อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1694 ความสำคัญของระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1694 ความสำคัญของระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ

เพราะจางเซวียนได้การยอมรับเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานครั้งที่ 5 และพบความโชคดีโดยบังเอิญมามากมายหลายครั้ง เขาจึงยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้รวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็เทียบเท่ากับปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวขั้นสูงสุด เป็นไปได้ว่าคงมีแค่ปรมาจารย์หยางกับปรมาจารย์อีกไม่กี่คนที่จะมีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณสูงกว่าเขา

“29.1?” ได้ยินตัวเลขนั้น เซียนดาบชิงอ้าปากค้าง

เขาเคยคิดว่าถึงลูกชายจะยกระดับวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว แต่การเพิ่มระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี ใครจะไปคิดว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกชายจะสูงกว่าเขาเสียอีก?

“ลูก…ลูกฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณอย่างไร?” เซียนดาบชิงถามด้วยความประหลาดใจ “การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นยากมากนะ ต่อให้มีเทคนิควรยุทธช่วย ก็ยังต้องลงทุนลงแรงและใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จ…”

เป็นที่รู้กันว่าข้อจำกัดยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าปรมาจารย์ก็คือระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ เพื่อการสัมผัสและหยั่งรู้อนาคต ปรมาจารย์หยางได้ปกปิดตัวตนของเขาไว้และออกตระเวนไปทั่วโลกเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้สูงขนาดนี้

แต่ลูกชายของเขาเพิ่งอายุ 20 ปีเท่านั้น และใช้เวลา 19 ปีที่ผ่านมาในดินแดนไกลปืนเที่ยงอย่างอาณาจักรเทียนเซวียน แล้วระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาสูงขนาดนี้ได้อย่างไร?

“ผมทำได้อย่างไรน่ะหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม “ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่เคยฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของผมมาก่อน มันเพิ่มขึ้นไปเองตามธรรมชาติ…”

ได้ยินคำนั้น เซียนดาบชิงหน้าแดงก่ำและแทบกระอักเลือดออกมา “ลูกจะบอกพ่อว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของลูกเพิ่มขึ้นถึง 29.1 ด้วยตัวมันเอง?”

เห็นความช้ำใจของสามี เซียนดาบเหมิงหัวเราะลั่น

มีผู้คนให้สามีของเธอซักถามมากมาย แต่เขากลับเลือกถามลูกชายของตัวเอง เท่ากับเรียกหาความช้ำใจใส่ตัวชัดๆ!

ครั้งแรกที่ทั้งสามได้กลับมาพบกันอีกครั้งที่สมาพันธ์นานาจักรวรรดิ ลูกชายของพวกเขายังเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 8 แต่ภายในเวลาครึ่งเดือน เขาก็กลายเป็นนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติ โลกจารึก…คิดจะแข่งขันกับผู้ปราดเปรื่องระดับนี้ ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรือ?

“มีความผิดปกติอะไรกับระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของผมหรือไง?” จางเซวียนตั้งคำถาม

จะว่าไป การบอกว่ามันเพิ่มขึ้นไปตามธรรมชาตินั้นก็ถือว่าไม่ถูกต้องนัก แต่เรื่องจริงก็คือเขาไม่เคยฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณเพื่อพยายามเพิ่มมันให้สูงขึ้น

ทั้งหน้าหนังสือสีทอง การได้การยอมรับเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน การบ่มเพาะจากลายมือบ่มเพาะจิตวิญญาณ การได้แรงบันดาลใจอย่างกะทันหัน…ทุกครั้งที่เขาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นทีละ 1.0 หรือมากกว่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่มันจะเพิ่มขึ้นถึง 29.1 ได้อย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก” เซียนดาบชิงตอบด้วยสีหน้าปั้นยาก

ขณะที่คนอื่นๆแทบจะต้องเอาเนื้อหนังและกระดูกเข้าแลกเพื่อยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณให้ได้สัก 0.1 หมอนี่กลับยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้เทียบเท่ากับปรมาจารย์หยางโดยไม่ต้องฝึกฝนอะไรเลย

ถ้าปรมาจารย์คนอื่นๆรู้เรื่องนี้ คงหมดเรี่ยวแรงที่จะฝึกฝนแน่

หวู่เฉินซึ่งเงียบงันมาตลอดโพล่งออกมา “คุณจะไม่อาจเข้าถึงวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณได้นะถ้าปล่อยให้ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นไปตามธรรมชาติ คุณจะต้องบ่มเพาะมันเพื่อทำให้สภาวะจิตรวมกันเป็นหนึ่งเดียวและแข็งแกร่ง มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้คุณยกระดับวรยุทธได้”

“ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณมีส่วนสำคัญในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณหรือ?” จางเซวียนขมวดคิ้ว

ก็น่าแปลกที่ทั้งสามตระกูลชั้นนำและสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ไม่มีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับนักปราชญ์โบราณเลย จางเซวียนจึงไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับวรยุทธขั้นนี้

“ใช่ หัวใจของการเข้าถึงวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณคือการเชื่อมโยงหัวใจและเจตจำนงของผู้นั้นเข้ากับโลก ทำให้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากสภาวะจิตของผู้นั้นไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมพละกำลังของโลก ก็จะมีความเสี่ยงที่เขาจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนหรือแม้แต่กลายเป็นบ้า มันก็ดีอยู่ที่คุณยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีการตามธรรมชาติ แต่หากไม่ผ่านการบ่มเพาะใดๆเลย ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ” หวู่เฉินดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

ในเมื่อเขาเป็นนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานเหมือนกับปรมาจารย์หยาง ก็แปลว่าเขาย่อมเคยแสวงหาหนทางฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณมาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีความรู้เรื่องนี้

“ผมเข้าใจแล้ว” จางเซวียนพยักหน้า

เขามีศพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นที่เป็นนักปราชญ์โบราณอยู่ในแหวนเก็บสมบัติ แม้จะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่ก็พอหยั่งถึงพละกำลังของผู้ที่มีวรยุทธระดับนั้น

สำหรับนักปราชญ์โบราณ แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ร่างของอีกฝ่ายก็ยังคงหนักอึ้งจนถึงขนาดที่จางเซวียนแทบยกไม่ไหว ในเวลาเดียวกัน รังสีอันงามสง่าที่ศพนั้นแผ่ออกมาก็ทำให้จิตวิญญาณต้นกำเนิดของเขามีปัญหากับการเข้าถึงมันในช่วงแรกๆ ข้อเท็จจริงเหล่านี้บ่งบอกพละกำลังของนักรบขั้นนักปราชญ์โบราณได้บางส่วนแล้ว

แม้จะมีความแตกต่างเพียงขั้นเดียวระหว่างนักรบชั่วกัลปาวสานกับวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่เส้นบางๆนี้คือการแบ่งชั้นระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า จึงเป็นธรรมดาที่ไม่อาจนำประสิทธิภาพของนักรบทั้งสองขั้นมาเปรียบเทียบกันได้

จางเซวียนคิดว่าความแตกต่างอยู่ที่การสะสมพละกำลัง แต่ใครจะไปรู้ว่าระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณก็มีบทบาทสำคัญด้วย

“มันไม่ถูกนะ…” จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาหารือกับหวู่เฉิน “การยกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นเฉพาะกับเหล่าปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ? ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีความจำเป็นที่นักรบคนอื่นๆจะต้องฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเขาฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้อย่างไร?”

ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณเป็นเงื่อนไขในการเลื่อนขั้นของเหล่าปรมาจารย์ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าปรมาจารย์ให้ความสำคัญกับมันมาก นักรบคนอื่นๆไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น แล้วพวกเขาจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณได้หรือเปล่า?

“นักรบทั่วไปก็ต้องให้ความสำคัญกับการฝึกฝนสภาวะจิตเหมือนกันนะ ดูนักปรุงยาเป็นตัวอย่าง หากพวกเขามีสภาวะจิตที่ไม่เหมาะสม ยาสงบใจที่พวกเขาหลอมก็จะผิดเพี้ยนไป เปลี่ยนจากยาที่ทำให้จิตใจสงบไปเป็นยาพิษ!” หวู่เฉินอธิบาย

“เรื่องนี้เป็นไปในทำนองเดียวกันกับอาชีพอื่นๆ หากมือบรรเลงบทเพลงปีศาจไม่ฝึกฝนสภาวะจิตของพวกเขาให้ดี แล้วจะถ่ายทอดเจตจำนงผ่านเสียงดนตรีเพื่อล่อลวงคู่ต่อสู้ได้อย่างไร? หากผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลละเลยการฝึกฝนสภาวะจิต พวกเขาจะติดตั้งค่ายกลที่มีความซับซ้อนสูงได้หรือไม่?”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนเงียบไป

เขาเคยเผชิญอะไรทำนองนี้ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เข้ารับการทดสอบเป็นนักปรุงยาระดับ 1 ดาว ในตอนนั้น มีนักปรุงยาคนหนึ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะหัวใจน้ำนิ่งและขาดการควบคุมอารมณ์ หมอนั่นพยายามหลอมยาสงบใจขณะที่สภาวะจิตของเขาไม่สงบเยือกเย็น ทำให้ยาที่เขาหลอมออกมานั้นกลายเป็นยาพิษที่มีฤทธิ์สังหารนักรบผู้โชคร้ายที่กินมันเข้าไป

จางเซวียนเข้าใจถึงความสำคัญของสภาวะจิตที่มีต่อมือบรรเลงบทเพลงปีศาจเช่นกัน หากเขาควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ บทเพลงที่บรรเลงออกมาก็จะปั่นป่วน ยกตัวอย่าง ในระหว่างการทดสอบเป็นมือบรรเลงบทเพลงปีศาจของเขาที่สถาบันปรมาจารย์หงหย่วน จางเซวียนต้องทำให้นกกระเรียนสวรรค์เต้นรำไปพร้อมกับบทเพลงที่บรรเลงจากพิณ แต่เพราะเขาปล่อยให้อารมณ์พลุ่งพล่าน จึงกลายเป็นการสังหารพวกมันด้วยเสียงดนตรี

เมื่อคิดๆดู ก็ไม่มีอาชีพไหนในโลกนี้ที่ไม่ต้องใช้การฝึกฝนสภาวะจิต เพียงแต่คนเหล่านั้นไม่ได้อยากเป็นปรมาจารย์ก็เท่านั้นเอง

“ก่อนยุคสมัยของปรมาจารย์ขง การฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นถูกแบ่งแยกโดยการใช้เจตจำนง ซึ่งมันก็แบ่งออกเป็นหลายระดับ มีทั้งสภาวะหัวใจน้ำนิ่ง สภาวะหัวใจใสกระจ่าง สภาวะจิตวิญญาณปราศจากความกังวล สภาวะเจตจำนงแข็งแกร่ง สภาวะหัวใจปิดกั้น สภาวะจิตไร้การปิดบัง และอื่นๆอีกมากมาย…” หวู่เฉินพูดต่อ

“แต่ปรมาจารย์ขงรู้สึกว่าการแบ่งระดับแบบนี้ซับซ้อนเกินไปและยากต่อการประเมินให้ถูกต้องแม่นยำ เขาจึงปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ง่ายขึ้นด้วยการใช้ตัวเลข นำมาสู่ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งรูปแบบที่สภาปรมาจารย์นำมาประยุกต์ใช้ก็คือทุกๆ 3.0 จะหมายถึงระดับขั้นใหม่…ปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวจะต้องมีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่ 3.0, ปรมาจารย์ระดับ 2 ดาวจะต้องมีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่ 6.0 และเพิ่มขึ้นไปตามนี้ ดังนั้น ปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวจึงต้องมีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณที่ 27.0 ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณนั้นเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าวรยุทธเสียอีก ผู้ที่มีระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณไม่ถึงขั้นจะไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้ ต่อให้อยู่ในสภาวะที่ได้รับการยกเว้นก็ตาม”

จางเซวียนพยักหน้า

ปรมาจารย์ขงได้ปรับรูปแบบของ ‘เจตจำนง’ ให้กลายเป็นระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ และสภาปรมาจารย์ก็นำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการเลื่อนระดับขั้น พูดอีกอย่างก็คือ อาชีพอื่นๆก็ต้องใช้รูปแบบของเจตจำนงเหล่านี้เช่นกัน ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักถ้าพวกเขาไม่ได้ตั้งเงื่อนไขไว้สูงเกินไป

ดังนั้น เพียงแค่อาชีพอื่นๆไม่ได้ใช้ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณเป็นเงื่อนไข ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ต้องบ่มเพาะสภาวะจิต

การนำรูปแบบของระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณแบบตัวเลขมาใช้จะทำให้เหล่าปรมาจารย์สามารถดำเนินการฝึกฝนสภาวะจิตของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง เป็นแรงผลักดันให้พวกเขายกระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้สภาปรมาจารย์กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในสาขานี้ และอาชีพอื่นๆก็พยายามที่จะก้าวตามให้ทัน

“ผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง และถ้าจำไม่ผิด มีสถานที่หนึ่งอยู่เลยไปจากที่นี่ที่อนุญาตให้นักรบบ่มเพาะระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของพวกเขาได้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อโดมหัวใจ มีเทคนิควรยุทธอยู่ในนั้นที่ทำให้นักรบสามารถบ่มเพาะสภาวะจิต อีกทั้งยังมีภูมิปัญญาที่ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนทิ้งไว้ พร้อมกับค่ายกลที่มีอานุภาพบ่มเพาะสภาวะจิตด้วย ทำไมพวกเราถึงไม่ไปที่นั่นล่ะ? ในเมื่อลูกไม่เคยบ่มเพาะสภาวะจิตมาก่อน ก็น่าจะพัฒนาได้อีกมาก” เซียนดาบชิงเสนอแนะ

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset