ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน – ตอนที่ 67 (1)

ปู่สิบสองของบ้านสายตรงสกุลหลี่อายุล่วงหกสิบปีไปแล้ว ไม่รู้ว่าบำรุงรักษาสุขภาพได้ไม่ดีหรือว่าแก่ชราตามอายุขัย เส้นผมขาวโพลนไปหมด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาทั้งสองข้างขมุกขมัว ราวกับไม้ผุท่อนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะแตกหักยามใด

นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้ามาในโถงของสกุลเผยก็หลับตาลงครึ่งหนึ่ง ไม่ได้กล่าวอะไร คล้ายกับเรื่องที่เกิดในห้องโถงไม่เกี่ยวกับเขาโดยสิ้นเชิง

ยามนี้ถูกเผยเยี่ยนเอ่ยถึง เขาจึงค่อยลืมตาขึ้นมา ค้อมตัวอย่างเชื่องช้า “นายท่านสาม ข้านั้นเป็นคนหูตาไม่ค่อยดี ที่พอฟังออกก็คิดว่าไม่เลวแล้ว ยังมีอะไรให้พูดอีก เรื่องนี้ควรจะจัดการอย่างไร ก็ฟังที่หลี่ตวนว่าเถิด!”

ความหมายของคำพูดคือ เขาไม่อาจยุ่งได้ หลี่ตวนจะพูดอย่างไร เขาก็ทำอย่างนั้น

บ้านสายตรงถูกญาติสายรองสร้างความลำบากใจเช่นนี้ ทุกคนต่างนึกไปถึงเรื่องเมื่อครู่ที่นอกจวนสกุลเผย พี่น้องหลี่นำอยู่เบื้องหน้า บ้านสายตรงสกุลหลี่ไล่กระหืดหระหอบตามมาด้านหลัง ในใจอดที่จะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างไม่ได้

ต้องรู้ว่า เศรษฐีที่นั่งอยู่ที่นี่ ส่วนมากต่างก็เป็นบ้านสายตรงของแต่ละสกุล

หลี่ตวนทำเช่นนี้ ย่อมล่วงเกินผลประโยชน์ของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

พวกเศรษฐีชนบทล้วนเผยสีหน้าไม่ดีอยู่บ้าง

คิดว่าบ้านหลี่ตวนเพิกเฉยต่อบ้านสายตรงเกินไป

ด้านหลี่ตวนลอบด่าสองพ่อลูกหลี่เหออยู่ในใจ

เพราะว่าบ้านนี้ของพวกเขารุ่งเรืองขึ้นมาอย่างฉับพลัน บ้านสายตรงจึงถูกบดบังมาโดยตลอด ครั้งนี้มาจวนสกุลเผย เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้ส่งข่าวบอกบ้านสายตรง เพราะกลัวว่านอกจากบ้านสายตรงจะไม่ช่วยพวกเขาแล้วยังอาจจะถ่วงแข้งถ่วงขา พวกเขาถึงกระทั่งป้องกันไม่ให้คนไปส่งจดหมายให้บ้านสายตรง ให้คนเฝ้าอยู่ทางบ้านสายตรง เตรียมว่าหากบ้านสายตรงล่วงรู้ ก็ให้พวกเขาหาวิธีขัดขวาง ใครจะรู้ว่าบ้านสายตรงกลับไล่ตามมาในช่วงเวลาสุดท้าย

ไม่รู้ว่าเป็นใครที่ส่งจดหมายรายงานพวกเขา?

บ้านสายตรงก็เป็นดั่งที่เขาคาด ไม่ได้ทำเรื่องดีแต่อย่างใด

หลี่ตวนโมโหอยู่ในใจ ทว่าใบหน้าไม่ปรากฏท่าทีใดแม้แต่น้อย กลับเอ่ยอย่างนอบน้อม “ปู่สิบสองพูดเช่นนี้ ข้าไม่อาจรับไว้ได้หรอก บิดาไม่อยู่ ข้าอายุยังน้อย หากมีจุดไหนที่ทำผิดไป ยังต้องขอให้ปู่สิบสองช่วยตักเตือน ข้าจะกล้าตัดสินใจเองได้อย่างไร? เรื่องนี้ยังคงต้องฟังท่าน”

เขาไม่เชื่อว่าปู่สิบสองจะกล้าแตกหักกับบ้านของพวกเขาในเวลานี้

หากสกุลหลี่ไม่มีบ้านของพวกเขา เรื่องเสียภาษีอะไรนั่น ก็อย่าคิดที่จะได้ประโยชน์เลย

บ้านสายตรงสกุลหลี่ย่อมไม่กล้าแตกหักกับบ้านของหลี่ตวน แม้ในใจพวกเขาจะไม่พอใจต่อบ้านของหลี่ตวน อย่างมากที่สุดก็พูดเหน็บแนมไม่กี่ประโยคเท่านั้น หากไม่สนใจบ้านของหลี่ตวนจริงๆ ไม่เพียงจะเสียภาพลักษณ์ของบ้านสายตรง แต่ยังจะกระทบกับผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล

บ้านสายตรงจึงทำได้เพียงหยุดเท่านี้

ได้ยินหลี่ตวนพูดอย่างนั้น ปู่สิบสองทำได้เพียงยืนขึ้นเอ่ย “แต่ไหนแต่ไรสกุลหลี่ของพวกเราก็เป็นสกุลที่สุจริตเที่ยงธรรม หลายปีมานี้หลี่อวี้ก็นับว่าอบรมสั่งสอนบุตรได้ดี สกุลอวี้และสกุลเว่ยไม่อาจว่าร้ายสกุลหลี่อย่างไร้เหตุผลได้ สกุลหลี่ก็ไม่มีทางสังหารคนเพราะงานแต่งของพวกลูกๆ ได้หรอก จะเห็นได้ว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่พ่อบ้านใหญ่ของหลี่ตวนผู้นั้นต่างหาก แม้จะกล่าวว่า ตั้งแต่โบราณมีเรื่องเฉิงอิงช่วยเด็กกำพร้า[1] ทั้งเรื่องที่หลี่ว์ปู้สังหารพ่อบุญธรรม[2] จะเห็นได้ว่าเรื่องในใต้หล้าแห่งนี้ไม่อาจใช้มาตรฐานเดียวกันได้ ส่วนพ่อบ้านใหญ่สกุลหลี่ทำเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเหตุใด อย่างไรขอนายท่านสาม นายท่านอวี้และนายท่านเว่ยไว้หน้าพวกเราสกุลหลี่สักครั้ง ยามนี้อย่าได้ซักไซ้ไล่เลี่ยต่อ รอข้าเขียนจดหมายให้หลี่อี้ ให้เขามอบคำตอบแก่ทั้งสองสกุลก่อน ทุกท่านคิดว่าเป็นอย่างไร?”

เขาพูดจบ ก็ยืนขึ้นค้อมคำนับให้แก่ทุกคน เอ่ยหนักแน่น “จะชดใช้อย่างไร พวกเราสกุลหลี่ย่อมไม่คัดค้าน”

อย่างไรก็ควรเป็นหลี่อี้ที่ยุ่งยากปวดหัว ไยเขาจะต้องยอมเป็นคนเลวด้วยเล่า

สกุลอวี้และสกุลเว่ยย่อมไม่พอใจ แต่ไม่พอใจแล้วจะอย่างไรได้อีก?

เว้นเสียว่าพ่อบ้านใหญ่ของหลี่ตวนจะสามารถกัดเจ้านาย งับหลี่ตวนหนึ่งคำได้ที่นี่

แต่นั่นเป็นไปไม่ได้

พ่อบ้านของหลี่ตวนยอมรับเรื่องนี้ อาจจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต กลับสามารถปกป้องครอบครัวของตัวเองให้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขในเรือนสกุลหลี่ได้ หากเวลานี้เอ่ยว่าสกุลหลี่บงการอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงเขาจะเอาชีวิตไปทิ้ง แต่ชีวิตของทั้งครอบครัวก็คงรักษาไว้ไม่ได้เช่นกัน

บัญชีนี้ไม่ว่าใครก็สามารถสรุปได้

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดอวี้ถังยอมขอเผยเยี่ยนมาตัดสินความ ดีกว่าต้องฟ้องร้องคดีความกับสกุลหลี่

แต่จะให้สกุลอวี้และสกุลเว่ยยอมจบไปเช่นนี้ ก็เป็นไปไม่ได้

อย่างน้อยก่อนจะมา อวี้ถังก็ปรึกษาหารือกับบิดาและพี่ชายอยู่หลายครั้ง หากเรื่องนี้ล่วงเลยมาถึงจุดนี้ พวกเขาควรจะทำอย่างไร เริ่มแรกอวี้เหวินยังลังเลกับความคิดของอวี้ถังอยู่บ้าง ภายหลังปรึกษากับนายท่านเว่ยพ่อลูก พวกเขาล้วนคิดว่าความคิดนี้ของอวี้ถังไม่เลว เขาจึงไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว ได้ฟังปู่สิบสองของบ้านสายตรงสกุลหลี่พูดเช่นนี้ เขาก็แลกเปลี่ยนสายตากับนายท่านเว่ย จากนั้นทั้งสองคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน โดยมีอวี้เหวินเป็นผู้พูดแทนทั้งสองสกุล “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สกุลอวี้และสกุลเว่ยของพวกเราก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล นายถูกครหาบ่าวสมควรตาย บ่าวทำผิด เจ้านายก็ควรมีความรับผิดชอบ พวกเราหวังว่าสกุลหลี่จะสามารถขอโทษกับพวกเราสองสกุลอย่างจริงจังได้…คุณชายใหญ่สกุลหลี่ใส่ชุดกระสอบไว้ทุกข์ ทำบุญอุทิศให้แก่เว่ยเสี่ยวซานที่วัดเจาหมิงเป็นเวลาสามวัน ส่วนฮูหยินหลี่ให้มาถึงหน้าประตูใหญ่สกุลอวี้ โขกศีรษะสามครั้งให้สกุลอวี้ของพวกเราด้วยตัวเอง”

อะไรนะ?

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด

หลี่ตวนใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมา ควบคุมความตกใจไว้ เอ่ยเสียงดัง “เจ้าว่าอะไรนะ?”

อวี้เหวินกลับคาดไว้นานแล้ว

ยามที่เขาเพิ่งได้ยินอวี้ถังพูดเช่นนี้ ก็มีปฏิกิริยาเดียวกับทุกคนเช่นกัน คิดว่าเป็นไปไม่ได้

แต่ท้ายที่สุด เรื่องราวยังคงให้เปรียบแก่ทางพวกเขาสกุลอวี้และสกุลเว่ย

เขากล่าวคำขอของสกุลอวี้และสกุลเว่ยซ้ำอีกครั้งอย่างใจเย็น “คุณชายใหญ่สกุลหลี่ใส่ชุดกระสอบไว้ทุกข์ ทำบุญอุทิศให้แก่เว่ยเสี่ยวซานที่วัดเจาหมิงเป็นเวลาสามวัน ด้านฮูหยินหลี่ให้มาถึงหน้าประตูใหญ่สกุลอวี้ โขกศีรษะสามครั้งให้สกุลอวี้ของพวกเราด้วยตัวเอง”

“เป็นไปไม่ได้!” หลี่ตวนกล่าวแทบไม่ต้องคิด แววตาเผยความโกรธเกรี้ยวอย่างปิดไม่มิด

พวกเขาคิดว่าสกุลหลี่อับจนหนทางแล้วจริงๆ หรืออย่างไร?

มิเช่นนั้นเหตุใดสกุลอวี้และสกุลเว่ยไม่ไปแจ้งทางการล่ะ!

เขาเพียงไม่อยากล่วงเกินสกุลเผยเท่านั้น

สกุลอวี้และสกุลเว่ยไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ คาดไม่ถึงว่าคิดจะให้มารดาเขาไปโขกหัวสามครั้งที่หน้าประตูใหญ่สกุลอวี้เพื่อแสดงความขอโทษ!

มารดาเขาเป็นใคร? ภรรยาของขุนนางขั้นสี่ ฮูหยืนของสกุลหลี่ ให้โขกหัวแก่สกุลอวี้ต่อหน้าคนทั้งหลินอัน ภายหลังก็ไม่ต้องเป็นคนแล้ว

เผยเยี่ยนก็ยากจะควบคุมความคิดแปลกๆ ในใจ

เรื่องที่นับว่าทำให้คนอัปยศเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าจะเป็นหญิงสาวในห้องหับที่คิดออกมาได้

คงจะเป็นความคิดของคุณหนูอวี้

ก็ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไร

ปฏิบัติธรรมสามวันยังพอว่า แต่ให้ฮูหยินหลี่ขอโทษเช่นนี้ เท่ากับโยนหน้าของสกุลหลี่ให้คนเหยียบที่พื้น คาดว่าสกุลหลี่ยอมจะไปแจ้งทางการ ดีกว่าต้องรับปากเรื่องนี้ แทนที่จะพยายามเรื่องรักษาหน้าตา ยังมิสู้ให้สกุลหลี่จ่ายเงินชดใช้อะไรเสียหน่อยจะยังดีเสียกว่า

เผยเยี่ยนหันไปทางอวี้ถัง

กลับเห็นอวี้ถังยังเผยท่าทีเช่นเคย ราวกับทั้งหมดล้วนอยู่ในความคาดการณ์ของนาง

เผยเยี่ยนอดลูบผีซิวในมือไม่ได้ ลวดลายผีซิวที่นูนเว้าถูกเขาถูไถจนมันเงาขึ้นมา ไม่ถึงกับคมออกมา เพียงถูจนวับวาวเท่านั้น

ช่วงเวลานี้ เขาสงสัยเป็นอย่างยิ่ง อวี้ถังนั้นคิดอย่างไร? ทั้งนางวางแผนจะทำอะไรต่อไป?

อวี้ถังไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง

นางก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เอ่ยกับหลี่ตวน “เป็นไปไม่ได้? เรื่องใดที่เป็นไปไม่ได้? เหตุใดคุณชายใหญ่สกุลหลี่จึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้?”

เมื่อครู่อวี้ถังดึงดูดความสนใจจากทุกคนแล้ว ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดย่อมหักโค่น อวี้เหวินไม่อยากให้อวี้ถังออกหน้าอีกแล้ว เขากระแอมเบาๆ บอกเป็นนัยให้อวี้ถังไม่ต้องพูด เขาออกหน้าเองก็เพียงพอแล้ว

อวี้ถังกลับคิดว่า เรื่องโต้เถียงเล็กน้อยราวกับซื้อผักผลไม้เช่นนี้ นางออกหน้าจะดีกว่าบิดาออกหน้า ทำให้ทุกคนเห็นว่าหลี่ตวนที่เป็นบัณฑิตสูงส่งผู้นี้คิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอย่างไร

นางยื่นแขนไปด้านหลัง โบกให้บิดา เอ่ยกับหลี่ตวนต่อ “ไม่ยินดีจะขอโทษพวกเราทั้งสองสกุล? หรือคิดว่าเงื่อนไขที่พวกเราเอ่ยออกมารุนแรงเกินไป? พวกเราสองสกุล สกุลหนึ่งเสียลูกชาย อีกสกุลสูญเสียความบริสุทธิ์ หรือนี่ไม่มีค่าพอให้สกุลหลี่ของพวกเจ้าชดใช้ให้กับพวกเรา?”

อวี้เหวินไม่อาจฉีกหน้าอวี้ถังต่อหน้าผู้คน แม้ว่าในใจจะร้อนรน ก็ทำได้เพียงมองอวี้ถังโต้เถียงกับหลี่ตวนเท่านั้น

น้ำเสียงใสกังวานราวกับก้อนหยกกระทบน้ำแข็งของอวี้ถังพาให้หลี่ตวนตื่นตัวในใจ ในที่สุดสติก็กลับคืนมา

เห็นได้ชัดว่าสกุลอวี้มีการเตรียมตัวมาก่อน หากเขาไม่สามารถเผชิญหน้าอย่างใจเย็น อาจจะทำให้ตัวเองตกลงไปในหลุมที่ใหญ่กว่านี้

“คุณหนูอวี้ ข้ามาด้วยใจจริง มาเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งมาเพื่อขอโทษสกุลพวกเจ้า” เขาเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไม่ได้มาเพื่อรับการเหยียดหยามจากเจ้า ให้มารดาข้าโขกหัวขอโทษสกุลอวี้ที่หน้าประตูใหญ่ต่อหน้าชาวบ้านชาวเมือง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องเหลือความเหมาะสมไว้บ้าง พวกเจ้าทำเกินไปหรือไม่!”

อวี้ถังยิ้มเย็น “พูดเช่นนี้ คุณชายใหญ่สกุลหลี่ก็คงคิดว่าสวมชุดกระสอบไว้ทุกข์ ทำบุญอุทิศให้คุณชายรองสกุลเว่ยที่วัดเจาหมิงเป็นเวลาสามวัน ไม่นับว่าเหยียดหยามเจ้าใช่หรือไม่?”

แน่นอนว่าหลี่ตวนไม่ยินดี

แต่เทียบกับเรื่องที่ให้มารดาเขาไปโขกศีรษะแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลนับว่าเขารับได้

ทั้งหากเขาขอโทษแก่สกุลเว่ยอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ คนอื่นก็จะคิดว่าเขาใจกว้างมีเมตตา ยอมฟังความคิดเห็นคนอื่น เกิดจากสกุลใหญ่จึงมีจิตใจที่สูงส่ง นอกจากไม่มีเสียงนินทาครหาเขา ยังจะมีผลดีต่อชื่อเสียงเขาอีกด้วย

หรือนี่จะเป็นเป้าหมายของสกุลอวี้และสกุลเว่ย

เสนอวิธีแก้ไขออกมาสองอย่าง เมื่อลองเทียบกันแล้ว ก็ให้เขาเลือกยอมรับวิธีที่ง่ายกว่าโดยไม่ทันตั้งตัว

สกุลอวี้และสกุลเว่ยเพียงอยากให้เขาสวมชุดกระสอบไว้ทุกข์ให้กับเว่ยเสี่ยวซานเท่านั้นรึ?

เพียงแต่ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของอวี้เหวินหรือว่าคุณหนูอวี้?

หลี่ตวนพินิจอวี้ถังอย่างละเอียด

ร่างไม่สูงไม่ต่ำ สวมชุดสีเข้มเนื้อหยาบ ไม่เก่ามาก ผมสีดำขลับเรียบลื่น ถูกรวบขึ้นไปด้านบน ม้วนเป็นมวย แต่งตัวครึ่งๆ กลางๆ ไม่ออกหญิงหรือชายเกินไป กระนั้นกลับปกปิดผิวที่ขาวดั่งหิมะไว้ไม่มิด ส่วนเว้าส่วนโค้ง สีหน้าเย็นชาก็ปิดความอ่อนโยนและพริ้มพรายไว้ไม่ได้เช่นกัน

เรื่องนี้คงไม่ใช่ความคิดของนางกระมัง!

หญิงสาวที่งดงามเช่นนางนี้ จะมีความคิดพิเรนทร์มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

คงจะเป็นบิดาของนางตั้งใจให้นางออกหน้า เพื่อให้ทุกคนสงสารพวกเขาเป็นแน่

หลี่ตวนค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา เอ่ยอย่างรู้แล้วรู้รอดไป “คุณหนูอวี้ บ่าวสกุลข้าไร้คุณธรรม ให้ข้าสวมชุดกระสอบไว้ทุกข์ให้เว่ยเสี่ยวซานย่อมได้ แต่มารดาในบ้านของข้า ให้นางไปโขกหัวให้พวกเจ้าที่หน้าประตูใหญ่ นี่ย่อมไม่ได้!”

เผยเยี่ยนหูตั้งขึ้นมา

เขาก็คิดว่าให้หลี่ตวนสวมชุดกระสอบไว้ทุกข์เป็นเป้าหมายของสกุลอวี้และสกุลเว่ยเช่นกัน

ยามนี้เห็นท่า สกุลอวี้จะบรรลุเป้าหมายแล้ว

แต่เขารู้สึกว่า สกุลอวี้ไม่อาจร้องขอเงื่อนไขนี้เพียงอย่างเดียว

ต่อไปก็รอดูว่าอวี้ถังจะเสนอเงื่อนไขแบบใดอีก ทั้งสกุลหลี่จะจัดการรับมืออย่างไร

——————————–

[1]เฉิงอิงช่วยเด็กกำพร้า เป็นเรื่องราวของหมอหลวงที่ช่วยทายาทเพียงคนเดียวขององค์หญิงเอาไว้ ให้รอดพ้นจากการสังหารล้างสกุลโดยถูอั้นกู่(ขุนนางใหญ่ในแคว้นจิ้น) ถึงกระทั่งยอมเสียสละชีวิตลูกตัวเองให้ศัตรูเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกองค์หญิง นำลูกขององค์หญิงมาเลี้ยงตบตาแทน ทุกคนต่างรังเกียจเขา คิดว่าเขาอยู่ฝ่ายกบฏ ภายหลัง ถูอั้นกู่นำลูกองค์หญิงเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมเพราะคิดว่าเป็นลูกของหมอหลวง เมื่อลูกขององค์หญิงเติบใหญ่ หมอหลวงก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เขาจึงสังหารถูอั้นกู่ ล้างแค้นให้กับวงศ์สกุล

[2]หลี่ว์ปู้สังหารพ่อบุญธรรม เป็นเรื่องราวที่หลี่ว์ปู้ทรยศติงหยวน สังหารพ่อบุตรธรรมตัวเอง แปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายต่งจั๋ว

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ห้วงเวลาบุปผาผลิบานเปลวเพลิงสูงเสียดฟ้า เสียงแตก ‘เปรี๊ยะๆ’ ดังต่อเนื่อง แสงฉาบบนฟากฟ้าที่แดงก่ำไปครึ่งหนึ่ง คลื่นร้อนระอุลูกแล้วลูกเล่าแข่งกันโหมตัวสูง คนที่วิ่งผ่านไปมาล้วนร้องตะโกนว่า “ไฟไหม้! ไฟไหม้!” สองขาของอวี้ถังอ่อนยวบ หากไม่ใช่ซวงเถาประคองนางไว้ เกรงว่านางคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว “คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่!” เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ซวงเถาตกใจจนพูดติดขัด “เหตุใดเป็นเช่นนี้? มิใช่ว่าผู้คุมของสกุลเผยกับคนของศาลาว่าการจะมาเดินลาดตระเวนตรวจตราร้านค้าของพวกเขายามดึกหรือ นายท่านสามบอกว่าหน้าร้อนปีนี้จะร้อนหนัก อากาศแห้งแล้ง น่ากลัวจะเกิดไฟไหม้ หลายวันก่อนยังสั่งเป็นพิเศษให้คนวางโอ่งน้ำใหญ่สามสิบแปดใบไว้สองฝั่งของถนนฉางซิ่ง ทุกวันก็ให้เถ้าแก่แต่ละร้านคอยเติมน้ำให้เต็มโอ่ง ถนนฉางซิ่งจะไฟไหม้ได้อย่างไร? แล้วร้านค้าของสกุลเราจะเป็นเช่นไรล่ะเจ้าคะ?” จริงด้วย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset