อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1614

จางเซวียนมาจากตระกูลหลัว?

ด้วยความจนปัญญา จางเซวียนเหลียวซ้ายแลขวามองหาหลัวลั่วชิงท่ามกลางฝูงชน เห็นเธอเอาแต่ส่งยิ้มสดใสพร้อมกับแสดงกิริยาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ ราวกับกำลังพูดว่า ‘คุณก่อเรื่องเอง ก็แก้ไขเองก็แล้วกัน ทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้นแหละ’

จางเซวียนรู้ทันทีว่าคงพึ่งพาเธอให้ช่วยฉุดเขาออกจากปัญหาครั้งนี้ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหลัวกั้นเจินและผู้อาวุโสคนอื่นๆตามลำพัง

“ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกคุณ แต่…ผมเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี เกรงว่าคงจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้าตระกูล”

“น้องเทียนหยา ถ้านั่นคือสิ่งที่คุณกังวลล่ะก็ ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย คุณปล่อยกิจธุระเบ็ดเตล็ดต่างๆไว้ให้เป็นภาระของผู้อาวุโสที่ 1 หลัวชิงเฉินกับผมก็ได้ ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือเรียกรวมพลสมาชิกตระกูลหลัวของเราในยามคับขัน ส่วนเวลาที่เหลือ คุณก็สามารถออกไปท่องโลกได้อย่างอิสระเสรี หรือจะปลีกวิเวกก็ได้หากคุณต้องการ” หลัวกั้นเจินรีบตอบ

การถูกตระกูลจางปฏิเสธทำให้ตระกูลหลัวเสื่อมเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรีมาก ในช่วงเวลาแบบนี้ พวกเขาต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง ที่สามารถชักนำเหล่าสมาชิกตระกูลหลัวให้มั่นใจว่าตระกูลหลัวยังแข็งแกร่งและไม่ได้ตกต่ำ!

ในเมื่อหลัวเทียนหยาสามารถเอาชนะได้แม้แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ หากเขาได้เป็นหัวหน้าตระกูลหลัว ก็คงจะสามารถเรียกชื่อเสียงของตระกูลหลัวกลับคืนมา และทำให้ทั้งโลกได้รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนที่ใครจะมารังแกได้!

ในเวลาเดียวกัน โลกก็จะได้รู้ด้วยว่าพวกตระกูลจางโง่เง่าแค่ไหนที่หันหลังให้พวกเขา

“ผม…” เมื่อเห็นว่าไม่มีทางปฏิเสธ จางเซวียนจึงจำเป็นต้องหงายไพ่ใบสุดท้าย “ถึงผมจะใช้แซ่หลัว แต่ผมก็เป็นสมาชิกของครอบครัวที่ห่างไกลมาก สายเลือดตระกูลหลัวของผมเบาบางเสียจนแทบไม่อาจตรวจจับได้ด้วยซ้ำ ผมเกรงว่าคงจะไม่เหมาะสมหากผมขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล…”

“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน ผู้อาวุโสที่ 1, นำอ่างตรวจสอบเลือดมา” หลัวกั้นเจินสั่งการก่อนจะหันกลับมาพูดกับจางเซวียน “น้องเทียนหยา ถ้าไม่รบกวนคุณเกินไป พวกเราขอตรวจสอบสายเลือดของคุณนะ”

“ตรวจสอบสายเลือดของผม?” จางเซวียนพยักหน้าช้าๆ “ถ้าความบริสุทธิ์ของสายเลือดของผมต่ำเกินไปล่ะก็ ผมคงต้องขอร้องคุณว่าอย่าขอให้ผมขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลหลัวอีกเลย!”

ในเมื่อเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลัว การตรวจสอบสายเลือดก็จะต้องลงเอยด้วยผลเป็นลบ ซึ่งจากผลที่ได้ เขาก็จะมีเหตุผลที่เหมาะสมในการปฏิเสธคำขอของหลัวกั้นเจิน

หลัวกั้นเจินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “เอาอย่างนั้นก็ได้!”

ถ้าสายเลือดตระกูลหลัวของชายวัยกลางคนผู้นี้เบาบางเกินไป เขาก็จะให้อีกฝ่ายแต่งงานกับลูกสาวของเขาเพื่อเพิ่มสายเลือดตระกูลหลัวให้เข้มข้นขึ้น

ในอีกแง่หนึ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ผู้ที่สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารแห่งมิติและการสกัดกั้นมิติก็จะต้องขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล ลำพังแค่บุคคลที่สามารถคลี่คลายศาสตร์ลับของมรดกตกทอดของตระกูลหลัวก็เพียงพอที่จะนำพาตระกูลหลัวขึ้นจากความตกต่ำแล้ว

เมื่อได้ฟังคำสั่งของหลัวกั้นเจิน ผู้อาวุโสที่ 1 หลัวชิงเฉินก็รีบจากไป และไม่ช้าก็กลับมา

ด้วยการสะบัดข้อมือ สิ่งที่มีลักษณะคล้ายเข็มทิศก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันลอยอย่างเงียบเชียบอยู่ที่ใจกลางเวที

“นี่คืออ่างตรวจสอบเลือด มันใช้ประเมินระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดตระกูลหลัวภายในตัวนักรบ ทั้งหมดมี 10 ระดับ แต่ละระดับประกอบด้วยความบริสุทธิ์ 1 ใน 10 ของสายเลือดของผู้ก่อตั้ง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ‘1’ หมายถึงนักรบผู้นั้นมีสายเลือดเพียง 1 ใน 10 ของผู้ก่อตั้ง ส่วน ‘10’ ก็หมายถึงนักรบผู้นั้นมีสายเลือดที่เทียบเท่ากับผู้ก่อตั้งเลยทีเดียว! สมาชิกตระกูลหลัวคนหนึ่งจะต้องมีความบริสุทธิ์ของสายเลือดอย่างน้อย ‘3’ ถึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอได้เป็นสมาชิกฝ่ายใน หากได้ ‘1’ ก็ถือว่าเป็นสมาชิกทั่วไป และหากต่ำกว่านั้น ก็จะถูกตัดออกไปเป็นครอบครัวสาขา” หลัวชิงเฉินอธิบาย

เขาเงยหน้าขึ้นมองจางเซวียนด้วยแววตาคาดหวัง “น้องเทียนหยา ถึงคุณจะมาจากครอบครัวสาขา แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าคุณสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิตินั้นก็บ่งบอกแล้วว่าความปราดเปรื่องของคุณสูงส่งอย่างไม่มีใครเทียบ ขอแค่สายเลือดของคุณผ่านระดับ ‘1’ ไปได้ คุณก็จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นหัวหน้าตระกูลของพวกเราแล้ว จะไม่มีใครในตระกูลหลัวกล้าคัดค้านเรื่องนี้เลย!”

“สูงกว่า ‘1’?” จางเซวียนนึกไม่ถึงว่าจะมีการแบ่งชั้นของสายเลือดภายในตระกูลแบบนี้ มันเหมือนกับของล้ำค่าที่บ่งบอกว่าเขาเป็นทายาทน้อยผู้ไร้เทียมทานของตระกูลจางตั้งแต่เขายังไม่เกิดมา

เมื่อลองคิดดู ในตอนนั้น สายเลือดตระกูลจางของเขาอาจจะอยู่ที่ระดับ ‘8’ ‘9’ หรือ ‘10’ ก็ได้!

“ใช่แล้ว! น้องเทียนหยา คุณแค่ต้องหยดเลือดลงไปหยดหนึ่งในอ่างตรวจสอบเลือด แล้วเข็มทิศก็จะแสดงผลออกมาทันที” หลัวชิงเฉินพูด

“อย่างนั้นก็ได้ แต่ผมขอบอกไว้ก่อนนะว่าถึงอย่างไรสายเลือดของผมก็เบาบางมาก ผมหวังว่าพวกคุณคงจะไม่หยิบยกเรื่องการรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลขึ้นมาอีกหลังจากผมผ่านการทดสอบนี้แล้ว!” จางเซวียนพูด

ในฐานะทายาทตระกูลจาง สายเลือดของเขาย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหลัวอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวล

จางเซวียนหยดเลือดของเขาหยดหนึ่งลงไปในอ่างตรวจสอบเลือด มันดำดิ่งลงไปที่ใจกลาง

วิ้ง!

เกิดเสียงหวีดหวิวเบาๆขึ้นกลางอากาศ แล้วหยดเลือดนั้นก็กลายเป็นเปลวไฟ ดูเหมือนจะถูกกระตุ้นจากพลังงานบางอย่าง เข็มทิศหมุนติ้วอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

ฟึ่บ!

ครู่ต่อมา มันก็หยุดกึก ตัวเลขที่เข็มชี้ไปคือ ‘9’!

“จะเป็น 9 ได้อย่างไร? อ่างตรวจสอบเลือดจะต้องทำงานผิดพลาดแน่!” ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของจางเซวียน เขาแทบเสียสติกับผลลัพธ์อันเหลวไหลนั้น

เขาเป็นทายาทตระกูลจางนะ จะมีสายเลือดตระกูลหลัวได้อย่างไร…แถมยังบริสุทธิ์ขนาดนี้ด้วย?

หรือว่า…เซียนดาบชิงเหมิงทำอะไรผิดพลาด? แต่เลือดของเขาก็หลอมรวมเข้ากับเลือดของเซียนดาบเหมิงได้อย่างสมบูรณ์แบบนี่! รอเดี๋ยว…เขาได้ตรวจสอบสายเลือดตระกูลจางในตัวเขาแล้ว และไม่มีร่องรอยของมันอยู่เลย นั่นหมายความว่า…

เกิดระเบิดย่อมๆขึ้นในหัวสมองของจางเซวียน ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก

ขณะที่จางเซวียนยังคงจังงังกับผลที่ออกมา ทั้งหลัวกั้นเจิน หลัวชิงเฉินและคนอื่นๆต่างก็ยืนอึ้ง ความยินดีปรีดาอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้เข้าครอบงำทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความดีใจ หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงสถานภาพของตัวเอง ก็คงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความลิงโลดไปแล้ว!

ความบริสุทธิ์ของสายเลือดระดับ ‘9’…หมายความว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ได้เป็นแค่สมาชิกตระกูลหลัว แต่เป็นสมาชิกหลักของตระกูลที่มีความสำคัญมากกว่าพวกเขาเสียอีก!

ไม่แปลกใจแล้วที่อีกฝ่ายสามารถทำความเข้าใจแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติได้ หรือต่อให้เขาทำไม่ได้ ลำพังแค่ความบริสุทธิ์ของสายเลือดก็ทำให้เขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปแล้ว

รู้ดีว่านี่คือโอกาสที่จะเดินหมากขั้นต่อไป หลัวกั้นเจินประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม “คารวะหัวหน้าตระกูลหลัว!”

ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็เข้าใจเจตนาของหลัวกั้นเจินอย่างรวดเร็ว พวกเขารีบโค้งคำนับ “คารวะหัวหน้าตระกูลของพวกเรา!”

ก่อนหน้านี้ พวกเขากดดันหลัวเทียนหยาให้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเพราะไม่มีทางเลือก แต่หลังจากได้เห็นความบริสุทธิ์ของสายเลือดของอีกฝ่าย ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ชายวัยกลางคนผู้นี้หลุดมือไปได้

พวกเขาจับจ้องจางเซวียนตาเป็นมัน ราวกับเสือร้ายที่พบเหยื่อ

“ผม…ผมมาจากครอบครัวสาขาจริงๆ ไม่มีทางมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลของพวกคุณ…” จางเซวียนประท้วงอย่างจนปัญญา

เมื่อคิดได้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คงจะอึ้งตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหัน หลัวกั้นเจินอธิบายพร้อมกับยิ้มให้ “น้องเทียนหยา อย่าถ่อมตัวไปเลย มรดกตกทอดของสายเลือดตระกูลหลัวของเราอาจถูกส่งต่อโดยบังเอิญ ผู้ที่มาจากครอบครัวหลักอาจให้กำเนิดทายาทที่มีสายเลือดตระกูลหลัวเบาบางได้ เช่นเดียวกัน นานทีปีหนก็จะมีทายาทจากครอบครัวสาขาที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าทายาทจากครอบครัวหลักเสียอีก ทำให้เกิดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้น”

“ก็เพราะเหตุนี้ ทางตระกูลจึงได้จัดการตรวจสอบสายเลือดของทายาททุกคนในตระกูลหลัว ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากครอบครัวหลักหรือครอบครัวสาขา คุณอาจมาจากครอบครัวสาขาก็จริง แต่ลำพังแค่ความบริสุทธิ์ของสายเลือดของคุณ คุณก็มีคุณสมบัติเกินพอที่จะได้กลับสู่ครอบครัวหลักและขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปของพวกเราแล้ว!”

ก็คงจะไม่เรียกว่าผิดพลาดเสียทีเดียวหากจะพูดว่ามรดกตกทอดของสายเลือดนั้นเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแบบสุ่มได้

อันที่จริง ตลอดระยะเวลาแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานของตระกูลหลัว ก็มีหลายกรณีที่สายเลือดในครอบครัวหลักต้องเสื่อมไป และใครบางคนจากครอบครัวสาขาได้ยกระดับสายเลือดขึ้นแทน

ถึงตระกูลหลัวจะตรวจสอบสายเลือดของทายาททุกคนที่เกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นจากครอบครัวหลักหรือครอบครัวสาขา แต่ก็ย่อมมีการตกหล่นไปบ้าง โดยเฉพาะเมื่อตระกูลได้ขยายขนาดออกไปมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายกรณีที่ทายาทซึ่งเติบโตมาจากครอบครัวสาขาได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาครอบครองสายเลือดตระกูลหลัวที่มีความบริสุทธิ์อย่างน่าทึ่ง ดังนั้น หลัวกั้นเจินกับคนอื่นๆจึงไม่ได้แปลกใจอะไรมากมายกับเรื่องนี้

“น้องเทียนหยา ผมขอวิงวอนให้คุณขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลัวของพวกเราเพื่อความยิ่งใหญ่! สายเลือดของคุณถือเป็นหนึ่งในสายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลหลัวของเรา แถมคุณก็สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของมิติและการสกัดกั้นมิติด้วย ไม่มีใครที่จะคู่ควรกับตำแหน่งนี้ยิ่งกว่าคุณอีกแล้ว!”

“ตระกูลหลัวของเราเพิ่งเผชิญกับความตกต่ำอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาแบบนี้ เราต้องการผู้นำผู้ทรงพลังอย่างคุณที่สามารถปลุกใจทุกคนได้”

“มีแต่คุณคนเดียวที่จะรวมพวกเราให้เป็นหนึ่งได้อีกครั้ง!”

“หากคุณไม่ยอมตกลงล่ะก็ ตระกูลหลัวของเราจะต้องเสื่อมลงไปอีก”

เหล่าผู้อาวุโสพากันวิงวอน เพิ่มความกดดันให้กับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้น จางเซวียนแทบจะทึ้งผมด้วยความคลุ้มคลั่ง

เขาตอบตกลงยอมรับการตรวจสอบเลือดก็เพื่อจะอ้างความชอบธรรมในการปฏิเสธตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหลัว ใครจะไปคิดว่าลงท้ายจะกลายเป็นการต้อนตัวเองให้จนมุม?

หลังจากที่พอจะระงับสติอารมณ์ได้ จางเซวียนก็สูดหายใจลึกและพูดว่า “ผม…พูดตามตรงกับพวกคุณนะ เหตุผลที่ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อจะถ่ายทอดการฝึกฝนวรยุทธเรื่องแก่นสารแห่งมิติและการสกัดกั้นมิติให้กับพวกคุณทุกคน ผมไม่ได้มาเพื่อแสวงหาเกียรติยศหรืออำนาจ…”

ฟึ่บ!

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เข่าคู่หนึ่งก็ทรุดลงกับพื้น หลัวชวนฉิงกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาด้วยแววตาที่บ่งบอกความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น

“หลัวชวนฉิงคารวะท่านอาจารย์!”

“ฮะ?”

จางเซวียนถึงกับใบ้กิน

คุณบอกว่าผมทำอะไรรวดเร็วพรวดพราด แต่คุณไม่ใช่หรือที่พรวดพราดยิ่งกว่าผมเสียอีก? จู่ๆก็มารับผมเป็นอาจารย์ แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset