องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – ตอนที่ 8 เกิดเรื่องขึ้นกับฝ่าบาท

หนานซ่งพิงไปกับพนักเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา

“หน้ากากพอสวมเอาไว้นานแล้ว ยังไงสักวันหนึ่งก็ต้องถอดออก ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร ทำไมฉันจะต้องลดตัวลงไปฉีกหน้าผู้หญิงคนนั้นด้วย? ผู้หญิงคนนั้นคู่ควรกับการกระทำแบบนี้หรือไง?”

ไป๋ชีเลิกคิ้ว แล้วเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา “แต่เธอรักยวี่จิ้นเหวินมาตั้งนาน พอถึงเวลาเขาพาขยะกลับมาไว้ที่บ้าน เธอทนได้หรือไง?”

“เขายินดีที่จะเปิดโรงเก็บขยะแล้วฉันจะไปทำอะไรได้”

หนานซ่งดูไม่ได้แยแสเลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดเธอก็พูดออกมา “พี่ ฉันเหนื่อยแล้ว”

พับฝาโน้ตบุ๊กลง แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไปทางหน้าต่าง

เวลาพลบค่ำกำลังคืบคลานเข้ามา เมืองหนานในตอนกลางคืนมีร้านรวงเปิดอยู่มากมาย แสงไฟต่าง ๆ ถูกเปิดขึ้น เป็นเวลาที่ผู้คนออกมาแสวงหาความสนุกกัน แต่ที่เมืองเป่ย มีเพียงเธอที่อยู่ในบ้านอย่างเหงา ๆ เพียงคนเดียวมาสามปี

การอยู่บ้านเพียงคนเดียวไม่ได้เงียบอย่างที่คิด แต่ว่ารู้สึกเดียวดาย ทั้ง ๆ ที่คนที่รักอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม แต่เขากลับปฏิเสธไม่ให้เข้าใกล้ นั่นคงจะเป็นความทุกข์ที่จริงที่สุด

หน้าจอดับมืดไปแล้ว แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกร้านโลกของหนานซ่งยังคงให้ความรู้สึกรุนแรงแก่ไป๋ชี

เขาปิดโน้ตบุ๊ก แล้วเปิดแอพวีแชตบนโทรศัพท์ จากนั้นก็ส่งข้อความเข้าในกลุ่มแชต ‘พันธมิตรพี่ชายคอยปกป้องน้องสาว’: [น้องสาวโดนคนอื่นรังแก พวกพี่ชายจะเอายังไงดี?]

พี่รอง: [ใครกล้ามารังแกน้องสาวฉัน มันเบื่อการมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? ฉันจะไปจัดการมัน!]

พี่สาม: [ไม่ใช่ว่าหย่ากันไปแล้วหรือไง? นอกจากยวี่จิ้นเหวิน ในโลกใบนี้ยังมีใครสามารถแกล้งลูกแมวป่าได้อีกหรือไง? หรือว่า ลูกแมวป่าแกล้งทำตัวดีเหมือนแมวบ้านมาสามปีจนกลายเป็นแมวน้อยจริง ๆ ไปแล้ว?]

พี่สี่: [พี่สามว่าน้องหกแบบนี้ ระวังน้องมาข่วนหน้าเอานะ]

พี่สาม: [ฮ่า ๆ ๆ ๆ]

พี่ใหญ่: [ชื่อ]

ไป๋ลู่ยวี๋ยกยิ้มร้ายกาจ พี่ใหญ่เป็นคนพูดเอง ยังไงก็หนีไม่รอดแน่

เขารีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบคร่าว ๆ พร้อมทั้งส่งแผนการโดยละเอียดลงไปในกลุ่มด้วย เหล่าพี่ชายต่างผลัดกันออกความเห็น ถกเถียงกันอย่างออกรส จนท้ายที่สุดพี่ใหญ่ก็เป็นคนออกความเห็นเพื่อตัดสินใจ [ตามนี้]

“ฟู่~ จัดการเรียบร้อย” ไป๋ลู่ยวี๋ดีดนิ้ว จากนั้นก็รีบเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น ‘พันธมิตรกำจัดเมียน้อย’

อีกกลุ่มที่มีหนานซ่งอยู่ด้วย กลับเงียบสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

*

ทำงานมาทั้งวัน หนานส่งรู้สึกเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด อีกนิดเธอก็แทบจะหลับไปบนรถอยู่แล้ว

กลับถึงบ้าน ไฟในห้องรับแขกถูกเปิดเอาไว้จนสว่าง พ่อบ้านสั่งให้เหล่าแม่บ้านมาทำความสะอาดสวนกุหลาบจนสะอาด และในที่สุดมันก็กลับไปเป็นเหมือนอย่างเก่า หนานซ่งพอใจมาก “ทุก ๆ คน เหนื่อยแย่เลย เดี๋ยวกลับไปแล้วก็ไปรับอั่งเปากับคุณพ่อบ้านนะคะ”

“ขอบคุณคุณหนูใหญ่”

ปีนี้พ่อบ้านจ้าวอายุสี่สิบกว่าปีได้แล้ว เขาสวมชุดสูทตามสายงานของตน ที่ถูกแต่งอย่างพิถีพิถัน ดูเจนจัดในสายงาน เขาก้าวขึ้นมารายงาน “คุณหนูใหญ่ คุณหนูถังยังคงถูกขังอยู่ในห้องครับ”

“อืม” หนานซ่งตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เอาหมั่นโถวมาสองลูก ฉันจะขึ้นไปดูเธอหน่อย”

ทำงานมาทั้งวันยังต้องกลับบ้านมาสั่งสอนเด็กอีก หนานซ่งรู้สึกว่าการเป็นพี่สาวนี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ

ห้องรับแขกถูกล็อกจากด้านนอก คุณพ่อบ้านเดินไปเปิดล็อกแล้วก็เปิดประตูให้ ถาดในมือยังคงมีหมั่นโถวสองลูกวางอยู่ หนานซ่งรับถาดมา “พวกคุณลงไปก่อนเถอะค่ะ”

พ่อบ้านจ้าวเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่……”

“ไม่เป็นไร เธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”

หนานซ่งผลักประตูเข้าไป หนานหยานั่งอยู่บนพื้นแล้วฟุบหน้าลงกับเตียง ข้าง ๆ แก้มของเธอมีน้ำลายบูดไหลเปื้อนราวกับเธอกำลังฝันว่ากินน่องไก่อยู่ พอได้ยินเสียงขยับอยู่ใกล้ตัว ก็ตื่นขึ้นมาด้วยหน้าตามึนงง

“ตื่นแล้วเหรอ?”

หนานซ่งเดินเข้าไปใกล้ “หิวแล้วใช่ไหมล่ะ ลองชิมหมั่นโถวนี่ดู เพิ่งเอาออกมาจากซึ้งเลย”

หนานหยาเหลือบมองหมั่นโถวก้อนขาวที่ถูกวางเอาไว้บนที่ตรงตั้งหัวเตียงแล้วเธอก็เหมือนตื่นจากฝันในทันทีทันใด พอหันหน้ากลับไปมองทางหนานซ่งอีกครั้ง ดวงตาของเธอก็แผ่ความโกรธออกมาอย่างเต็มเปี่ยม จากนั้นก็กางมือพุ่งตัวไปทางหนานซ่งในทันที

“หนาน ซ่ง! ฉันจะฆ่าแก-!”

……

“ปึง!”

ในห้องทำงานของคฤหาสน์ใหญ่ นายท่านยวี่ตบโต๊ะอย่างแรง ทำเอาฝาปิดกาน้ำชาถึงกับพลิกด้าน เคล้ากับคำด่าที่เต็มไปด้วยความโกรธในน้ำเสียง “ดูเรื่องงามหน้าที่แกทำสิ!”

ยวี่จิ้นเหวินยืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะ สีหน้ายังคงราบเรียบ “ผมจะแก้ไขเรื่องนี้ครับ”

“แก้ไข? แกคิดว่าจะแก้ไขยังไง?”

ใบหน้าของนายท่านยวี่เต็มไปด้วยความโมโห “อย่าลืมสถานะของแกนะ แกเป็นประธานของยวี่กรุป! วันที่ช่วยให้แกได้ขึ้นตำแหน่งประธานฉันเคยบอกแก่ไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรห้ามใช้อารมณ์แก้ไขปัญหาเด็ดขาด แต่แกน่ะ ทำให้ฉันผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

เขาพักหายใจแป๊บหนึ่ง “สามปีก่อนแกรั้นอยากจะเอานางพยาบาลที่คอยดูแลแกมาเป็นเมียให้ได้ ฉันกลัวว่าถ้าห้ามแกไปอาจจะมีผลที่ไม่ดีตามมา เลยไม่ได้ห้าม เห็นว่าอาการป่วยของแกดีขึ้นเรื่อย ๆ พฤติกรรมก็ดูดีขึ้น หนูซ่งก็เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ฉันก็เลยยอมรับเธอ แต่ว่าอยู่ ๆ แกก็หย่ากับเธอแถมไม่บอกอะไรฉันเลย แถมยังจะไปแต่งงานกับลูกสาวตระกูลโจ๋อีก! ฉันว่าแกน่ะสมองกระทบกระเทือนไปแล้ว! ตกลงแล้วทำไมแกต้องหย่ากับหนูซ่งด้วย? ทำไม!”

“ไม่ทำไมครับ” ยวี่จิ้นเหวินตอบนิ่งๆ “ผมชอบ ง่าย ๆ แค่นี้”

นายท่านยวี่โกรธยิ่งกว่าเดิม “ตอนนี้มาพูดว่าไม่ชอบ ทีตอนนั้นแกลากร่างกายที่อัมพาตครึ่งหนึ่งของแกมาขอฉัน บอกว่าจะแต่งกับเธอให้ได้ ตอนนั้นแกคิดอะไรอยู่?”

“ถึงแม้ว่าหนูซ่งจะเกิดในชนบท แต่ว่าเธอก็ว่าง่ายแล้วก็รู้หน้าที่ของตัวเองดี อยู่กับแกเธอก็วางตัวดี รับใช้แกไม่เคยบ่น ดูแลแกมาตั้งสามปี แล้วแกก็ทิ้งเขาไปทั้งแบบนี้นะเหรอ?”

นายท่านยวี่ยังไม่หายโกรธ ท่านเป่าลมออกจากปากแล้วก็เขม็งตา จากนั้นก็หยิบที่ทับกระดาษที่วางอยู่ใกล้ ๆ ขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงไปทางยวี่จิ้นเหวิน “แกคืนหลานสะใภ้ที่น่ารักของฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

ยวี่จิ้นเหวินไม่หลบ ปล่อยให้ที่ทับกระดาษกระแทกลงบนไหล่ของตัวเอง ความเจ็บค่อย ๆ แล่นมารวมกัน

ในขณะเดียวกัน หลานสะใภ้ที่รักที่นายท่านยวี่พูดถึง กำลังเตรียมจะยัดหมั่นโถวสีขาวลูกโตเข้าไปในปากของหนานหยา

หนานซ่งมองหนานหยาที่กำลังโดนหมั่นโถวยัดจนเต็มปาก จากนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ “พอกลับมาก็หาเรื่องทะเลาะกับฉัน ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้หิวเท่าไหร่นะ เสียดายที่ฉันให้หมั่นโถวแกไปตั้งสองลูก”

หนานหยาพ่นหมั่นโถวที่อยู่ในปากออกมา แล้วก็ปามันลงบนพื้น “ถุย! ใครจะไปกินหมั่นโถวเน่า ๆ ของแก!”

หนานซ่งมองหมั่นโถวที่กลิ้งหลุน ๆ อยู่บนพื้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “น้องสาว ทิ้งขว้างอาหารนี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่เหมาะสมเลยนะ แกไม่รู้หรือไงว่าบนโลกใบนี้ยังมีคนอีกมากมายแค่ไหนที่ไม่มีข้าวกิน?”

เธอค่อย ๆ นั่งลงบนโซฟา จัดการรอยยับย่นที่เกิดขึ้นบนกางเกง แล้วมองหนานหยาด้วยแววตาข่มขู่

“เลือกเอาระหว่างหยิบหมั่นโถวลูกนั้นขึ้นมากินดี ๆ หรือไม่ก็ทนหิวต่อไป รู้ตัวว่าผิดเมื่อไหร่ ตอนนั้นค่อยกินข้าว”

หนานหยาฟังคำพูดของเธอ ก็ทำเสียงเหอะออกมาเบา ๆ “แม่แกสิ แกเป็นบ้าหรือไง แกคิดว่าตัวเองเป็นใครห้ะ?”

เธอเพิ่งพูดจบ หน้าของเธอก็โดนหนานซ่งตบเข้า

หนานหยากุมใบหน้าของตัวเองไว้ มองหนานซ่งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “แกกล้าตบฉันเหรอ?”

“พูดคำหยาบ เลยตบไปเบา ๆ”

หนานซ่งตอบออกมานิ่ง ๆ : “แม่ของฉัน เป็นป้าของแก แกพูดถึงท่านทั้งที ฉันก็เลยทักทายแกแทนแม่หน่อย”

หนานหยานั่งอยู่บนพื้น แล้วมองหนานซ่งด้วยสายตาแค้นเคือง แววตานั้นแทบจะฆ่าเธอให้ตายอยู่แล้ว

“ดีมาก ดูเหมือนว่าแกจะเลือกคำตอบได้แล้วสินะ”

หนานซ่งเหลือบมองเธอด้วยท่าทีเย็นชา “ถ้าไม่อยากกิน อย่างนั้นก็หิวต่อไปเถอะ”

เธอหมุนตัวกำลังจะออกจากห้อง หนานหยาเกิดไม่ยอมแพ้ หยิบแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงขึ้นมา จากนั้นก็เล็งไปบนท้ายทอยของหนานซ่งแล้วปาออกไป-

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ
Status: Ongoing
อ่านนิยายองค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ ในช่วงเหมันตฤดูหิมะโปรยปราย ลมหนาวเหน็บเข้ากระดูก ณ เมืองต้าเหลียง ภายในจวนของท่านอ๋องยุ่งวุ่นวายกันไม่ได้พักเลย เพราะงานอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ของท่านอ๋องเย่นั้น พระชายาเย่ของท่านอ๋องเย่ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน จนถึงวันนี้ยังไม่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา "ท่านอ๋อง พระชายาสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ "หมอหลวงภายในจวนพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จึงได้กราบทูลต่อท่านอ๋องเย่หรือหนานกงเย่ ตรงบริเวณลูกกรงหน้าต่าง หนานกงเย่มีสีหน้าเย็นชา สวมใส่ชุดจีนโบราณสีแดงสด ศีรษะสวมใส่มงกุฎทองคำ และยืนเอามือไขว้หลังอยู่เป็นเวลานาน เมื่อได้ยินคำกราบทูลนั้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่คละเคล้าไปด้วยความสิ้นหวังว่า "ในเมื่อยังไม่ทันได้เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันก็เป็นเยี่ยงนี้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งกลับไปเสียเถิด ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีวาสนาที่จะได้มีความสุขแล้วล่ะ!" ฉีเฟยอวิ๋นถูกชายหนุ่มที่มีน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะทำให้ตื่น เลยพลิกตัวแล้วเปล่งเสียงออกมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset