อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1745 มิติพงไพรโขดหิน

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1745 มิติพงไพรโขดหิน

กงฉี่ฉิงกับคนอื่นๆถึงกับจังงังกับภาพที่เห็น

นั่นคือบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา, ผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์โบราณ เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งประกาศว่าจะชดเชยความเสียหายให้ แต่ทันทีที่รู้ว่าตัวการคือจางเซวียน ก็รีบหนีไปโดยไม่ลังเล!

นี่มันนรกจกเปรตอะไร?

หมอนั่นเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึกไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงดูเหมือนบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา…จะหวาดกลัวอีกฝ่าย?

ขณะที่กงฉี่ฉิงกับคนอื่นๆแทบไปไม่เป็นกับปฏิกิริยาของบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา บรรพบุรุษเก่าแก่ก็แทบกระอักเลือดออกมา

เขาคือนักปราชญ์โบราณคนเดียวกันกับที่ถูกกระบี่เปลวเพลิงสีดำเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณทางเข้าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

แน่นอนว่าด้วยพละกำลังมหาศาลที่เขามีในฐานะนักรบขั้นนักปราชญ์โบราณ ไม่มีทางที่เขาจะหวาดกลัวกับแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติคนหนึ่ง แต่เจ้าหนุ่มนั่นมีกระบี่ที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณอยู่ในครอบครอง ซึ่งเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าจางหงเทียนก็น่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้ พร้อมที่จะปกป้องชายหนุ่มจากในเงามืด

หากเขาต้องรับมือกับนักรบที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณและกระบี่ขั้นนักปราชญ์โบราณในสภาพที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างนี้ ลงท้ายคงต้องเสียชีวิตแน่

นักปราชญ์โบราณคือผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานอย่างน่าทึ่ง แต่หากใครสักคนเล่นงานนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ ก็จะพบว่าร่างกายของนักปราชญ์โบราณคือทรัพย์สมบัติล้ำค่าตั้งแต่หัวจรดเท้า

เขาเคยคิดว่าเหตุผลที่จางเซวียนคนนั้นเข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ก็เพราะได้ศึกษาเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานของตระกูลจางจนถึงขั้นที่สามารถถอดรหัสฉนวนของมัน ทำให้ผ่านเข้ามาได้แม้ไม่มีเครื่องรางในมือ ด้วยเหตุนี้ ความเป็นไปได้ที่จางเซวียนจะสามารถเข้าสู่หอสงบใจจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ใครจะไปคิดว่าขนาดหนีมาจากที่นั่นแล้ว เขาก็ยังต้องมาพบกับจางเซวียนอีก?

“คนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเตรียมการเรื่องนั้น เราจะเข้าไปขัดจังหวะไม่ได้ แต่หากพวกนั้นทำสำเร็จเมื่อไหร่ เราจะกลับไปหาพวกเขาทันที!” บรรพบุรุษเก่าแก่พึมพำ

แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีตัวเขาเป็นนักปราชญ์โบราณ แต่ยังมีคนอื่นๆที่มีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการด้วย เขาเป็นแค่นักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียวที่มีเวลาว่างพอจะดูแลทายาทรุ่นหลัง

เขาเคยคิดว่าเมื่อตัวเขาเองคอยหนุนหลังทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อยู่ ไม่ว่าสภาปรมาจารย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ย่อมไม่กล้าขวางทาง แต่กลับตรงกันข้าม เขาถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสทันทีที่ปรากฏตัว

ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ

แต่ในฐานะผู้ที่มีชีวิตรอดมาจนได้เป็นนักปราชญ์โบราณ ก็แทบไม่มีความท้าทายไหนที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องอดทนกับมันให้ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คนอื่นเป็นอิสระ ก็จะถึงเวลาที่เขาจะได้ล้างแค้น!

…..

จางเซวียนถือกระบี่เปลวเพลิงสีดำไว้ในมือ เขาเดินออกจากหอสงบใจ

จางเซวียนรู้ดีว่าการกระทำของเขาที่หอสงบใจจะต้องส่งผลให้นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ปรากฏตัวแน่ จึงนำกระบี่เปลวเพลิงสีดำออกมาไว้ก่อนเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีใดๆก็ตามที่อาจเกิดขึ้น

ไม่มีทางที่นักปราชญ์โบราณจะสังหารเขาโดยเก็บตำแหน่งที่ซ่อนของตัวเองเป็นความลับได้ ดังนั้น ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเผยตำแหน่งที่ซ่อน กระบี่เปลวเพลิงสีดำกับหน้าหนังสือสีทองก็จะพุ่งออกมาคร่าชีวิตนักปราชญ์โบราณผู้นั้น จางเซวียนจึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว

จางเซวียนเดินออกจากฉนวน เขาเห็นเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ยืนอยู่ตรงหน้าในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เปลวเพลิงแห่งโทสะแผดเผาอยู่ในดวงตาของคนเหล่านั้น แต่ก็ไม่มีใครพยายามเปิดการโจมตี

“อ้อ พวกคุณหายดีแล้วหรือ?” จางเซวียนถามหน้าตาเฉยขณะกวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบ

แม้จะมีความเป็นไปได้ที่เด็กวัยรุ่นเหล่านี้จะฟื้นตัวจากอาการกระดูกหักโดยใช้ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายขนานใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังต้องพักฟื้นอย่างน้อย 2-3 วันกว่าร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ในเมื่ออาการบาดเจ็บของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากที่ถูกโยนออกมา ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือของนักปราชญ์โบราณ

แต่หลังจากสำรวจพื้นที่โดยรอบ จางเซวียนก็ไม่พบอะไร ในเวลาเดียวกัน กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็รายงานว่าไม่มีนักปราชญ์โบราณอยู่ในบริเวณนี้

รู้ดีว่าเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ที่กำลังของขึ้นคงทำอันตรายอะไรเขาไม่ได้ จางเซวียนส่งสายตาเชือดเฉือนใส่ ทำให้ทุกคนเข่าอ่อน ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปตามเส้นทางเดิมที่จากมา

ไม่ช้าจางเซวียนก็กลับถึงมิติยาพิษ เมื่อไม่มีปลาคาร์พอยู่ สิ่งมีชีวิตมีพิษก็รวมตัวกันว่ายวนอยู่ในสระน้ำ ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน ‘สวรรค์ไร้ราคี’ ที่อยู่ในมิติยาพิษคงจะถูกยาพิษกลืนกินไปจนหมด

หลังจากผ่านทางออก จางเซวียนพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยโขดหินซึ่งมีหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป

ราวกับว่าเขาเข้ามายืนอยู่ท่ามกลางสันเขา ไม่มีสิ่งอื่นใดให้เห็นนอกจากหินขนาดใหญ่ ทัศนียภาพของเขากลายเป็นสีเทาจนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือความเขียวชอุ่มให้เห็นแม้แต่น้อย

เท่าที่ดู เขาน่าจะกำลังยืนอยู่ที่ใจกลางพงไพรโขดหิน

พื้นที่นี้ไม่ได้แห้งแล้งอย่างมิติผืนทราย แต่พลังจิตวิญญาณก็ไม่เข้มข้นเท่าในมิติผืนป่า หากจะใช้คำคำหนึ่งพรรณนามิติที่เขากำลังยืนอยู่ในเวลานี้ ก็คงต้องใช้คำว่า ‘พิสดาร’

โขดหินที่อยู่รอบตัวมีรูปร่างพิสดารพันลึกแตกต่างกันไป การกวาดสายตามองให้ทั่วเพียงครั้งเดียวก็เกินพอจะทำให้ตาลายแล้ว

“ดูเหมือนโขดหินพวกนี้จะจำลองกระบวนท่าบางอย่าง” จางเซวียนกระโจนขึ้นไปบนโขดหินที่สูงกว่าและพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว

เมื่อมองดูรูปร่างที่แตกต่างกันไปของพงไพรโขดหิน เขาพบว่ามันดูคล้ายกับผู้เชี่ยวชาญมากมายที่กำลังสำแดงศาสตร์ลับของพวกเขาออกมาพร้อมๆกัน

“เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อต้องทดลอง!”

จางเซวียนพบหินกลุ่มหนึ่งและเริ่มศึกษามัน เมื่อพิจารณารูปร่างของโขดหิน ก็พบว่าพลังปราณของตัวเองไหลเวียนเป็นรูปแบบเฉพาะ ครู่ต่อมา จางเซวียนก็ปล่อยพลังออกจากฝ่ามือ

บึ้มมมม!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ รอยแยกขนาดเล็กของมิติถูกฝ่ามือของเขาฉีกกระชาก

“มันคือเทคนิคการต่อสู้จริงๆ แถมมีประสิทธิภาพน่าทึ่งอย่างเหลือเชื่อ!” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ

เขาแค่ปลดปล่อยพละกำลังแบบธรรมดาเท่านั้น ยังไม่ได้พยายามฝึกฝนมันอย่างจริงจังเลย หรือว่า…โขดหินเหล่านี้ก่อตัวกันเป็นรูปแบบของศาสตร์ลับอันทรงพลัง?

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ ควรจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธจากจุดไหน? มีลำดับที่ถูกกำหนดไว้หรือไม่?

หากเขาศึกษามันอย่างสุ่มๆ จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า?

“ช่างมันเถอะ เราควรค้นหาทางออกก่อน” จางเซวียนรีบตัดสินใจ

ถ้าเขาพบทางออก ก็จะได้พบหอบริวารที่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะถึงอย่างไร มิติรอบนอกก็เป็นแค่บททดสอบที่ปรมาจารย์ขงเตรียมไว้ทดสอบผู้ที่ท่องมิติของเขาเท่านั้น ส่วนทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ

จางเซวียนกวัดแกว่งกระบี่เปลวเพลิงสีดำเพื่อคาดเดาทิศทางอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตรงไปตามทิศที่มันชี้ไป

1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็พบร่องรอยของมนุษย์ เมื่อสะกดรอยตามไป ไม่ช้าก็เจอกับปรมาจารย์กลุ่มหนึ่ง พวกนั้นยืนอยู่ท่ามกลางพงไพรโขดหิน และดูเหมือนกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด

“ลำดับกระบวนท่าของผมน่ะถูกต้องแล้ว คุณจะไม่พบปัญหาใดๆเลยหากฝึกฝนวรยุทธตามลำดับที่ผมบอกไว้”

“เหลวไหลเลอะเทอะ! ลำดับของผมต่างหากที่ถูกต้อง ดูสิ, การเคลื่อนไหวสองกระบวนท่านั้นของคุณน่ะไม่เชื่อมโยงกันด้วยซ้ำ เห็นชัดเลยว่าคุณเข้าใจผิด”

“คุณน่ะปัญญานิ่ม! ผมฝึกฝนวรยุทธตามลำดับนี้แล้ว และรู้สึกได้เลยว่าความเชี่ยวชาญในเทคนิคของผมเพิ่มขึ้นอย่างล้ำลึก ถ้าคุณแน่ใจว่าตัวเองคิดถูกล่ะก็ ทำไมไม่มาดวลกันแล้วดูว่าลำดับของใครได้ผลดีกว่า?”

“ก็จริง! ไม่รู้จะเถียงกันหาอะไร ใช้พละกำลังตัดสินแทนคำพูดเถอะ!”

…..

การโต้เถียงของเหล่าปรมาจารย์ลงเอยด้วยการต่อสู้กัน พายุหอบใหญ่พัดกระหน่ำโดยรอบ คลื่นความสั่นสะเทือนจากแรงปะทะส่งผลทำลายสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น

แต่พวกเขาก็สร้างปราการเพื่อแยกตัวเองออกจากโลกภายนอก จะได้ไม่เป็นการทำลายโขดหิน

“พวกนี้เหมือนกลุ่มนักดาบที่เราพบที่สระดาบเลย พวกเขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจโดยไม่รู้ตัว” จางเซวียนส่ายหน้า

เขาเคยพบสถานการณ์แบบนี้เมื่อครั้งอยู่ในจักรวรรดิเฉียนฉง เหล่านักดาบที่นั่นต่อสู้กันเองทันทีที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกัน ซึ่งผิดวิสัยนักดาบทั่วไป ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นภาพแบบเดียวกันเกิดขึ้นที่นี่

การต่อสู้จบลงโดยเร็ว ไม่ช้านักรบคนหนึ่งก็มีชัยชนะเหนือคนอื่นๆ

“เห็นหรือยังว่าลำดับของผมน่ะทรงพลังที่สุด แค่นี้ก็คงเกินพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าผมคิดถูก เอาล่ะ รีบมอบข้อเสนอของคุณเสีย!” ปรมาจารย์ผู้ได้ชัยชนะพยักหน้าอย่างพอใจ

“ก็ได้ พวกเราจะทำตามการจัดลำดับของคุณ”

คนอื่นๆต่างพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ

“มอบข้อเสนอ?”

จางเซวียนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเขาพิจารณาสถานการณ์ที่เห็นอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งงงงันขึ้นเท่านั้น

เหล่าปรมาจารย์ไม่ควรจะเป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ทำไมถึงพูดกันเรื่องการมอบข้อเสนอ?

จางเซวียนซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์เหล่านั้นด้วยความสงสัย

ปรมาจารย์ที่ได้ชัยชนะนำของล้ำค่าออกมา 2-3 ชิ้นและวางมันไว้ตรงหน้าโขดหิน ไม่ช้าของล้ำค่าก็เริ่มมอดไหม้ เกิดประกายสีทองเจิดจ้าออกจากโขดหินนั้น

แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนโขดหินและเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ดูเหมือนจะสาธิตเทคนิคการต่อสู้บางอย่าง

“ศาสตร์ลับที่เหล่าปรมาจารย์ฝึกฝนก่อนหน้านี้เป็นเพียงรูปแบบ เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ก็คือเส้นทางการไหลเวียนของพลังปราณที่เชื่อมโยงกับกระบวนท่าเหล่านั้น ใช่ไหม?” จางเซวียนสงสัย

ร่างที่สำแดงกระบวนท่าอยู่บนโขดหินกำลังสาธิตเทคนิคการหายใจบางอย่างที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับกระบวนท่าที่เหล่าปรมาจารย์ได้สำแดงก่อนหน้านี้ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมีความไม่สมบูรณ์แบบบางอย่างอยู่

“แบบนี้ยังเรียกว่าไม่ถูกอีกหรือ? ลำดับที่ผมสันนิษฐานไว้ดูจะไม่เชื่อมโยงกับเทคนิคการหายใจนี้เลย…พลั่ก!”

ปรมาจารย์ที่ได้รับชัยชนะสำแดงกระบวนท่าเลียนแบบร่างที่อยู่บนโขดหิน ครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่

ถ้าการสำแดงกระบวนท่าไม่เข้ากันกับเทคนิคการหายใจ ก็มีโอกาสสูงที่วรยุทธของผู้นั้นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก เขามั่นใจเต็มเปี่ยมในการจัดลำดับที่ตัวเองสันนิษฐานไว้ ใครจะคิดว่าลงท้ายมันก็ยังผิดพลาด?

“มาศึกษากระบวนท่าเหล่านี้ด้วยกันเถอะ พวกเราจะทำผิดพลาดไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกแสนนานแน่!” ปรมาจารย์ที่ได้รับชัยชนะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

เขากำลังจะสำรวจโขดหินที่อยู่บริเวณนั้นต่อไป ก็พอดีกับที่ชายหนุ่มคนหนึ่งร่อนลงมาและกล่าวว่า “ว่าอย่างไร, สหาย ผมเพิ่งเข้าสู่มิติแห่งนี้เมื่อครู่ก่อนนี่เอง ไม่ทราบว่า…จะขอถามได้ไหมว่าพวกคุณทำอะไรกันอยู่?”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset