อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1801 พระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิง

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1801 พระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิง

หลังจากรับอำพันใบเขียวจากชายวัยกลางคนแล้ว ผู้อาวุโสก็เชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัวก่อนจะเดินออกไป จางเซวียนหัวเราะหึๆแล้วเดินตาม

เมื่อออกจากตลาด ผู้อาวุโสตระเวนไปตามถนนอีกชั่วครู่ก่อนจะเข้าไปยังตรอกแห่งหนึ่ง

จางเซวียนกระดิกนิ้วอย่างรวดเร็ว แล้วภาพตรงหน้าผู้อาวุโสผู้จองหองก็พลันมืดมิด ร่างของเขาซวนเซก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น

ด้วยความแข็งแกร่งของจางเซวียนในฐานะนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก การเล่นงานนักตรวจสอบสมบัติที่เป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 6 จึงง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก

“การค้นหาจิตวิญญาณ!”

จางเซวียนไม่ยอมเสียเวลา เขาดำดิ่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกของอีกฝ่ายทันที ในชั่วพริบตา ก็ล่วงรู้ถึงภูมิหลังและตัวตนของผู้อาวุโสจนหมดสิ้น

หากเขาต้องการลักลอบเข้าสู่พระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิง ก็จะต้องมีตัวตนที่ถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ นักตรวจสอบสมบัติที่ได้รับอนุมัติให้เข้าสู่พระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิงจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่เป็นภัยคุกคามก่อนจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่อาณาเขตด้านใน

ดังนั้น เป้าหมายแรกของจางเซวียนที่ตลาดก็คือหานักตรวจสอบสมบัติที่มีชื่อเสียงสักคนหนึ่งและเข้าแทนที่ตัวตนของอีกฝ่าย

ด้วยวิธีนี้ จะไม่มีใครสงสัยเขา

“นักตรวจสอบสมบัติจากเมืองไคหย่ง, อู๋เทา…ผ่านการทดสอบนักตรวจสอบสมบัติของอำมาตย์เฉินหลิงแล้วและกำลังจะเข้าไปข้างใน…ดีเลย แบบนี้ก็เข้าทาง เราจะขจัดปัญหาไปได้มาก…”

จางเซวียนรู้ภูมิหลังของนักตรวจสอบสมบัติได้อย่างง่ายดายผ่านการค้นหาจิตวิญญาณ หลังจากรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เขาต้องการแล้ว จางเซวียนก็โบกมือเบาๆ

ฟึ่บ!

เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักตรวจสอบสมบัติกับบริวารของเขาแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผง หายวับไปจากโลกใบนี้ ข้าวของที่ใช้ยืนยันตัวตนของเขาก็ร่วงลงมาอยู่ในมือของจางเซวียน

“เอาล่ะ เราควรมุ่งหน้าไปยังพระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิงเสียที!”

เครื่องรางแห่งการปลอมตัวเรืองแสงอยู่ในมือของจางเซวียน ร่างกายของเขาเริ่มแปรสภาพ ในชั่วพริบตา จางเซวียนก็กลายร่างไปจนเหมือนกันเป๊ะกับอู๋เทา ถึงขนาดที่ต่อให้ญาติสนิทของอีกฝ่ายก็ไม่อาจแยกความแตกต่างระหว่างทั้งคู่ได้ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกและตั้งต้นเดินทางไปยังพระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิงตามทิศทางที่ได้รู้จากความทรงจำของอู๋เทา

สามอำมาตย์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างมีวังของตัวเอง ซึ่งแยกกันเป็นสัดส่วนอยู่ในเมืองหลวง วังของอำมาตย์เฉินหลิงอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่จางเซวียนอยู่เวลานี้ เขาเดินไปอีกราว 8 ช่วงถนน จากนั้นก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงวังสูงตระหง่าน

จางเซวียนเดินไปที่ประตูวังแล้วยื่นตราสัญลักษณ์ที่แสดงตัวตนของเขาให้เหล่าองครักษ์ ตราสัญลักษณ์นั้นถูกตรวจสอบถึง 8 ครั้งก่อนที่เขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน

“นักตรวจสอบสมบัติอู๋เทา กรุณาตามผมมา” องครักษ์คนหนึ่งร้องเรียก

จางเซวียนไม่อาจหาเหตุผลที่อำมาตย์เฉินหลิงต้องการตัวนักตรวจสอบสมบัติจากความทรงจำของอู๋เทาได้ เป็นไปได้ว่าน่าจะไม่มีนักตรวจสอบสมบัติคนไหนได้รู้ข้อมูลหรือเหตุผลที่แท้จริง ดังนั้นเขาจึงเอนตัวเข้าหาองครักษ์และกระซิบกระซาบ “ไม่ทราบว่าเหตุใดอำมาตย์เฉินหลิงถึงเชิญพวกเรามาที่นี่ ผมอยากเตรียมตัวล่วงหน้า เพื่อจะได้แสดงความสามารถให้ดีที่สุดต่อหน้าเขา”

ขณะที่พูด ก็แอบยื่นหินวิเศษขั้นสูงสุดก้อนหนึ่งให้

องครักษ์ชำเลืองมองหินวิเศษขั้นสูงสุดก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับจางเซวียนด้วยสายตาคุกคาม “คุณแค่ทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งให้ทำก็พอ ลูกไม้ตื้นๆแบบนี้น่ะใช้ในพระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิงไม่ได้หรอก!”

“ได้ ได้!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างว้าวุ่นใจ “ผมแค่อยากผูกมิตรเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น เพื่อเป็นการชดเชยการกระทำอันไร้ความคิดของผม ได้โปรดรับของกำนัลเล็กๆน้อยๆนี้ไว้ด้วย”

องครักษ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับหินวิเศษขั้นสูงสุดไปเก็บไว้ในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นก็เตือนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “อย่าได้พยายามทำแบบนี้ในสถานที่นี้อีก!”

จากนั้น เขาก็หันหลังกลับและเดินหน้าต่อไป เกิดความเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งขณะที่เสียงแหบห้าวของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง “บรรดานักตรวจสอบสมบัติจะถูกเรียกมารวมตัวกันเพื่อตัดสินมูลค่าที่แท้จริงของของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง อำมาตย์เฉินหลิงจับตามองเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นจะเกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ ถ้าคุณกล้าประเมินมูลค่าของของล้ำค่าให้สูงกว่าความเป็นจริงล่ะก็ จะต้องเสียชีวิตแน่ อย่าหาว่าผมไม่เตือน!”

จางเซวียนรีบพยักหน้ารับ

คุณค่าของของล้ำค่านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ของมันด้วย ดังนั้น นักตรวจสอบสมบัติจึงมักจะเพิ่มมูลค่าให้กับของล้ำค่าโดยยึดถือจากตัวเจ้าของ แต่นั่นอาจนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนในการระบุมูลค่าของมัน

ต่อให้ใครสักคนพยายามทำเลียนแบบจนถึงขั้นที่แทบแยกความแตกต่างไม่ออก ช่องว่างระหว่างราคาของของต้นแบบกับของทำเลียนแบบก็ยังห่างไกลกันลิบลับ

สิ่งที่องครักษ์พูดนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าประวัติศาสตร์ของของล้ำค่าที่เขากำลังจะประเมินนั้นจะเป็นอย่างไร เขาก็ควรจะตัดสินมูลค่าของมันจากประสิทธิภาพการใช้งานจริง ไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่น

“จำไว้ให้ขึ้นใจ แล้วทุกอย่างจะดีเอง ผมจะส่งคุณตรงนี้ ผมเป็นแค่บริวาร จึงไม่อาจระบุได้ว่าคุณกำลังจะพบเจอภารกิจแบบไหน แต่ก็ขอให้คุณโชคดี” องครักษ์พึมพำก่อนจะเงียบไป

ดูเหมือนนี่จะเป็นข้อมูลทั้งหมดที่เขามี

“ผมเป็นหนี้บุญคุณต่อคุณ!” จางเซวียนตอบอย่างนอบน้อมขณะยื่นหินวิเศษขั้นสูงสุดอีกก้อนหนึ่งให้

สถานการณ์ออกจะน่างุนงงอยู่ไม่น้อย คิดดูสิว่าอำมาตย์เฉินหลิงนำนักตรวจสอบสมบัติหลายต่อหลายคนมาที่วังของเขาเพื่อให้ประเมินของล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

จางเซวียนได้เห็นกับตาว่าอำมาตย์เฉินหลิงบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนเมื่อครั้งอยู่ที่วิหารแห่งขงจื๊อ เป็นเพราะระดับวรยุทธที่สูงส่งของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายยังไม่เสียชีวิตไปเดี๋ยวนั้น แต่หลังจากกลับสู่ฐานที่มั่น แทนที่จะหาทางเยียวยาอาการบาดเจ็บ กลับเลือกที่จะนำนักตรวจสอบสมบัติเข้ามาแทน

จางเซวียนรู้สึกว่าไม่อาจทำความเข้าใจสิ่งนี้ได้

เขาเดินตามหลังองครักษ์ไป ไม่ช้าก็มาถึงห้องโถงที่ดูตระการตา

มีชั้นวางของมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ภายในห้องโถงนั้น ทรัพย์สมบัติทุกชนิดถูกจัดเรียงไว้บนชั้น นักตรวจสอบสมบัติจำนวนหนึ่งกำลังตระเวนไปตามชั้นต่างๆและตรวจสอบทรัพย์สมบัติที่อยู่บนนั้นอย่างตั้งใจ

ทันทีที่จางเซวียนเข้าสู่ห้องโถง องครักษ์อีกคนก็ตรงเข้ามาและพูดด้วยน้ำเสียงวางอำนาจ “คุณคือหนึ่งในนักตรวจสอบสมบัติที่ได้รับการอนุมัติใช่ไหม? ภารกิจของคุณตอนนี้คือประเมินของล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่ภายในห้อง คุณจะต้องเขียนมูลค่าของทรัพย์สมบัติแต่ละชิ้นลงในกระดาษแล้วใส่มันไว้ในกล่อง เริ่มจากของล้ำค่าชิ้นแรกที่อยู่ตรงนั้น จำไว้นะ จะพูดคุยกับนักตรวจสอบสมบัติคนอื่นไม่ได้ ใครที่ถูกจับได้ว่าทำแบบนั้นจะถูกสังหารทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น!”

รู้ดีว่านี่เป็นความท้าทายอีกอย่างที่อำมาตย์เฉินหลิงจัดเตรียมไว้เพื่อทดสอบบรรดานักตรวจสอบสมบัติที่เขาเรียกตัวมา จางเซวียนจึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปยังชั้นวางของ

ที่อยู่ตรงหน้าของล้ำค่าชิ้นแรกบนชั้นวางของอันแรก คือกล่องใบหนึ่งที่ดูเหมือนกล่องลงคะแนนในชีวิตเก่าของเขา มีฉนวนพิเศษถูกจารึกไว้บนกล่องเพื่อป้องกันไม่ให้ใครนำข้อมูลภายในออกมาหรือแอบดูมันได้ พูดอีกอย่างก็คือไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะอ่านคำตอบของนักตรวจสอบสมบัติคนอื่นๆโดยใช้การรับรู้จิตวิญญาณ

ใช้นักตรวจสอบสมบัติมากมายมาประเมินมูลค่าของของล้ำค่าชิ้นเดียวกัน…อำมาตย์เฉินหลิงกำลังพยายามคัดกรองเพื่อให้ได้หัวกะทิมา! จางเซวียนครุ่นคิดขณะมองไปรอบๆห้อง

นักตรวจสอบสมบัติที่มาถึงก่อนหน้าเขาตรวจสอบของล้ำค่าชิ้นแรกเสร็จแล้ว และใส่ใบประเมินของเขาไว้ในกล่องก่อนจะเดินหน้า เมื่อไม่มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นๆ การทดสอบครั้งนี้จึงถือเป็นการวัดความสามารถในการประเมินมูลค่าของนักตรวจสอบสมบัติโดยตรง

จางเซวียนเดินไปที่ของล้ำค่าชิ้นแรกเพื่อพิจารณามันอย่างถี่ถ้วน มันเป็นสินแร่สีดำซึ่งมีพื้นผิวค่อนข้างหยาบ เขาประหลาดใจที่พบว่าไม่อาจบอกได้ว่ามันคือวัสดุชนิดไหนจากการมองเพียงแวบเดียว

จางเซวียนจึงยื่นมือออกไป แล้วหนังสือเล่มหนึ่งก็ปรากฏในหอสมุดเทียบฟ้าทันที

“หินดาวตก, สินแร่ที่ได้จากหลุมดำลึกแห่งท้องฟ้าทิศเหนือ มีอานุภาพในการระงับปีศาจใต้สำนึก…”

หนังสือบอกรายละเอียดถึงมูลค่าและข้อบกพร่องของสินแร่สีดำนั้น

หลังจากอ่านรายละเอียดทั้งหมด จางเซวียนก็ไม่รีบประเมินมูลค่าของสินแร่ เขาพิจารณามันอีกครู่หนึ่งก่อนจะหยิบกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งมาเพื่อเขียนมูลค่าที่เขาประเมินไว้ลงไป

แน่นอนว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่เขาใช้สำหรับการประเมินก็จะต้องเป็นเหรียญหย่งและหินวิเศษขั้นสูงสุด

หลังจากหย่อนกระดาษลงในกล่อง จางเซวียนก็เดินไปหาของล้ำค่าชิ้นถัดไป

มันคือสินแร่หายากอีกก้อนหนึ่งซึ่งมีมูลค่าพอๆกันกับหินดาวตก

เมื่อเวลาผ่านไป จางเซวียนประเมินของล้ำค่าได้ 5 ชิ้น เขาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเมื่อได้รู้ว่าของล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่บนชั้นล้วนแต่เป็นสินแร่

อันที่จริง การประเมินมูลค่าของสินแร่ไม่ได้ยากเกินไป ตราบใดที่รู้คุณสมบัติที่ถูกต้องของสินแร่ ก็พอจะประเมินมูลค่าของมันได้ แต่หากเป็นการทดสอบ ก็ดูไม่เข้าท่าที่จะใช้สินแร่ที่มีมูลค่าทัดเทียมกันทั้งหมด…อำมาตย์เฉินหลิงคิดอะไรอยู่?

หลังจากประเมินสินแร่ไปได้ 10 ก้อน ในที่สุดก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มของล้ำค่า-สมุนไพร

สมุนไพรบางชนิดที่วางอยู่บนชั้นยังคงสดใหม่ ขณะที่บางส่วนถูกตากแห้งหรือแห้งเหี่ยวไปแล้ว ทำให้ยากที่จะคาดเดาว่ามันคืออะไร เมื่อความสามารถอันมีขีดจำกัดของอู๋เทาในฐานะนักตรวจสอบสมบัติแวบเข้ามาในสมอง จางเซวียนก็ตั้งใจเดินช้าลง

สำหรับพืชบางชนิด เขาแสร้งทำเหมือนกับว่าไม่อาจประเมินมูลค่าของมันได้ ต้องนำสมุดเล่มหนึ่งออกมาเพื่อจดบันทึก ดูเหมือนกำลังพยายามจะหาข้อสรุปที่ดีที่สุด

“เอาล่ะ วันนี้เราจะจบการตรวจสอบสมบัติเพียงเท่านี้ พวกคุณกลับไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้การตรวจสอบสมบัติจะดำเนินต่อไป!”

ในเวลาเดียวกัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอกห้องโถง จากนั้น ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินตรงเข้ามาที่ใจกลางห้อง

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset