงที่หม่นมัวแหบพร่าของหนานกงยวี่ “หรือ เจ้าห่วงบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก ? ห่วงมันมากกระทั่งสามารถทําร้ายข้าได้อย่างไม่ลังเลกระนั้นใช่ไหม ?”

 

“หากเป็นเช่นนั้น มันย่อมสมควรตาย !

 

ทันทีที่กล่าวจบ พลังสายฟ้ากลุ่มหนึ่งพลันถูกควบกลั่นรวมอยู่ในฝามือซ้ายของเขาก่อนจะถูกผลักพุ่งตรงเข้าหาจุดตันเถียนของกู้หลิวเพิ่ง

 

สีหน้าของเกอซีแปรเปลี่ยนในทันที คล้ายได้ยินเสียงระเบิดดังก้องอยู่ในหัวร่างของนางกระโจนพุ่งไปด้วยสัญชาตญาณกระบี่น้ำแข็งในมือเสียดแทงตรงออกไปอย่างไร้ความปรานี

 

เสียง ‘ฉึก’ ดังก้องจากปลายกระบี่ที่เสียบแทงแทรกลงในเนื้อกาย แม้เสียงที่ปรากฏจะบางเบายิ่งนัก ทว่าในหัวของเกอซีกลับอื้ออึงไปด้วยเสียงที่สะเทือนเลื่อนลั่นประดุจสายฟ้าฟาด

 

หญิงสาวตกใจ นางรีบถอนกระบี่ในมือสายตาจับจ้องไปยังสายโลหิตสีแดงฉานที่สาดกระจายอย่างเต็มตา ใบหน้าอันคงความสุขุมล้ำลึกของนางเผยความหวาดกลัวตื่นตระ หนกอย่างที่สุดเป็นคราแรก

 

กว่าครึ่งของปลายดาบที่กลั่นขึ้นจากไอเย็นผังเข้าไปในไหล่ซ้ายด้านข้างแผงอกของหนานกงยวี่ เกอซีปล่อยมือในทันที่ เมื่อกระบน้ำแข็งไร้สิ้นขุมพลังที่ถูกขับส่งจากหญิงสาวมันจึงเริ่มหลอมละลายกลายเป็นสายน้ำกลมกลืนหา ล่อหลอมร่วมไปกับหยาดโลหิตก่อนจะหล่นร่วงลงสู่พื้น

 

ในลําคอแห้งผาก หญิงสาวผืนผลักบังคับน้ำเสียงที่บีบรัดแหบพร่าให้ผ่านพ้นริมฝีปากตน “เหตุใด…เจ้าไม่ยอมหลบ?”

 

หนานกงยวี่ค่อย ๆ ปลดมือที่จิกอยู่บนลําคอกู้หลิวเพิ่งออก ดวงตาที่บ่ายกลับมาจ้องเกอซีไร้แรงกระเพื่อมไหว

 

อากาศภายในอาณาจักรกําบังนั้นอบอุ่นดั่งช่วงฤดูใบไม้ผลิ หากทว่ายามนี้ พืชพรรณทั้งหลายที่รายล้อมอยู่โดยรอบเริ่มเหี่ยวเฉาแห้งตายโดยเฉียบพลัน ชั้นบรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บอย่างน่าใจหาย

 

ยามนี้นัยน์ตาของทุกผู้คนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และ ตื่นตะลึง พวกที่มีพลังฝีมือต่ำต้อยเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

 

เกอซีรีบตรงเข้าหา น้ำเสียงของนางสั่นเครือยามเมื่อเอ่ยปากไถ่ถาม “แผลเป็นอย่างไรบ้าง ?…. ”

 

ดูจากตําแหน่งแผลน่าจะไม่ใกล้หัวใจ หากทว่าปริมาณโลหิตที่ทะลักล้นอย่างหนักบ่งบอกถึงการฉีกขาดของเส้นเลือดใหญ่ อาการบาดเจ็บนี้ แม้เป็นผู้เยี่ยมยุทธยังนับว่าม ใช่เพียงการบาดเจ็บเล็กน้อย

 

หนานกงยวี่ เขา….เหตุใดจึงไม่เลี้ยงหลบ ?

 

ทว่าเพียงจะขยับกาย คลื่นพลังที่กรรโชกรุนแรงสายหนึ่ง กลับกระแทกนางกระเด็นไป

 

ร่างของเกอซีเซถลาแทบร่วงล้ม

 

เสียงแผดร้องที่ทุกข์เศร้าคับแค้นของเพิ่งเหลียนยิ่งลอยเข้ามาในหู “ท่านพี่ยวี่ ! เจ้าทําร้ายเขาได้อย่างไร ? ท่านพี่ยวี่ดีต่อเจ้ามาโดยตลอด ! เจ้าเจ้าถึงกับลงมือกับเขาเพื่อผู้อื่น…แม้เจ้ากับกู้หลิวเพิ่งจะมีความสัมพันธ์อันน่าละอายต่อกัน…กระทําเช่นนี้มันเกินไปแล้ว !”

 

สิ้นคําพร่ำด่านางก็หันมาดูอาการบาดเจ็บของหนานกงยวี่ เพียงได้เห็นหยาดโลหิตสดสีแดงที่หลั่งทะลักออกจากปากแผล หยดน้ำใส ๆ ก็ไหลรินอาบข้างแก้ม “ท่านพียว ไม่ต้องห่วง ข้าติดโอสถรักษาแผลที่สรรพคุณล้ำเลิศสูงสุดมาด้วย ต้องรักษาอาการของท่านได้อย่างแน่นอน ส่วนเจ้าคนชั่วช้าสามานย์เนรคุณคนผู้นั้น เบื้องหน้าต่อไปพวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมันอีก !

***จบตอน เหตุใดไม่หลบ ?***

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

หัตถ์เทวะธิดาพญายม

ในงานประมูลครั้งมโหฬารแห่งหอรื่นรมย์ สาวน้อยเครื่องอุ่นเตียงชั้นยอดได้ถูกเสนอราคาชนิดสูงเสียดฟ้า ในท่ามกลางความหื่นกระหายต่อสู้เยื้อแย่งราคากันอย่างบ้าคลั่งนั้น ดรุณีน้อยเปิดเปลือกตาทอดส่งผ่านลูกกรงขังสีทอง อายกระแสรังสีอันเย็นยะเยียบจับทรวงที่แผ่ซ่านออกมาจากเนื้อกาย บ่งบอกได้ว่ายามนี้นางไร้สิ้นความหวาดกลัวอีกต่อไป

Options

not work with dark mode
Reset