ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ – ตอนที่ 168 ตัวตลก

      “ฉันแค่จะถามเธอว่า เธอรู้จักกับเจียงรุ่ยเฉินใช่ไหม”

 

 

           หันฮุ่ยซินเดาเรื่องทั้งหมดได้ในทันทีเมื่อเธอได้ยินชื่อของเจียงรุ่ยเฉิน เมื่อครู่นี้เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอกับเหวินมั่นมั่นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วทำไมจู่ๆ เหวินมั่นมั่นถึงมาหาเธอได้

 

 

‘สาเหตุมันอยู่ตรงนี้นี่เอง!’ หันฮุ่ยซินเข้าใจความคิดของเหวินมั่นมั่นได้อย่างรวดเร็ว “คุณเหวินคะ ฉันรู้จักกับผู้จัดการเจียงก็จริง แต่มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

 

 

แม้ว่าหันฮุ่ยซินพอจะคาดเดาได้ แต่เธอก็ไม่อยากปล่อยให้เหวินมั่นมั่นหยิ่งยโสหรือจองหองพองขนมากจนเกินไป ผู้หญิงคนนี้ถือสิทธิ์อะไรมาเค้นคอเธอถึงที่นี่ เหวินมั่นมั่นเป็นอะไรกับเจียงรุ่ยเฉิน? เธอมีสิทธิ์อะไร?

 

 

เหวินมั่นมั่นดูออกว่าหันฮุ่ยซินมีท่าทีเหยียดหยามเธออยู่ในใจ เธอรู้สึกหงุดหงิดไปชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะกำจัดสายตาดูถูกของหันฮุ่ยซินได้อย่างไร

 

 

เหวินมั่นมั่นจึงได้แต่กางหนามรอบตัว “หันฮุ่ยซิน เธอนี่เหลือเกินจริงๆ จนฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี เธอจับลั่วเซ่าเชินไม่ได้ เธอก็เลยเปลี่ยนมาให้ท่ารุ่ยเฉินของฉันใช่ไหม เธอนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”

 

 

หันฮุ่ยซินขึ้งโกรธจนเจ็บถึงในทรวงอก เธอนึกไม่ถึงเลยว่าเหวินมั่นมั่นจะไร้การอบรมมากขนาดนี้ จนถึงขั้นต่อว่าเธอว่าเธอให้ท่าเจียงรุ่ยเฉินอย่างนั้นหรือ เรื่องปลอมๆ แบบนี้ก็ช่างกล้าเอามาอ้างเสียจริง! หากเพื่อนร่วมงานของเธอได้ยินว่าเธอเป็นคนแบบนั้น พวกเขาจะคิดอย่างไรกับเธอกันเล่า?

 

 

“คุณเหวินคะ คุณอย่ามากล่าวหากันอย่างนี้ ฉันกับผู้จัดการเจียงเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ว่าแต่คุณเป็นอะไรกับผู้จัดการเจียงหรือคะ คุณถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องของเรา” หันฮุ่ยซินคิดว่าหัวสมองของเหวินมั่นมั่นน่าจะขึ้นสนิม เธอวิ่งโร่มาพูดเรื่องไร้สาระถึงที่นี่อย่างไร้เหตุผล เธอคิดว่าจะมากล่าวหากันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?

 

 

เหวินมั่นมั่นสะดุดไปเพราะคำพูดของหันฮุ่ยซิน แล้วเธอก็คิดอยู่นาน ก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันจะเป็นอะไรกับรุ่ยเฉินมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เธออย่าเข้าใกล้รุ่ยเฉินอีกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันจะเล่นงานเธอแน่!”

 

 

“คุณเหวินคะ ฉันว่ามันน่าขำนะที่คุณพูดแบบนี้ ฉันมีสิทธิ์ที่จะเป็นเพื่อนกับเขา เอาไว้คุณเหวินได้เป็นภรรยาของผู้จัดการเจียงเมื่อไร คุณเหวินค่อยมาพูดกับฉันใหม่ก็แล้วกันนะคะ ถึงตอนนั้นฉันจะเก็บไปพิจารณาอีกที แต่ถึงคุณจะเป็นสามีภรรยากัน คุณก็ไม่สามารถแทรกแซงสิทธิ์ในความเป็นเพื่อนของฉันกับผู้จัดการเจียงได้ จริงไหมคะ”

 

 

หันฮุ่ยซินไม่สนใจพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจแบบไร้เหตุผลของเหวินมั่นมั่นแม้แต่น้อย เธอเป็นใครหรือถึงได้มายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่นแบบนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจียงรุ่ยเฉินจะยอมรับเหวินมั่นมั่นหรือไม่เลย เอาแค่เรื่องที่เหวินมั่นมั่นมาหาเรื่องเธอตรงนี้ก่อน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเหวินมั่นมั่นไม่ค่อยมีสติ

 

 

เมื่อเหวินมั่นมั่นเห็นว่าหันฮุ่ยซินพูดดักคอเธอ เธอก็ได้แต่ชี้นิ้วใส่หันฮุ่ยซินอยู่นานก่อนจะพูดว่า “ดี! ดีมากเลย หันฮุ่ยซิน เธอใช้ได้เลยนี่ เธอรอฉันได้เลย!” น้ำเสียงดุดันของเหวินมั่นมั่นไม่ได้ทำให้หันฮุ่ยซินตกใจสักนิด

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอข่าวดีของคุณนะคะ คุณเหวิน เดินทางปลอดภัยค่ะ ไม่ส่งล่ะ!” เหวินมั่นมั่นเดินออกไปด้วยความโกรธและปิดประตูดัง ปัง!

 

 

เมื่อเหวินมั่นมั่นเดินออกมาจากสตูดิโอสอนเต้นของหันฮุ่ยซิน เธอถึงได้ใจเย็นลง แล้วเธอก็พบว่าเมื่อครู่นี้เธอเผลอเล่นไปตามเกมของหันฮุ่ยซิน จู่ๆ เธอก็รู้สึกโกรธไปชั่วขณะ แต่ถ้าจะให้กลับเข้าไปทะเลาะกับหันฮุ่ยซินอีกในตอนนี้ มันก็คงจะไม่ดีนัก

 

 

หันฮุ่ยซินเล่าเรื่องที่เหวินมั่นมั่นมาหาเธอให้เจียงรุ่ยเฉินฟัง และสิ่งที่เจียงรุ่ยเฉินทำก็คือไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอ หันฮุ่ยซินพานคิดไปถึงว่าหากลั่วเซ่าเชินรู้เรื่องนี้คงจะรู้สึกร้อนใจแทนเธอบ้าง แต่อีกใจก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมอาเชินถึงไม่ยอมแบ่งความรักมาให้เธอบ้างเลย?

 

 

 

 

ช่วงนี้หลินเหยาต้องปวดหัวกับการถูกรบกวนจากหลิวเหยียน เธอนึกว่าหลังจากที่หลิวเหยียนหมั้นกับสวีเฉินซีไปแล้ว เขาจะไม่กลับมาวุ่นวายกับเธออีก โชคไม่ดีที่เธอประเมินความหน้าด้านของหลิวเหยียนต่ำไป ไม่รู้เหมือนกันว่าหลายปีที่ผ่านนี้เขาไปสั่งสมความคิดพวกนี้มาจากที่ไหน

 

 

และทุกครั้งที่หลิวเหยียนมาหาเธอ หลังจากนั้นสวีเฉินซีก็จะตามมาเตือนหลินเหยาว่า ‘อย่าแม้แต่จะคิดฝัน’ หลินเหยารู้สึกอึดอัดจนพูดไม่ออกทุกครั้ง แต่เธอก็ไม่ต้องการให้สวีเฉินซีมาดูถูกเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจึงทำได้เพียงแสดงสีหน้าเย็นชา

 

 

หลินเหยาถูกรังควานอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งต้องต่อว่าไปบ้าง แล้วพวกเขาก็หายไปเลย แต่เธอก็พบว่าจริงๆ แล้วที่เคยพูดไปทั้งหมดมันไม่ได้ผลสักนิด เพราะยังคงมีทั้งข้อความ โทรศัพท์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการที่หลิวเหยียนจะสามารถหาทางจนได้ คนคนเดียวที่ทิ้งระเบิดใส่หลินเหยานี้ ทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกต่อไป แม้จะคุยกับหลิวเหยียนจนเข้าใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เหมือนว่าเขาจะไม่รับรู้อะไรเลย

 

 

บางครั้งหลินเหยาก็ลากถังโจวโจวออกมาฟังเธอระบาย แต่ก็ไม่สามารถลากถังโจวโจวออกมาได้ทุกครั้ง

 

 

หลินเหยาได้เห็นสายตาเย็นชาของลั่วเซ่าเชินบ่อยครั้งเข้า เธอก็คิดได้ว่าหากเธอจะชวนถังโจวโจวออกมาบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะควรมากนัก มีหลายครั้งที่หลินเหยารู้สึกว่าเธอคงจะตายเพราะสายตาเย็นชาของลั่วเซ่าเชินได้เลย

 

 

หลินเหยานั่งดื่มเหล้าอยู่ในร้านเพียงลำพัง หลังจากได้รับบทเรียนในครั้งที่แล้ว หลินเหยาก็ไม่กล้ากลับไปที่บาร์อันแสนวุ่นวายนั่นอีก เธอจึงต้องหาผับที่มีชื่อเสียงและน่าไว้ใจสักหน่อยในเมือง S เพื่อนั่งปลดปล่อยอารมณ์อยู่ที่นั่น บางครั้งแค่ได้ดื่มสักแก้วสองแก้ว เธอก็สามารถผ่อนคลายความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวันได้แล้ว

 

 

หลังจากที่ได้มาสักหนสองหน หลินเหยาก็รู้สึกดีเอามากๆ เธอไม่ต้องลากถังโจวโจวออกมาระบายความอึดอัดอีกแล้ว แค่ได้นั่งอยู่เงียบๆ คนเดียว สั่งเหล้ามาดื่มสักแก้วสองแก้ว แค่นี้เธอก็สามารถฆ่าเวลาได้ทั้งคืนแล้ว

 

 

แต่น่าเสียดาย อุบัติเหตุเล็กๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ วันนี้หลินเหยามาที่ร้านเดิมตามปกติ ช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้เธอมาที่นี่ตลอดและจะอยู่จนถึงตีหนึ่งในทุกๆ วัน ไม่มีใครรอเธออยู่บ้าน หลินเหยารู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายได้เป็นอย่างมาก

 

 

โชคไม่ดีที่วันนี้มีคนไม่ดูตาม้าตาเรือ เมื่อหลินเหยาเดินเข้ามาในร้าน คนผู้หนึ่งก็ถือแก้วเหล้าปรี่เข้ามาใกล้เธอ ถ้าในเวลาปกติ หลินเหยาคงมีกะจิตกะใจเล่นหูเล่นตากับเขาอยู่บ้าง แต่น่าเสียดายที่วันนี้เธอถูกหลิวเหยียนทำลายอารมณ์ดีๆ มา

 

 

“คุณครับ ให้เกียรติผมเลี้ยงเหล้าคุณสักแก้วได้ไหม” แม้ว่าจะเป็นผับที่ดูปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ไม่รู้กาละเทศะหลุดเข้ามาบ้าง มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเสียทีเดียว เพียงแต่ถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่มีความคิดตื้นเขิน หรือไม่ก็เป็นคนที่มีนิสัยกักขฬะ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็คงจะน่าสมเพชน่าดู

 

 

“ไสหัวไป!” หลินเหยาไล่เขาด้วยเสียงอันดัง

 

 

ชายคนนี้ก็ไม่อดทนอีกต่อไป เธอกล้าพูดไล่เขาขนาดนี้ ทำให้เขาต้องเสียหน้าอย่างมาก “เล่นตัวนักนะ! ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าเธอ แต่เธอกลับไม่ไว้หน้าฉัน!”

 

 

หลินเหยาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเขาเลยสักนิด ถ้าเราถูกหมากัด จำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องกัดมันกลับน่ะ? สำหรับพวกที่ไร้มารยาท การเพิกเฉยคือการตอบโต้ที่สมควรที่สุด!

 

 

เมื่อเห็นว่าหลินเหยาไม่ได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็นึกว่าเธอกลัว เขาจึงเริ่มพูดดีๆ กับเธออีกครั้ง “ในเมื่อเธอรู้ตัวเร็วแบบนี้ ฉันก็จะลองให้อภัยเธอดูสักครั้ง ขอแค่เธอดื่มเหล้ากับฉัน ฉันก็จะไม่หาเรื่องเธออีก”

 

 

ชายคนนั้นทำเหมือนเป็นคนใจกว้าง แต่สายตาของเขากลับละลาบละล้วงเธอ ใช่ว่าหลินเหยาจะไม่เห็นสายตาหยาบคายนั้นที่เอาแต่จับจ้องมาที่หน้าอกของเธอ เธอแค่ไม่พูดมันออกมาเท่านั้น อย่างไรมันก็แค่ก้อนเนื้อสองก้อน ปล่อยเขามองไปเถอะ ก้อนเนื้อของเธอมันไม่ได้เล็กลงไปกว่านี้หรอก

 

 

แต่อย่าคิดว่าเธอโง่ก็แล้วกัน แค่พูดด้วยดีๆ สองสามคำ แล้วเธอจะใจอ่อนให้เขาอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

 

 

เมื่อเห็นว่าหลินเหยายังคงนิ่งเฉย สีหน้าของชายคนนั้นก็แปรเปลี่ยนไปมาระหว่างขาวและดำ ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านข้าง ชายคนนั้นก็ยิ่งรู้สึกเสียหน้า นานขนาดนี้แล้วก็ยังจัดการผู้หญิงคนนี้ไม่ได้สักที แล้วเขาจะกลับไปอวดเพื่อนๆ ของเขาได้อย่างไรล่ะ

 

 

เดิมทีชายคนนั้นยังมีท่าทีขี้เล่นอยู่ แต่เมื่อหลินเหยาแกล้งทำให้เขาขุ่นเคือง ตอนนี้เขาจึงเริ่มเผยธาตุแท้ออกมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร วันนี้เขาจะต้องได้หลินเหยาให้ได้ เขาจะต้องได้ลิ้มลองว่าผู้หญิงใจแข็งคนนี้มีรสชาติอย่างไร!

 

 

ความจริงแล้วสายตาลามกจากชายคนนั้นทำให้หลินเหยารู้สึกรังเกียจมาก เธอหันหลังเดินหนีไปอีกด้านหนึ่ง นั่งดื่มเหล้าเพียงลำพัง พลางฟังเพลงเพราะๆ เบาสบายที่ผับเปิดคลออยู่

 

 

เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าหลินเหยาเมินเฉยใส่เขา หรือพูดให้ถูกก็คือ ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาหา หลินเหยาก็ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักครั้ง เขาแทบจะแบกหน้าต่อไปไม่ไหว เขาจะไม่ใช้ไม้อ่อนกับหลินเหยาอีกแล้ว เขาตรงเข้าไปออกแรงคว้ามือของหลินเหยาเอาไว้ จากนั้นก็ลากเธอเข้ามาหาตัว

 

 

หลินเหยาพยายามสลัดมือนั้นสุดชีวิต แต่กลับไม่ได้ผลเลยสักนิด “แกจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”

 

 

ชายคนนั้นกำเริบเสิบสานมากกว่าเดิม “ร้องไปสิ! แต่ต่อให้ร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครมาช่วยเธอหรอก!” หลินเหยาหันมองดูผู้คนรอบตัวเธอ เธอก็พบว่าพวกผู้ชายที่นั่งอยู่ราวกับกำลังดูเรื่องสนุก ไม่มีใครออกหน้ามาช่วยเธอเลยสักคน

 

 

และเมื่อหลินเหยาเห็นว่าเขายังไม่ยอมปล่อย เธอก็ไม่อยากจะไว้ชีวิตเขาอีกต่อไป “ฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย แกจะปล่อยหรือไม่ปล่อย” น้ำเสียงและสีหน้าของหลินเหยาดูน่ากลัวขึ้นมาหลายส่วน จู่ๆ ชายหนุ่มคนนั้นก็รู้สึกหนาว แต่เขาก็ไม่ได้คิดไปในแง่มุมอื่น เขาแค่คิดว่ามันอาจเป็นแค่จินตนาการของเขาเท่านั้น

 

 

“โธ่ เด็กดี ไม่ต้องกังวลไปหรอก เดี๋ยวพอไปถึงที่ ผมจะปรนนิบัติรับใช้คุณเป็นอย่างดีเลย” ในขณะที่พูด มืออีกข้างของชายคนนั้นก็ลูบสัมผัสใบหน้าของหลินเหยา

 

 

หลินเหยาหลบไม่ทัน จึงถูกเขาสัมผัสเข้าอย่างจัง เธอได้แต่สบถอยู่ในใจ หน้าด้านจริงๆ อย่ามาโทษว่าฉันหยาบคายทีหลังก็แล้วกัน!

 

 

ในขณะที่หลินเหยากำลังคิดอยู่ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไรดี ทันใดนั้น ชายคนนั้นก็หยุดชะงักไป หลินเหยาเห็นท่าทางของคนตรงหน้าเป็นอย่างนั้นก็พลอยหยุดคิดไปด้วย แล้วเธอก็มองเห็นฟังหยวนมายืนอยู่ใกล้ๆ หลินเหยาค่อยๆ เบาใจลง เพราะได้เห็นคนที่คุ้นเคย

 

 

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!” ฟังหยวนพูดอย่างดุดัน

 

 

ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตกใจกลัว “แกเป็นใคร เรื่องของคนอื่นอย่ามายุ่ง!”

 

 

เมื่อเห็นว่าชายคนนั้นไม่ทำตามที่เขาบอก จู่ๆ ฟังหยวนก็เผยรอยยิ้มงดงามออกมา และก่อนที่ชายคนนั้นจะได้ทำความเข้าใจว่ารอยยิ้มของเขาหมายถึงอะไร ฟังหยวนก็ออกหมัดใส่เขาทันที ชายคนนั้นเซไปด้านหลัง มือที่จับหลินเหยาอยู่ก็คลายออก

 

 

หลินเหยาฉวยโอกาสนี้หลบไปยืนอยู่ด้านหลังของฟังหยวน ฟังหยวนยืนขวางหน้าเธอไว้ “ต่อหน้าฉัน แกยังกล้าฉุดคนอีกเหรอ ใครให้ความกล้านี้กับแกมาไม่ทราบ”

 

 

เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าสายตาของฟังหยวนดูเย็นชามากยิ่งขึ้น เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไปกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “แกเป็นใครกันแน่”

 

 

“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของฉัน…ฟังหยวน! ทีหน้าทีหลังก็ดูให้ดีๆ ถ้าครั้งหน้าแกยังกล้าแตะคุณหลินแม้แต่ปลายเล็บอีก แกได้ลิ้มลองวิธีจัดการของฉันแน่!”

 

 

ชายหนุ่มรีบเอ่ยขอความเมตตาในทันที “คุณชายฟัง ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนในปกครองของคุณ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ คุณปล่อยผมไปเถอะนะ! ครั้งหน้าผมจะหลีกเลี่ยงเธอไปให้ไกลอย่างแน่นอน ผมไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้แล้วครับ!”

 

 

หลินเหยารู้สึกขำเมื่อเห็นท่าทางของชายคนนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธออดหัวเราะอย่างเหยียดหยามออกมาไม่ได้

 

 

“คุณหัวเราะอะไรเหรอ หรือว่าคุณยังไม่อยากให้ปล่อยเขาไปง่ายๆ?” เมื่อเห็นหลินเหยาหัวเราะ ฟังหยวนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

 

ชายคนนั้นมองดูหลินเหยาอย่างหวาดกลัว เขากลัวว่าเธอจะเล่นงานเขาอย่างหนัก เขาจึงเริ่มเอ่ยขอความเมตตาจากหลินเหยา “คุณครับ ปล่อยผมไปเถอะนะ ครั้งหน้าผมจะไม่ทำแบบนี้อีก!”

 

 

เขาขอร้องจนขาดแค่ก้มศีรษะให้กับฟังหยวนและหลินเหยาเท่านั้น หลินเหยาส่ายหน้าให้ฟังหยวน “เปล่าค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าท่าทางของเขาดูตลกดี”

 

 

ชายคนนั้นถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดของหลินเหยา เธอไม่มาคิดบัญชีเขาทีหลังก็พอ เธออยากจะตลกอะไรก็เชิญเถอะ ขอแค่คุณชายฟังไม่เล่นงานเขาก็ดีเท่าไรแล้ว

 

 

“เอาละ ในเมื่อคุณหลินไม่ได้ถามหาความรับผิดชอบอะไร แกก็รีบไสหัวออกไปได้แล้ว และถ้าวันหลังแกเจอเธออีก ก็เลี่ยงเธอซะ!” ฟังหยวนร่ายยาว และในที่สุดชายคนนั้นก็โล่งใจ

 

 

ก่อนจะพยักหน้าแล้วค้อมตัวพูดว่า “ครับ คุณชายฟัง ผมจะทำตามอย่างเคร่งครัด จะไม่ทำให้คุณผู้หญิงคนนี้รำคาญใจอีกต่อไป คุณชายฟังครับ ถ้าหมดธุระแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

 

เมื่อเห็นฟังหยวนพยักหน้า ชายคนนั้นก็รีบหนีไปทันที

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ด้วยความรักครั้งก่อนทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของ ถังโจวโจว มัณฑนากรสาวจึงครองตัวเป็นโสดตลอดมา แต่แล้วชายหนุ่มที่เธอบังเอิญเจอในโรงแรม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนปิศาจร้ายที่เธอไม่คิดจะเจออีกชั่วชีวิตนี้ กลับเป็นถึงผู้อำนวยการของลั่วกรุ๊ป ลั่วเซ่าเซิน ผู้ชี้ชะตาโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัทเธอ น่าเจ็บใจที่ถึงแม้เธออยากตีตัวออกห่างเขาขนาดไหน แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับความหล่อกระชากใจและโปรเจกต์ทำเงินมหาศาลอยู่ร่ำไป! อีกทั้ง ลั่วอิง ลูกสาวตัวน้อยของเขายังถูกใจเธอเข้าอย่างจัง ลั่วเซ่าเซินเห็นว่าเป็นโอกาสให้พ่อแม่เลิกรบเร้าเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ถูกใจเสียที จึงยื่นข้อเสนอให้เธอแต่งงานกับเขา แล้วโปรเจกต์ใหญ่ที่เธอตั้งตารอก็จะตกเป็นของเธอทันที!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset