ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน – ตอนที่ 38 ปล่อยวาง

อวี้ถังกำลังกัดขาหมู  

 

 

เดิมทีนางใช้ตะเกียบแต่ภายหลังพบว่าใช้ตะเกียบไม่สะดวกนัก ขาหมูร่วงตกลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า คนด้านข้างล้วนใช้มือกัดอย่างเอร็ดอร่อย นางมองไปรอบกาย พบว่าคนพวกนี้เอาแต่ดื่มสุราคุยโวเท่านั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าสาวน้อยอย่างนางติดตามบิดาและพี่ชายมากินข้าวด้วย จึงค่อยวางใจลง แอบวางตะเกียบลงเปลี่ยนเป็นใช้มือแทน  

 

 

มีสองมือช่วย ขาหมูพวกนั้นก็ถูกนางแทะจนเกลี้ยง  

 

 

เผยเยี่ยนกำลังมองมืออวี้ถังอยู่  

 

 

มือของอวี้ถังนั้นงดงาม ผิวขาวละเอียด นิ้วมือเรียวยาว ขนาดพอเหมาะ ไม่มีตำหนิแม้แต่น้อย  

 

 

แต่ยามนี้ มือที่สวยงามทั้งสองข้างกลับเปื้อนไปด้วยพริกสีแดง มันเยิ้ม ทั้งสะท้อนแสง  

 

 

ราวกับไข่มุกที่ถูกฝุ่นปกคลุม ราวกับหยกพิสุทธิ์ที่ถูกไฟลน พาให้คนมองรู้สึกไม่สบายตาขึ้นมา  

 

 

กระทั่งเผยเยี่ยนเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาได้เริ่มจ้องอวี้ถังตั้งแต่เมื่อใด  

 

 

อวี้ถังกำลังเคี้ยวขาหมูด้วยความพอใจ กลับรับรู้ถึงสายตาที่มีอานุภาพมองมายังตน  

 

 

นางเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าเย็นชาของเผยเยี่ยนที่แฝงด้วยความโมโหอย่างเลือนราง  

 

 

อวี้ถังงุนงง  

 

 

ไฉนเขาจึงมองตนเองเช่นนี้?  

 

 

เมื่อครู่นางไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย!  

 

 

นางกินไม่น่ามอง?  

 

 

หรือนางแต่งตัวไม่เหมาะสม?  

 

 

อวี้ถังก้มลงสังเกตตัวเอง  

 

 

จากนั้นก็ค้นพบอย่างน่าตกใจว่า บนเสื้อของนางมีน้ำมันเปื้อนหยดหนึ่ง  

 

 

ไฉนจึงเป็นเช่นนี้?  

 

 

อวี้ถังรู้สึกว่าตัวเองเลอะเทอะไปอยู่บ้าง  

 

 

นางยกขาหมูมองไปยังเผยเยี่ยน คิดว่าตัวเองควรจะอธิบายอะไรให้เขาฟังเสียหน่อย  

 

 

แต่ไม่ทันที่นางจะเอ่ยปาก เผยเยี่ยนก็ย้ายสายตาไปทางอื่นอย่างเรียบนิ่ง  

 

 

อวี้ถังกะพริบตาปริบๆ   

 

 

เผยเยี่ยน นี่คือเขาเกลียดชังนางรึ?  

 

 

อวี้ถังพลันรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง  

 

 

ม้ายังมีคราวที่ทำฮ่องเต้พลัดหล่น คนก็มียามที่พลาดพลั้ง…วันนี้ทั้งวันนางล้วนไม่ได้กินอะไรจริงๆ จังๆ เห็นของอร่อยเช่นนี้ ไหนเลยจะทำเป็นมองไม่เห็น ควบคุมตัวเองได้? อีกอย่าง นี่เป็นตลาดกลางคืน มากินของอร่อยที่ตลาดกลางคืนย่อมต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือ?  

 

 

เมื่อครู่นางยังตื่นตะลึงในอาหารเลิศรส ช่วงพริบตาเดียวกลับทำให้นางหมดความอยากอาหาร  

 

 

เฮ้อ!  

 

 

นางรู้อยู่แล้ว นางและนายท่านสามสกุลเผยผู้นี้ไม่ถูกชะตากัน ขอเพียงแค่พบกันย่อมไม่เกิดเรื่องดีอันใด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาพลักษณ์ของนางเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเป็นอย่างไร!  

 

 

อวี้ถังนึกโกรธตัวเองอยู่ในใจ ทว่าจู่ๆ เผยเยี่ยนก็หันหน้ากลับมา ขมวดคิ้ว ก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกจากเสื้อทิ้งลงเบื้องหน้านาง “เช็ดเสีย!”  

 

 

นางตกตะลึง  

 

 

อวี้หย่วนกำลังรินสุรา อวี้เหวินที่กำลังยกแก้วดื่ม ทั้งโจวจื่อจินที่ได้ยินล้วนหันมามอง  

 

 

อวี้เหวินและโจวจื่อจินหัวเราะขึ้นมา อวี้เหวินถึงขนาดชี้ไปที่มุมปากของอวี้ถัง “มีต้นหอมติดอยู่”  

 

 

อวี้ถังเบิกตาโต “ท่านพ่อ มีใครเขาทำแบบท่านกัน?”  

 

 

อวี้เหวินไม่เข้าใจ “ข้าทำไม?” ขณะที่พูด มือก็ชี้ที่มุมปากของตัวเอง บอกเป็นนัยให้อวี้ถังรีบเช็ดปาก  

 

 

มีคนนอกอยู่มากมาย เขาจะแอบกระซิบบอกนางเป็นการส่วนตัวมิได้เชียวรึ?  

 

 

อวี้ถังฉุนขึ้นมา รู้สึกว่าผ้าเช็ดหน้าที่เผยเยี่ยนทิ้งไว้ให้นางคล้ายเป็นเข็มแหลมที่ทิ่มแทง อย่าพูดถึงหยิบมาใช้เลย แต่แค่เห็นก็ไม่สบายตาแล้ว  

 

 

นางควักผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมา เช็ดมุมปากไปแรงๆ จากนั้นก็เช็ดไม้เช็ดมือไปด้วย ปล่อยให้ผ้าเช็ดหน้าสีขาวทิ้งอยู่บนโต๊ะเช่นนั้น  

 

 

เผยเยี่ยนค่อยโล่งอก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง  

 

 

อวี้เหวินและโจวจื่อจินหัวเราะอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะทิ้งเรื่องนี้ไปแล้วดื่มสุราของพวกเขาต่อ พูดคุยสัพเพเหระ อวี้หย่วนที่นั่งอยู่ข้างกาสุราก็นั่งฟังพวกเขาด้วยท่าทีสนใจ  

 

 

อวี้ถังดึงสายตากลับมาจากเผยเยี่ยน กัดขาหมูต่ออีกครั้ง  

 

 

สายตาของเผยเยี่ยนหยุดอยู่ที่เสื้อของนาง  

 

 

อวี้ถังมุมปากกระตุก  

 

 

เขาจะเอาอย่างไรกันแน่  

 

 

มิใช่ว่าเป็นผู้ชาย หากเรื่องอะไรไม่เหมาะสมก็ไม่ควรดูหรอกหรือ? เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นจะเป็นไรไป?  

 

 

อวี้ถังกระทืบเท้าอยู่ในใจอย่างโมโห  

 

 

นางว่าแล้ว เขาต้องเป็นคนใจแคบ เอาแต่จับผิดข้อเสียของคนอื่น อย่าพูดถึงเรื่องอื่นเลย นางและเขาก็นับว่าพบกันหลายครั้งแล้ว แต่เขาเคยเผยรอยยิ้มให้ใครเห็นบ้างกัน?  

 

 

ทั้งยังคิดว่าตัวเองถูกอยู่ตลอดเวลา  

 

 

ครั้งแรกพบนาง คิดว่านางจะหลอกเอาเงิน ครั้งที่สองพบนาง คิดว่านางเป็นนักต้มตุ๋น ครั้งที่สามพบนาง คิดว่านางเป็นหญิงใจง่าย…นึกถึงเรื่องพวกนี้ อวี้ถังก็คล้ายกับลูกหนังที่ถูกเข็มทิ่มแทง  

 

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในสายตาของเขา นางก็คงไม่ใช่คนดีอะไร  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาแตกต่างราวฟ้ากับดิน แม้ว่านางจะไม่ใช่คนดี แล้วจะเกี่ยวกับเขาตรงไหนกัน?  

 

 

พออวี้ถังคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นมาในชั่วพริบตา  

 

 

นางไม่จำเป็นต้องวิตกกับผลได้ผลเสียของตัวเองเช่นนี้ ช่วงเวลานี้ก็เพียงบังเอิญพบเผยเยี่ยนบ่อยขึ้นเท่านั้น ชาติก่อน นางใช้ชีวิตอยู่ที่หลินอันกว่ายี่สิบปีก็ไม่เคยพบเขาแต่อย่างใด  

 

 

เห็นได้ว่าไม่มีเผยเยี่ยน นางก็สามารถใช้ชีวิตอย่างดีได้  

 

 

เช่นนั้นเผยเยี่ยนจะมองนาง คิดกับนางอย่างไร แล้วมันจะอย่างไร?  

 

 

ไยนางจะต้องสิ้นเปลืองความคิดกับคนที่แทบไม่มีความเกี่ยวข้องกัน?  

 

 

อวี้ถังรู้สึกว่าตัวเองคิดตกแล้ว  

 

 

นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มกัดขาหมูอีกครั้ง  

 

 

อาหารร้านแม่นางกวนซานอร่อยจริงๆ!  

 

 

หากครั้งหน้ามีคนถามขึ้นมา นางย่อมจะบอกแน่ ร้านของแม่นางกวนซาน นอกจากปลาเผา ยังมีขาหมู แน่นอนว่าบะหมี่แห้งของพวกเขาก็เลิศรสเช่นกัน  

 

 

อวี้ถังฟื้นฟูความสดใสและความกระตือรือร้นก่อนหน้ากลับมาอีกครั้ง  

 

 

เผยเยี่ยนแทบจะถลึงดวงตาออกมา  

 

 

เด็กสาวผู้นี้ ไฉนจึงไม่สนใจอะไร นอกจากคำพูดแล้วก็ล้วนมองอย่างอื่นไม่ออก  

 

 

กินจนมือเลอะไปด้วยน้ำมัน มีเด็กสาวเช่นนี้ที่ไหนกัน?  

 

 

แต่อวี้ถังที่วางภาระในใจลง กลับไม่มีความกังวลอะไรแล้ว  

 

 

นางไม่เพียงใช้มือกัดขาหมู แต่ยังยืนดื่มบัวลอยสุราดอกกุ้ยฮวาข้างแผงร้านค้า เดินไปพลาง กินน้ำตาลปั้นไปพลาง ชิมเนื้อลา ลงเดิมพันทั้งสองฝั่ง…เผยเยี่ยนอยากจะจ้องนางเท่าใดก็ให้จ้องไป นางไม่ใช่คนของสกุลเผยที่หากจะใช้เงินค่าขนมของเขา ก็ต้องให้เกียรติเขาเสียหน่อย  

 

 

คืนนี้ นางมีความสุขกว่าคืนไหนๆ  

 

 

นี่คงเป็นความสุขของท่านพ่อและท่านแม่กระมัง?  

 

 

อวี้ถังประคองบิดาที่ดื่มจนเมา ครุ่นคิดอย่างพอใจ  

 

 

ออกมาครั้งนี้ พอกลับไปหลินอันแล้ว นางคงจะไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นง่ายๆ แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออกมาเดินเล่นกับบิดาเช่นนี้  

 

 

ต่อไปคงยากที่จะมีความสุขเช่นนี้แล้วกระมัง?  

 

 

อวี้ถัง บิดาและพี่ชายเดินทอดน่องอย่างช้าๆ บนถนนเสี่ยวเหอ ลมยามราตรีพัดโชยผ่านใบหน้านาง พกพาความเย็นของต้นฤดูใบไม้ร่วง ทำให้คนที่เพิ่งผ่านอากาศร้อนอบอ้าวอย่างยาวนานรู้สึกเย็นสบายขึ้นมา  

 

 

ความสุขล้นย่อมพาความทุกข์ยากมาภายหลัง  

 

 

อวี้ถังกลับถึงโรงเตี๊ยม ล้างหน้าสางผม ล้มตัวนอนไม่ทันไร ก็เริ่มปวดท้องขึ้นมา  

 

 

นางสะดุดใจเล็กน้อย ในหัวปรากฏภาพพวกเผยเยี่ยนที่เนื้อตัวซีดขาวนั่งแผงลอยในตลาดท่ามกลางควันคละคลุ้ง  

 

 

หรือนางกินมากจนปวดท้อง!  

 

 

อวี้ถังกุมท้องที่ปวดหนักขึ้นเรื่อยๆ ไปเคาะประตูของอวี้หย่วนทันที  

 

 

อวี้หย่วนสวมชุดคลุมก่อนจะไปตามหมอมาให้นาง  

 

 

อาการเมาของอวี้เหวินหายเป็นปลิดทิ้ง  

 

 

แต่กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ ทั้งพวกเขายังเป็นคนต่างถิ่น ไหนเลยจะหาหมอพบง่ายๆ!  

 

 

อวี้เหวินไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงไปเคาะประตูโรงจำนำของสกุลเผย  

 

 

ผู้ดูแลของโรงจำนำสกุลเผยแห่งนี้คือน้องชายของเถ้าแก่ถง เถ้าแก่รองถง  

 

 

เขาและอวี้เหวินรู้จักกัน ได้ยินเช่นนั้นก็ไปหาป้ายชื่อที่เผยเยี่ยนวางไว้ในร้านอย่างเร่งด่วน “หมอหลวงหวังไป๋บังเอิญอยู่ในหังโจวพอดี ข้าจะไปเชิญเขามาดูคุณหนูอวี้เดี๋ยวนี้”  

 

 

อวี้เหวินขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า สวมรองเท้าตามเถ้าแก่รองถงไปทันที  

 

 

อวี้ถังกลับใช้ผ้าห่มคลุมหน้า  

 

 

ป้ายชื่อของนายท่านสามสกุลเผย…พรุ่งนี้เขาย่อมมิวายรู้เรื่องเป็นแน่!  

 

 

อวี้ถังรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจออกไปพบหน้าคนได้  

 

 

——————-

Related

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ห้วงเวลาบุปผาผลิบานเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้า เสียงแตก ‘เปรี๊ยะๆ’ ดังต่อเนื่อง แสงฉาบบนฟากฟ้าที่แดงก่ำไปครึ่งหนึ่ง คลื่นร้อนระอุลูกแล้วลูกเล่าแข่งกันโหมตัวสูง คนที่วิ่งผ่านไปมาล้วนร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้! ไฟไหม้!” สองขาของอวี้ถังอ่อนยวบ หากไม่ใช่ซวงเถาประคองนางไว้ เกรงว่านางคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซวงเถาตกใจจนพูดติดขัด “เหตุใดเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าผู้คุมของสกุลเผยกับคนของศาลาว่าการจะมาเดินลาดตระเวนตรวจตราร้านค้าของพวกเขายามดึกหรือ นายท่านสามบอกว่าหน้าร้อนปีนี้จะร้อนหนัก อากาศแห้งแล้ง น่ากลัวจะเกิดไฟไหม้ หลายวันก่อนยังสั่งเป็นพิเศษให้คนวางโอ่งน้ำใหญ่สามสิบแปดใบไว้สองฝั่งของถนนฉางซิ่ง ทุกวันก็ให้เถ้าแก่แต่ละร้านคอยเติมน้ำให้เต็มโอ่ง ถนนฉางซิ่งจะไฟไหม้ได้อย่างไร? แล้วร้านค้าของสกุลเราจะเป็นเช่นไรล่ะเจ้าคะ?” จริงด้วย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset