อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด – ตอนที่ 41+42

ตอนที่ 41 ใช่ว่าถูกคนรังแกรึเปล่า?

เธอไม่อาจปล่อยให้เขาค้นพบตัวเองได้ อีกอย่างเมื่อคืนวานตัวเธอนั้นก็ไม่ได้กลับบ้าน เด็กสองคนนั้นคงเป็นห่วงแทบตายแล้วแน่ๆ โดยเฉพาะกับหยางหยาง

เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว อันโหรวก็รีบลุกขึ้นโดยทันที ก่อนที่จะลุกจากเตียง มือของเธอก็ถูกชายคนนั้นจับไว้อีกครั้ง

หัวใจของอันโหรวพลางเต้นรุนแรง ไม่ใช่ว่าจะตื่นเร็วไปหน่อยไหม?

เพียงแต่วินาทีต่อมา แขนที่จับเธอนั้นก็ค่อยๆหลุดออกมา ไม่นานเธอก็หันไปดูเพียงชั่วครู่ ก็พบว่าชายคนนั้นดวงตาของเขากำลังหลับสนิทอยู่ เมื่อครู่บางทีอาจจะเกิดจากจิตสำนึกของเขาก็ได้

อันโหรวค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างเบาๆ คว้าเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จ เมื่อสวมเสื้อผ้าควบคุมปกปิดร่างกายแล้ว เธอก็ไม่สนใจว่าเสื้อของเธอมันจะเปียกอยู่หรือไม่

ตอนนี้ท้องฟ้าก็ยังไม่สว่างเต็มที่เธอจึงรีบออกไปโดยทันที!

แกร่กแกร่ก เสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบาชายที่กำลังหลับใหลอยู่ยังคงยิ้มอยู่ที่มุมปาก

เมื่ออันโหรวเดินมาที่หน้าประตูก็หันเหความสนใจเป็นพิเศษโดยจับจ้องไปที่กล้องและพยายามหลีกเลี่ยงตัวเองให้มากที่สุด เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงในจุดๆนี้เธอจึงได้ก้มหัวศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะ ปิดยังใบหน้าของตัวเองเพราะกลัวจะถูกบันทึกภาพเอาไว้

เมื่อเดินออกมาจากประตูใหญ่เธอก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะเรียกรถแท็กซี่ให้ออกมารับ

มือเปิดประตูรถก็พบว่ามีสายโทรศัพท์โทรเข้ามาหลายสิบสายโดยที่ยังไม่ได้รับซึ่งเป็นหลินจื่อเซี๋ยวที่โทรเข้ามา

“ถ้าอ่านข้อความนี้รีบตอบกลับด่วน!”

“หน่วนหน่วนถูกฉันกล่อมให้นอนไปแล้ว แต่หยางหยางนี่สิหลับไปแค่สามชั่วโมงเอง”

“โหรวโหรว ไม่ใช่ว่าเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม? อย่าทำให้ฉันตกใจ รีบตอบกลับข้อความซะ!”

อันโหรวใจเต้นด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรีบตอบกลับข้อความนั้นทันที ก่อนที่จะส่งไปนั้นเอง สายโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“เธอไม่กลับมาทั้งคืน ไปอยู่ที่ไหนมา!”

“จื่อเซี๋ยว ฉันกลับไปจะบอกเธอนะ เรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันจนเกินไป”

“ได้ ฉันจะรอ!” หลินจื่อเซี๋ยวแม้จะกังวล แต่ก็คงยังคุมสติไม่ให้เตลิดไปใหญ่ได้

ตราบใดที่คนไม่ได้เป็นอะไร ทุกอย่างก็โอเค

“คุณลุงค่ะ รบกวนช่วยขับรถให้ไวขึ้นอีกนิดนึงทีค่ะ”

คนขับรถหันหน้าไปดูอันโหรวที่ออกมาจากโรงแรมระดับห้าดาว ทั่วทั้งตัวของเธอนั้นพลางเปียกโบน ใบหน้าของเธอก็ดูเบาบางยิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ตอนนี้ดูท่าเด็กวัยรุ่นพวกนี้ คงจะชื่นชอบการทำอะไรแบบนี้แล้วสินะ!

เมื่อถึงบ้านหลินจื่อเซี๋ยว

เมื่อเปิดประตูออก หลินจื่อเซี๋ยวก็แทบตกใจในทันที “นี่….ทำไมเธอถึงได้! เธอเป็นอะไรไป เสื้อผ้าก็เปียก ปอยผมก็หลุด เครื่องสำอางก็หาย เกิดอะไรขึ้นกัน!”

“เข้าไปคุยข้างในเถอะ”อันโหรวรีบเข้าไปในประตูทันที ไม่นานนักก็มีเด็กผู้ชายตัวน้อยๆ โถมเข้ามากอดเธอไว้ และร้องไห้ออกมา “แม่จ๋า”

เมื่อเธอได้ยินเสียงของหยางหยางร้องไห้ หัวใจของเธอนั้นก็รู้สึกราวกับแตกสลายในพริบตา

ไม่ได้กลับบ้านมาทั้งคืน ก็ต้องทำให้ลูกชายตัวน้อยตกใจอยู่แล้วล่ะ

“แม่จ๋าอยู่นี่แล้วจ้ะ”

อันหยางเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาดูบวมเล็กน้อย เพราะเขานั้นนอนหลับน้อยจนเกินไป มือน้อยๆของเขาสัมผัสไปยังเสื้อผ้าของอันโหรว และพบว่ามันเปียกอยู่ เขาก็รีบจูงมือของอันโหรวไปที่ห้องนอนและเอ่ยออกไปว่า “แม่จ๋า แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“เฮ้อ ฉันกลับคิดว่าทำไมกันนะลูกชายสุดแสนจะน่ารักแบบนี้ แม่จ๋าเขาถึงทำเรื่องไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้ได้!” หลินจื่อเซี๋ยวพลางตบไปที่ไหล่ของเธอ ดวงตาของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอิจฉาเป็นนัยๆ

อันโหรวได้ยินก็เอ่ยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ และเข้าไปข้างในห้อง ก่อนที่จะเปลื้องเสื้อผ้าตัวของเธอนั้นก็รับรู้ได้ว่ามี….

มีอะไรบางอย่างที่ไม่อาจให้ลูกชายเห็นได้

“หยางหยาง…” เธอกำลังคิด และกำลังคิดว่าจะบอกลูกชายเธอยังไงดี

“แม่จ๋า เดี๋ยวผมออกไปเอง” อันหยางพูดจบ ก็มองไปที่ดวงตาของเธอ ก่อนที่จะรีบออกจากประตูห้องไป ไม่นานเท่าไหร่ก็เอ่ยประโยคที่เย็นเฉียบดังขึ้น “แม่จ๋า แม่มีรอยแดงที่คอด้วย เมื่อคืนแม่ถูกรังแกมายังงั้นเหรอ?”

อันโหรวหัวใจเต้นอย่างรุนแรงราวกับทะลุออกมาได้ หยางหยางคนนี้พูดอะไรบางอย่างที่เหมือนทิ่มแทงใจของเธอมากนัก

ลูกชายของเธอนั้นยังเล็ก ทำไมถึงรู้ได้ว่ามีรอยแดงประทับที่คอก็เท่ากับถูกคนรังแกมาแบบนี้ได้ล่ะ?

ความรู้แบบนี้ ดูเหมือนมันน่าจะเป็นไปไม่ได้ เขาพึ่งจะอายุห้าขวบเองนะ!

ไม่ได้การ ลูกชายของเธอยังไม่เหมาะกับการโตจนเกินวัยในเรื่องแบบนี้…

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธออย่างรวดเร็ว เมื่อสวมเสร็จแล้ว เธอมัดผมหางม้าอย่างเรียบร้อย และเดินออกไป

“แม่จ๋า!” หน่วนหน่วนที่พึ่งตื่นนอนได้ยินเสียงของแม่จ๋าดังขึ้น เธอก็รู้สึกประหลาดใจ และก็ทำท่าออดอ้อนอยากขอติดตัวอันโหรว ราวกับเด็กทารกไม่ยอมไปไหน

“ให้พวกลูกเป็นห่วงแล้วสินะ เมื่อคืนแม่จ๋าทำงานล่วงเวลา และเมื่อคืนก็ยุ่งมากจนไม่ได้กลับมา ส่วนเสื้อผ้าที่เปียก ก็เพราะว่าแม่จ๋าไม่ทันระวังเผลอโดนน้ำกระเซ็นเข้าตัวไปเสียได้” ประโยคนี้ของอันโหรวเอ่ยพูดออกมาให้ทุกคนได้ยิน แน่นอนเมื่อพวกเขายังเด็กอยู่แบบนี้ พวกเขาจะต้องเชื่อกันอยู่แล้ว

แต่กลับกันหลินจื่อเซี๋ยวและอันหยางต่างก็ไม่ใช่พวกที่จะมาหลอกกันได้ง่ายๆ

คนหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ส่วนอีกคนเป็นเด็ก ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสายตาที่พลางสงสัยไปมา เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำโกหกที่เงอะงะแบบนี้แน่นอน

……………..

ตอนที่ 42 นอนกับเขาจริงๆเหรอ

อันโหรวรู้ตัวเองดีว่าเธอนั้นไม่สามารถปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้ได้ก่อนจะตัดสินใจที่จะเอ่ยความจริงบางอย่างแต่ทว่า………..หยางหยางต้องไม่รับรู้เรื่องนี้

“หยางหยาง ลูกช่วยพาน้องสาวไปเล่นในห้องก่อน ได้ไหมค่ะ?”

เด็กน้อยตัวเล็กกลับส่ายหัวของเขาขึ้น และเอ่ยออกไปว่า “ไม่เอา ผมอยากได้ยินที่แม่จ๋าพูด สรุปแม่จ๋าถูกใครรังแกมากันแน่?”

“อ้ะ แม่จ๋า แม่ถูกรังแกมายังงั้นเหรอ?” อันหน่วนทำเสียงฮึดฮัด ก่อนทำท่าราวกับนักสืบตัวน้อยๆ และคอยสอดส่องไปทั่วตัวของเธอ

“อย่าพึ่งสร้างปัญหา ลูก แม่จ๋าไม่ได้ถูกคนรังแกมาหรอก”

อันหยางยังคงทำท่าลังเลอยู่เล็กน้อย และเอ่ยบอกไปอีกว่า “แล้วรอยประทับตราสีแดงนั้นล่ะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าผมตาฝาดไป”

เมื่อได้ยินคำว่ารอยประทับตราเพียงสามคำ หลินจื่อเซี๋ยวก็พลันทำสีหน้าเปลี่ยนสี รอยประทับตราสีแดง? ประทับตราสีแดงตรงไหนล่ะ?

“บางทีมันอาจจะบังเอิญไปโดนที่ไหนสักแห่งก็ได้นะ จะว่าไปแล้ว ใครจะกล้ารังแกแม่จ๋าได้ล่ะค่ะ” อันโหรวยิ้มออกมาด้วยท่าทางน่ารัก รอยยิ้มน้อยๆของเธอนั้นพลางขยิบตาไปมาให้ลูกรู้ว่าเธอนั้นกำลังเล่นกับพวกเขาอยู่

เพียงแต่น่าเสียดายนัก ที่เด็กน้อยพวกนี้กลับไม่ยอมที่จะสบตาเธอ และพลางบุ้ยปากออกมาที “แม่จ๋า พองตัวมากเท่าไหร่ ก็อาจจะแตกได้นะ[1] ”

หลินจื่อเซี๋ยวเริ่มรู้สึกทรงตัวไว้ไม่อยู่ พลางส่งเสียงหัวเราะที่อยู่ในลำคอออกมาอย่างดังๆ อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่ใบหน้าเย็นยะเยือกของอันหยาง หัวใจของเธอก็พลันหนาวเหน็บ และก็รีบปิดปากไม่กล้าเอ่ยหัวเราะออกมาอีก

ชีวิตแต่ละวันของเธอนั้นช่างแสนเศร้ามากนัก เข้าทำงานก็ต้องพบกับความทุกข์ทรมานจากคมมีดที่เย็นยะเยือกของประธานจิ่งแล้ว เลิกงานก็ต้องพบกับคมมีดที่เย็นยะเยือกของประธานจิ่งตัวน้อยอีก

เมื่อคิดถึงประธานจิ่ง หลินจื่อเซี๋ยวก็เริ่มเป็นกังวล เมื่อคืนอันโหรวกับประธานจิ่งได้ไปตรวจงานที่สกุลเห่อด้วยกัน ไม่แน่ว่ารอยประทับตราสีแดงนั้นอาจจะเป็น….

หลินจื่อเซี๋ยวพลันหางตากระตุก ไม่มีทางหรอก!

“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่จ๋าเองก็กลับมาอย่างปลอดภัยไม่ใช่เหรอค่ะ ลูก ฟังแม่นะ แม่จ๋ามีอะไรก็มักจะบอกทูนหัวของแม่ใช่รึเปล่าล่ะ” อันโหรวจับมือน้อยๆที่อบอุ่นนของหยางหยางและพูดขึ้น

เด็กชายตัวเล็ก รู้สึกค่อนข้างสับสนเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกว่าแม่ของตนนั้นปิดบังอะไรอยู่กันแน่

แม่จ๋าเมื่อคืนไปอยู่ที่ไหนมาล่ะ? ทำงานล่วงเวลาจนถึงตอนนี้แล้วพึ่งกลับมาเหรอ? แม้แต่บริษัทที่อังกฤษเองก็ไม่เคยโหดร้ายทารุณแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

นี่จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!

อันหยางมีความคิดสงสัยอยู่ในใจ แต่ทว่าเขาก็กลับไม่แสดงออกมาเสียยังงั้น

เขารู้ดีว่า แม่จ๋าไม่ว่ายังไงก็คงไม่มีทางบอกเขาแน่ มันจะดีกว่ารึเปล่าถ้าหากตัวเองตรวจสอบด้วยตัวเอง บางทีอาจจะเป็นชายคนนั้นที่เคยอยู่โรงแรมนั่วเทียนกับแม่เขาก็ได้

“หน่วนหน่วน พี่ชายจะพาน้องไปเล่น” อันหยางตัดสินใจอย่างฉลาด เลือกที่จะยอมถอยก้าวนึง ไม่นานก็จูงมือน้องสาวไปและเดินไปที่ห้องอีกห้อง

เมื่อเห็นประตูถูกปิดลง อันโหรวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลินจื่อเซี๋ยววิ่งมาจับมือของอันโหรว และลากเธอเข้าไปยังห้องของตัวเองทันที

เสียงคลิกดังขึ้น หลินจื่อเซี๋ยวได้ล็อคประตูห้องของตนเอาไว้

“เธอพูดความจริงมาซะ เธอกับประธานจิ่ง ใช่ว่านอนหลับด้วยกันแล้วรึเปล่า?” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างตรงๆ หลังจากนั้น ก็มองเห็นอันโหรวพยายามสวมผ้าพันคอไหมรอบล้อมไปที่คอของเธอก็พลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมาโดยทันที

อันโหรวไม่ได้ตั้งใจปิดบังซ่อนเร้นจากเขาเลย แต่เขารู้ตัวเองดีว่าปิดบังไว้ก็ไม่มิด จึงสู้พยักหน้ายอมรับมันไปอย่างตรงๆ

“อ๊า!!!!” หลินจื่อเวี๋ยวเหมือนกับตัวเองถูกโจมตีอย่างหนัก สมองของตัวเองรู็สึกหนักอึ้งราวกับหายใจไม่ทั่วท้อง

“เบาเสียงหน่อย เธอคิดอยากจะให้หยางหยางกับหน่วนหน่วนเข้ามาหรือยังไง?”

“โหรวโหรว ทำไมเธอกับประธานจิ่งถึงได้นอนหลับด้วยกันได้ล่ะ? เขาเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอแล้วเหรอ?” พูดตามตรง ในความคิดของหลินจื่อเซี๋ยว อันโหรวนั้นนับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีความงามมากล้น เสียจนไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ บางครั้งเธอก็ยังรู้สึกหลงใหลในตัวเพื่อนของเธอพอตัว แน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายหรอก พวกเขาล้วนแล้วกว่าครึ่งต่างก็เป็นสัตว์ล่าเนื้อที่มีพละกำลังแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ

แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่า ประธานจิ่งผู้นั้นได้เห็นใบหน้าของอันโหรวแล้ว จะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“ตอนนั้นเขาเมา เขาอาจจะคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงคนอื่นก็ได้” เธอตอบอย่างชัดเจน และยังคงนึกภาพที่เขาร้อนแรงกับเธอได้เป็นอย่างดี

“นี่เธอ นี่เธอ…..”

ผู้หญิงที่เขาพูดมาตลอดนั้น เป็นใครกันแน่?

“นี่เธอนอนกับประธานจิ่งๆ จริงๆเหรอ?” หลินจื่อเซี๋ยวเบิกตากว้าง ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

โหรวโหรวใช้เครื่องสำอางที่น่าเกลียดอยู่ตลอด เพื่อปกปิดไม่ให้คนอื่นเห็นอะไรมาก แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ การที่หลับนอนและเกลือกกลิ้งไปบนเตียงเดียวกันกับประธานจิ่งนั้นมันก็คงจะ…

เธอเข้าใจโหรวโหรวดี เลยไม่อยากจะคิดอะไรมาก เป็นไปได้ว่าประธานจิ่งนั้นอาจจะใช้กำลังเข้าแล้ว

“จะซ่อนมันตลอดเลยไว้ไหม? แล้วได้กินยาหลังจากเกิดเรื่องพวกนั้นแล้วรึยัง?” หลินจื่อเซี๋ยวเอ่ยด้วยความรวดเร็ว และพูดถึงจุดที่กลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่โตขึ้นมาได้

อันโหรวพยักหน้าอย่างรีบร้อน “แน่นอนว่าต้องกิน ฉันไม่อยากท้องอีกแล้วหรอกนะ”

เธอขอแค่มีหยางหยางกับหน่วนหน่วนก็เพียงพอแล้วล่ะ

นอกจากนี้ เธอเองก็ไม่คิดอยากจะได้ผู้ชายเอาเปรียบผู้ชายคนนั้นอีกด้วย….

[1] สำนวนที่คล้ายดั่งนิทานเรื่อง ลูกอึ่งอ่างเห็นแม่วัวที่ตัวใหญ่ จึงเอ่ยขึ้นร้องบอกแม่ว่ามันตัวใหญ่โตจนแม่อึ่งอ่างพองลมจนท้องแตกตาย

Related

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉดตอนที่ 1 ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณ ภายในเรือเดินสมุทรที่ค่อนข้างหรูหรา ในตอนนี้ได้มีการจัดพิธีแต่งงานขึ้น อันโหรวกำลังมองไปยังคู่รักคู่หนึ่งด้วยสีหน้าและแววตาที่เย็นชา ชุดเดรสสีฟ้าที่เธอสวมใส่อยู่นั้นพลิ้วไหวไปกับสายลม “หยุดก่อน!” เธอตะโกนหยุดพิธีแต่งงานที่ดูไร้สาระนั่น ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานต่างจับจ้องมาที่ตัวเธอ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าบ่าวสาวแบบนี้?” “หรืออาจจะเป็นคนรักของคุณชายโอวหยาง? แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน?” ซุ่มสียงทั้งหมดดังเข้ามาในหูของเจ้าสาวอย่างเหลียวเว่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้นแข็งทื่อขึ้นมาทันที หัวใจก็เต้นโครมครามไม่หยุด เมื่อหันหน้าไปสบตากับผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม หัวใจของเธอก็ดำดิ่งลงไปเสียยิ่งกว่าอะไร คงไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้อดีตคู่รักมาสร้างปัญหาในพิธีแต่งงานหรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในช่วงเวลานี้ เธอพร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มันพังลง! “โหรวโหรว…” โอวหยางลี่ปล่อยมือของเหลียวเว่ยทันที เขาหันไปอย่างไม่แยแสต่อสายตาของผู้คนภายในงาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างถึงที่สุด ลียวเว่ยรู้สึกเป็นกังวลใจ เธอจึงรีบยื่นมือไปคว้าเขาไว้ “ลี่ ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณนะ ในตอนนี้ตระกูลของอันได้ตกต่ำลงไปแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทว่ามือที่จับแขนของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยแรงที่ค่อนข้างมาก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset