องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – ตอนที่ 31 ได้รับการคุ้มกันโดยแม่ทัพฉี

แววตาฉินซู่ฉินฉายแววสำใจก่อนจะเอ่ยว่า “ตัดความสัมพันธ์กับซูเซว่ แค่เธอไม่ใช่คนของบ้านตระกูลซู บ้านตระกูลหลี่ก็มาหาเรื่องไม่ได้”

ทันทีที่ซูเซว่ได้ยินก็ดีใจก่อนพูดขึ้น “ใช่แล้วค่ะพ่อ หนูว่าเป็นความคิดที่ดีนะคะ พ่ออย่าได้ลังเลเลย ไม่งั้นรุ่งสางบ้านตระกูลหลี่ได้มาแน่ ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วนะคะ”

ซูเต๋ออานขมวดคิ้ว “แต่ยังไงซูชิงก็เป็นลูกผมนะ”

ถึงจะไม่ชอบลูกสาวคนโตคนนี้เท่าไหร่ ซูเต๋ออันก็ไม่เคยคิดตัดพ่อตัดลูก

“พ่อคะ ตระกูลซูจบแล้วค่ะ ไม่มีตระกูลซูในเมืองหลวงนี้อีกแล้ว” ซูเซว่พูดอย่างไม่พอใจ “พ่อทำงานหนักมาตั้งนานแต่จะมาเสียทุกอย่างนะคะ ตัดความสัมพันธ์กับซูชิงก็จัดการปัญหาทางบ้านตระกูลหลี่ได้แล้ว ทางฝั่งลุงโจว เดี๋ยวหนูจะให้เทียนอี้นัดลุงโจวดื่มชา เห็นแก่หน้าบ้านตระกูลฉู่ เรื่องวันนี้ก็คงจบไปได้”

ประโยคหลังของซูเซว่ไปกระตุกใจซูเต๋ออานเข้า

ซูเต๋ออานเริ่มโอนอ่อน เขาเองก็ไม่อยากให้บริษัทที่ตัวเองทำงานหนักมาครึ่งค่อนชีวิตต้องมาพังลงแบบนี้

ฉินซู่ฉินพูดเร่งอีกครั้ง “คุณซู จะสว่างแล้วนะ หากคุณยังไม่ตัดสินใจก็จะสายไปแล้วนะคะ”

ซูเต๋ออานลังเลก่อนจะพูดขึ้น “ผมจะหาทนายมาตัดสัมพันธ์กับซูชิงก่อนรุ่งสาง คุณอยู่บ้านเงียบๆไป ผมจะออกไปข้างเดี๋ยวเดียว”

ซูชิงไปทำให้ตระกูลลู่ขุ่นเคือง ตอนนี้ก็เป็นตระกูลหลี่ ไม่ช้าก็เร็วตระกูลซูต้องโดนซูชิงทำลายแน่

ซูเต๋ออานนึกถึงที่ลู่หรงเยียนเตือนไว้ครั้งก่อนว่าเรื่องงานแต่งของซูชิง เขาไม่มีสิทธิ์ไปบงการ อาจเพราะไปทำให้บ้านตระกูลลู่เคือง ลู่หรงเยียนถึงได้พูดอย่างนั้น ไม่แน่อาจจะมาคิดบัญชีซูชิงก็ได้

ทันทีที่เขานึกได้ ซูเต๋ออานก็รีบตัดสัมพันธ์กับซูชิงอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายถึงตัวเอง

ทันทีที่ซูเต๋ออานจากไป ฉินซู่ฉินก็จับมือซูเซว่ก่อนจะร้องไห้ออกมา “เสี่ยวเซว่ ถ้าลูกมาช้าอีกหน่อย แม่ได้ตายแน่”

“แม่คะ” ซูเซว่พูดอย่างโล่งใจ “ทำไมแม่ถึงประมาทจนโดนซูชิงเล่นงานได้ล่ะ”

“ที่ยัยเด็กนั่นก่อเรื่องไว้ แม่ไม่ปล่อยไปเฉยๆแน่” แววตาฉินซู่ฉินเต็มไปด้วยความแค้น พูดเสียงดังจนกระทบแผลก่อนจะสูดหายใจด้วยความเจ็บปวด ความเกลียดชังก็หยั่งรากลึกลงเรื่อยๆ

ฉินซู่ฉินรีบนั่งลงบนโซฟา “เสี่ยวเซว่ ดีที่ลูกมีไหวพริบ แม่ดีใจมากที่ลูกโตขึ้น”

ฉินซู่ฉินรู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของซูเซว่ พูดไม่กี่คำก็ทำให้ซูเต๋ออานบอกว่าจะตัดความสัมพันธ์กับซูชิง

แววตาซูเซว่มีแต่ความเกลียด “ฉู่เทียนอี้ยังเหลือเยื่อใยให้กับซูชิง หนูไม่ปล่อยให้ซูชิงได้ตายดีแน่”

วันถัดไป

ซูชิงตื่นขึ้น สัมผัสด้านข้างก็พบกับความว่างเปล่า

ลู่หรงเยียนไม่อยู่บนเตียง

ความเคยชินเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ

อยู่ด้วยกันได้แค่ครึ่งเดือนก็ชินกับการที่ตื่นมาเจอเขาแล้ว พอเขาไม่อยู่ก็รู้สึกใจหาย

ซูชิงบิดขี้เกียจ ได้กลิ่นหอมลอยมาจากห้องครัวก็รู้สึกหิว

ซูชิงสวมรองเท้าแตะก่อนเดินไปที่ห้องครัว ลู่หรงเยียนก็เตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว

ไข่ดาวกับแฮมและแซนวิชกับนม

“ตื่นแล้วเหรอ ไปล้างมือสิ ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” ลู่หรงเยียนยิ้มก่อนยกอาหารเช้าขึ้นโต๊ะ

หากบ้านตระกูลลู่รู้ว่าผู้กุมอำนาจตระกูลลู่มาทำอาหารเช้าให้แฟนในห้องที่มีพื้นที่น้อยกว่า 30 ตารางเมตรเกรงว่าคงจะตกใจกันจนกรามค้าง

เห็นอาหารเช้าร้อนๆ ซูชิงก็รู้สึกสุขใจ

“ขอบคุณนะที่รัก” ซูชิงเขย่งเท้าจูบแก้มลู่หรงเยียน

ตอนนี้เธอคุ้นเคยที่จะแสดงความรักกับลู่หรงเยียนแล้ว

ใบหน้าลู่หยวนชิงฉายแววชมเชย “ใกล้จะไปทำงานสายแล้วนะ”

“จริงด้วย” ซูชิงมองเวลาและรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้น “ห้ามแอบดูนะ”

ลู่หรงเยียนอดขำไม่ได้ จะมีส่วนไหนของซูชิงที่เขายังไม่เคยเห็นล่ะ?

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ซูชิงก็มานั่งทานอาหารเช้า จู่ๆลู่หรงเยียนก็พูกขึ้น “ชิงชิง เราเปลี่ยนห้องให้ใหญ่ขึ้นอีกนิดดีไหม”

บ้านอบอุ่นก็จริงแต่มันเล็กเกินไป เขาไม่อยากให้ซูชิงอยู่ห้องที่เล็กขนาดนี้

เมื่อพูดถึงเปลี่ยนห้อง ซูชิงก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย “ตอนนี้ราคาในเมืองหลวงแพงมาก ค่าเช่าก็สูงเกิน เรายังต้องเก็บเงินซื้อบ้านอีก ถ้าเปลี่ยนห้องคงจะไม่คุ้มหรอก”

ซูชิงเก่งเรื่องการวางแผนชีวิตจริง

แทบจะใช้เงินอย่างตระหนี่

อาการของซูเจี๋ยก็ทำให้ซูชิงกังวล เธออยากหาเงินให้ได้เยอะกว่านี้ ซูเจี๋ยจะได้ไม่ต้องไปพึ่งบ้านตระกูลซู

“ฉันมีเงิน…” ลู่หรงเยียนยังไม่ทันพูดจบก็โดนซูชิงขัด

“มีเงินก็สุรุ่ยสุร่ายไม่ได้นะ คุณขับรถเหนื่อยตั้งขนาดไหน” ซูชิงกล่าวว่า “จริงสิ รถที่คุณเอาไปซ่อม เมื่อคืนก็พูดไว้แล้ว ช่วงนี้คุณอยู่บ้านไปก่อนนะ ไม่ต้องไปไหน พักผ่อนเยอะๆ เข้าใจหรือเปล่า”

นี่แฟนกำลังห่วงว่าเขาจะลำบาก?

ลู่หรงเยียนยิ้ม “โอเค แล้วแต่คุณเลย จริงสิ วันนี้เงินเดือนจะออก คุณอย่าลืมเช็คล่ะ”

บัตรธนาคารที่ลู่หรงเยียนได้ให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

“โอเค” ซูชิงรีบทาน “ที่รัก ฉันต้องไปทำงานแล้ว เป็นเด็กดีรอฉันกลับมานะ”

“โอเค”

ลู่หรงเยี่ยนคอยโอนอ่อนตามซูชิงอยู่เสมอ

ทันทีที่ซูชิงออกไปก็ได้รับสายจากอันรั่ว “ซูชิง เธอเห็นข่าวหรือยัง พ่อเธอตัดความสัมพันธ์กับเธอแล้ว”

เมื่อคืนอันรั่วกลับไปก่อนเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรหลังจากนั้น ถึงได้มารู้เอาตอนนี้

ซูชิงเปิดอินเทอร์เน็ตดู เป็นซูเต๋ออานที่ให้ทนายความประกาศว่าซูเต๋ออานได้ตัดความสัมพันธ์กับเธอ

เธอไม่ใช่ลูกสาวบ้านตระกูลซูอีกต่อไป

ดูท่าซูเต๋ออานจะกลัวมามีส่วนเอี่ยวกับเธอ เลยได้ตัดความสัมพันธ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตและไม่ได้โพสต์ภาพด้วย

เธอซึ่งเป็นผู้หญิงคนโตของบ้านตระกูลซู ไม่เคยมีโอกาสได้แสดงเป็นลูกสาวของซูเต๋ออานเลยแม้แต่น้อย

มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าคุณหนูคนโตของบ้านตระกูลเป็นใคร แต่ตอนนี้กลับรู้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลซูถูกไล่ออกแล้ว

ยังไงก็เป็นพ่อลูกกัน จู่ๆมาโดนทิ้งกระทันหัน หากซูชิงจะไม่รู้สึกเสียใจเลยก็คงเป็นไปไม่ได้

ซูชิงเข้าใจดีว่าซูเต๋ออานกลัวไปทำให้บ้านตระกูลหลี่เคืองถึงได้ตัดขาดกัน

พ่อคนอื่นคงจะปกป้องลูกสาวเมื่อถูกรังแก แต่พ่อเธอนั้นกลับไร้ความรู้สึกและไล่เธอออกไปแทน

เรื่องที่ซูเต๋ออานตัดขาดกัยซูชิงทำให้เกิดความปั่นป่วนทางอินเทอร์เน็ตไม่น้อย

ลู่หรงเยียนเองก็เห็นข่าวเช่นกัน

ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เย็นชาและเกิดเป็นห่วงซูชิงขึ้นมา

ลู่หรงเยียนใช้ประโยชน์จากการที่ซูชิงไม่อยู่กลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลลู่

สวมหน้ากากแผลเป็นและใช้ไม้เท้าทำทีว่าป่วย

บ้านใหญ่ตระกูลลู่แห่งนี้เต็มไปด้วยพวกเหลือบไร อยากจะซ่อนความทะเยอทะยานก็จะพลาดไม่ได้

ว่านหยางมาถึงก่อนแล้ว “พี่ใหญ่เห็นข่าวทางอินเทอร์เน็ตหรือยังครับ บอกตามตรงเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นพ่อขี้ขลาดแบบนี้ ไม่รู้เลยหากซูเต๋ออานรู้เข้าว่าลูกพี่ชอบลูกตัวเองแล้วจะเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้ไปไหม”

“ไม่สำคัญหรอก เขาทิ้งซูชิงแล้ว ต่อจากนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับซูชิงอีก” ลู่หรงเยียนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ยังไงก็ลดปัญหาไปได้หน่อย”

ว่านหยางเห็นด้วย “ก็จริงนะครับ พ่อที่เห็นแก่ตัวแบบนี้จะเอามาทำอะไรได้”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความดีใจ “ลูกจ๋า แม่ได้ยินลุงของลูกพูดว่าลูกมีแฟนแล้ว เมื่อไหร่จะพามาเจอแม่ล่ะ”

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ
Status: Ongoing
อ่านนิยายองค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ ในช่วงเหมันตฤดูหิมะโปรยปราย ลมหนาวเหน็บเข้ากระดูก ณ เมืองต้าเหลียง ภายในจวนของท่านอ๋องยุ่งวุ่นวายกันไม่ได้พักเลย เพราะงานอภิเษกสมรสครั้งใหญ่ของท่านอ๋องเย่นั้น พระชายาเย่ของท่านอ๋องเย่ได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน จนถึงวันนี้ยังไม่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา "ท่านอ๋อง พระชายาสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ "หมอหลวงภายในจวนพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าแล้ว จึงได้กราบทูลต่อท่านอ๋องเย่หรือหนานกงเย่ ตรงบริเวณลูกกรงหน้าต่าง หนานกงเย่มีสีหน้าเย็นชา สวมใส่ชุดจีนโบราณสีแดงสด ศีรษะสวมใส่มงกุฎทองคำ และยืนเอามือไขว้หลังอยู่เป็นเวลานาน เมื่อได้ยินคำกราบทูลนั้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่คละเคล้าไปด้วยความสิ้นหวังว่า "ในเมื่อยังไม่ทันได้เริ่มใช้ชีวิตร่วมกันก็เป็นเยี่ยงนี้แล้ว เช่นนั้นก็ส่งกลับไปเสียเถิด ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีวาสนาที่จะได้มีความสุขแล้วล่ะ!" ฉีเฟยอวิ๋นถูกชายหนุ่มที่มีน้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะทำให้ตื่น เลยพลิกตัวแล้วเปล่งเสียงออกมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset