อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1841 การสืบทอด

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1841 การสืบทอด

บึ้มมม! บึ้มมม! บึ้มมม!

เมื่อการดวลครั้งสุดท้ายระหว่างสองอำมาตย์เริ่มต้น รอยแยกมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นกลางอากาศ ท่ามกลางกระแสพลังงานพลุ่งพล่าน ผู้เฝ้าดูจะรู้สึกได้ถึงร่องรอยของเลือดสีแดงก่ำที่หยดลงสู่พื้น

ฝูงชนเฝ้ามองอย่างหนักใจขณะที่ใบหน้าของอำมาตย์เฉินหย่งซีดเผือดลงเรื่อยๆ เขาขับเคลื่อนร่างยับเยินของตัวเองจนเกินพิกัด

อำมาตย์เฉินหย่งยังไม่ฟื้นตัวจากบาดแผลรุนแรงที่ได้รับเมื่อครั้งถูกนักรบนับไม่ถ้วนตีวงล้อมที่วิหารแห่งขงจื๊อ และเมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งถูกเทพเจ้าเล่นงานอย่างจัง คงไม่เป็นการพูดเกินจริงหากจะบอกว่าตอนนี้ร่างของเขาไม่เหลืออะไรแล้ว

เป็นเพราะเจตจำนงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เท่านั้นที่ทำให้เขายังยืนอยู่ได้

“เฮ่อออ…” จางเซวียนส่ายหัวขณะเบือนหน้าไป ไม่อยากเห็นการดวลอีก

แม้จะเป็นการต่อสู้อย่างสูสีระหว่างสองผู้เชี่ยวชาญ แต่จางเซวียนก็แน่ใจว่าอำมาตย์เฉินหย่งน่าจะคว้าชัยชนะและสังหารอำมาตย์เฉินหลิงได้ด้วยน้ำมือของเขา

การต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายระหว่างผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธทัดเทียมกันนั้นจะลงเอยด้วยการทำลายเจตจำนงของอีกฝ่าย ซึ่งเจตจำนงของอำมาตย์เฉินหย่งมีพละกำลังมากกว่า

ในตอนนั้น จางเซวียนรู้สึกได้ถึงความสับสนล้ำลึกภายในใจ เพราะระหว่างวันคืนที่เขาใช้เวลากับอำมาตย์เฉินหย่ง ก็มีความเคารพในตัวอีกฝ่าย แม้จะเกิดความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอำมาตย์เฉินหย่งคือบุคคลที่น่าทึ่ง พูดกันตามตรง เขาไม่อาจทนดูอำมาตย์เฉินหย่งต้องพบจุดจบได้

แต่สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ความตายของอำมาตย์เฉินหย่งคือสิ่งที่ดีที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น ตราบใดที่หอกข้างแคร่อันนี้ยังมีชีวิตรอดและควบคุมเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อยู่ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายต่อไป

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกและหันมามองศพที่กองอยู่กับพื้น

ก็เหมือนร่างของไอ้โหด ศพของเทพเจ้ามีความแข็งแกร่งทนทานอย่างน่าอัศจรรย์ แทบจะทำให้เกิดความบอบช้ำเสียหายใดๆกับมันไม่ได้เลย แม้ชีวิตจะหลุดลอยไปแล้ว แต่ร่างนั้นก็ยังแผ่รังสีน่าสะพรึงออกมาและทำให้มนุษย์ทั่วไปไม่อยากเข้าใกล้

แม้แต่จางเซวียนซึ่งมีพละกำลังเทียบเท่ากับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วงเมื่อเข้าใกล้ศพ

หลังจากตรวจสอบร่างของเทพเจ้าอย่างถี่ถ้วน จางเซวียนก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

เขาเคยคิดว่าน่าจะมีของดีๆหลายอย่างอยู่ในร่างของเทพเจ้า เพราะอีกฝ่ายมาจากมิติเบื้องบน แต่ใครจะไปรู้ว่าหมอนี่ไม่มีอะไรอยู่กับตัวเลย?

อันที่จริง แม้แต่แหวนเก็บสมบัติสักวงก็ไม่มีให้เห็นด้วยซ้ำ

น่าจะเป็นเพราะการนำทรัพย์สมบัติข้ามมิติเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หรือไม่ก็เสียค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว จางเซวียนคิดขณะโยนศพเทพเจ้าเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติด้วยการโบกมือ

แม้จะน่าเสียดายที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอื่นใดให้เก็บ แต่ลำพังร่างนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว ถ้าเขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณได้สำเร็จ ก็จะเป็นผู้ที่ไม่มีใครเทียบชั้นได้ในทวีปแห่งปรมาจารย์!

หลังจากจางเซวียนตรวจสอบร่างของเทพเจ้าเสร็จไปไม่นาน การต่อสู้ระหว่างสองอำมาตย์ก็สิ้นสุดลง เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ แม้อำมาตย์เฉินหลิงจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้มากแล้ว แต่ลงท้ายก็ไม่อาจเทียบชั้นได้กับอำมาตย์เฉินหย่งที่บาดเจ็บสาหัส

ฟึ่บ!

ด้วยการตวัดกระบี่ ศีรษะของอำมาตย์เฉินหลิงหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ แม้เมื่อมันตกลงกระแทกพื้นแล้ว ก็ยังเห็นแววตาไม่อยากเชื่อของเขา

“ปะ-เป็นแบบนี้ได้อย่างไร? คะ-คุณ…แข็งแกร่งกว่า…”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของอำมาตย์เฉินหลิงก่อนที่เขาจะหลับตา

ในวินาทีสุดท้าย อำมาตย์เฉินหลิงรู้สึกว่าทุกอย่างที่เขาได้เผชิญไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความฝันอันยาวนาน ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนต่อสู้สักแค่ไหน จนแม้เมื่อทุกอย่างจบสิ้น ก็ยังไม่อาจเหนือชั้นไปกว่าร่างสูงตระหง่านของอำมาตย์เฉินหย่งได้ ไม่เคยเลยแม้สักครั้ง

ร่างไร้ชีวิตของอำมาตย์เฉินหลิงทรุดฮวบลงกับพื้น

เห็นนายน้อยของเขาจ้องศพอำมาตย์เฉินหลิงนัยน์ตาเป็นมัน อำมาตย์เฉินหย่งรีบพาร่างอ่อนระโหยเข้ามาและพูดว่า “นายน้อย ถึงอำมาตย์เฉินหลิงจะเคยทำผิดไว้มากมาย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ ผมอยากฝังร่างของเขาไว้ที่สุสานหลวง”

แม้อำมาตย์เฉินหลิงจะทรยศ แต่ก็เคยเป็นหนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ ตามธรรมเนียมของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ ร่างของเขาจะต้องถูกฝังไว้ในสุสานหลวง

ถ้าเขาปล่อยให้จางเซวียนใช้ศพของอำมาตย์เฉินหลิงหลอมเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณ ศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณคงป่นปี้ไม่มีเหลือ

“ถ้าอย่างนั้นก็คงทำอะไรไม่ได้” จางเซวียนพยักหน้าขณะหันหน้าไปอีกทางด้วยความเสียดาย

“ขอบคุณมาก นายน้อย” อำมาตย์เฉินหย่งถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

ทันทีที่เขาทรุดตัวลงนั่ง ก็รู้สึกได้ว่าพลังงานหยาดหยดสุดท้ายเหือดแห้งไปจากร่างของเขาราวกับน้ำที่ระเหยออกจากกระสอบ วรยุทธของเขาตกฮวบ ดูเหมือนเขาจะแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว

“หยางหลิว มานี่…” อำมาตย์เฉินหย่งร้องเรียกผู้สืบทอดที่เขาเลือกไว้ด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย

“ฝ่าบาท…” หลิวหยางเดินเข้าไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ

เขาไม่ได้ใช้เวลากับอำมาตย์เฉินหย่งมากนัก แต่อีกฝ่ายดูแลเขาด้วยความจริงใจมาตลอด เขารู้สึกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณต่ออำมาตย์เฉินหย่ง

“จุดจบของผมเข้ามาใกล้เต็มที คุณเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวในตระกูลของอำมาตย์เฉินหย่ง และผมก็ได้ถ่ายทอดมรดกฉบับสมบูรณ์ให้คุณแล้ว ขอให้ผมได้มอบของขวัญชิ้นสุดท้ายให้คุณด้วย”

เมื่อพูดจบ อำมาตย์เฉินหย่งก็ยกมือขึ้นแล้วยึดตัวหลิวหยางไว้

ฟึ่บ!

หลิวหยางรู้สึกได้ทันทีว่ามิติโดยรอบแข็งทื่อไป ทำให้เขาขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้

ราวกับจะรู้ว่าอำมาตย์เฉินหย่งคิดจะทำอะไร หลิวหยางร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “ฝ่าบาท!”

หลังจากจับหลิวหยางให้อยู่กับที่แล้ว อำมาตย์เฉินหย่งก็หันไปถามจางเซวียน “นายน้อย ผมขอยืมนิรันดร์กาลแห่งนักปราชญ์โบราณของคุณได้ไหม?”

จางเซวียนโยนผืนผ้าใบสี่ฤดูให้อำมาตย์เฉินหย่งโดยไม่ลังเล

อำมาตย์เฉินหย่งคลี่ภาพวาดออกอย่างช้าๆ แล้วดึงกระแสพลังงานจากภายในออกมา จากนั้นเขาก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและทาบฝ่ามือลงบนหน้าผากของหลิวหยาง

ฟิ้ววววว!

พลังงานทั้งหมดภายในร่างของเขาพุ่งเข้าสู่ร่างของชายหนุ่มที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้

“มันคือการถ่ายทอดวรยุทธ! เขารู้ว่าจุดจบของตัวเองกำลังมาถึงแล้ว และไม่อยากให้วรยุทธที่เขา สั่งสมมาชั่วชีวิตต้องหายสาบสูญไป จึงตั้งใจจะถ่ายทอดทุกอย่างให้ผู้สืบทอดของเขา” นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิงอุทาน

การถ่ายทอดวรยุทธคือกระบวนการที่ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งส่งมอบวรยุทธของเขาให้กับใครอีกคน แม้จะฟังดูง่ายดาย แต่กระบวนการที่แท้จริงนั้นซับซ้อน ทั้งยังมีความเสี่ยงมาก

ข้อแรก ทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการถ่ายทอดวรยุทธจะต้องมาจากเชื้อสายตระกูลเดียวกัน เพื่อจะได้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการปะทะกันของพลังงาน, ข้อ 2 ผู้ที่กระทำการถ่ายทอดวรยุทธจะต้องเตรียมใจยอมรับความตายไว้แล้ว เพราะความพยายามแบบครึ่งๆกลางๆจะทำให้เกิดแรงตีกลับที่ไม่อาจเยียวยาได้กับทั้งสองฝ่าย และข้อ 3 การควบคุมพลังงานจะต้องทำด้วยความละเอียดลออสูงสุด เพราะความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจะส่งผลกระทบร้ายแรงตามมา

เทคนิควรยุทธที่หลิวหยางฝึกฝนคือเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่าย แม้เขาจะไม่สามารถเปลี่ยนธรรมชาติของพลังงานได้อย่างอิสระเหมือนจางเซวียน แต่ก็สามารถเลียนแบบพลังปราณของเชื้อสายตระกูลอำมาตย์เฉินหย่งได้อย่างแนบเนียน นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้อำมาตย์เฉินหย่งตัดสินใจเลือกหลิวหยางเป็นผู้สืบทอด

ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนั้น อำมาตย์เฉินหย่งจะไม่มีวันกล้าทำการถ่ายทอดวรยุทธให้หลิวหยางเลย

บึ้มมมม!

ภายใต้กระแสพลังงานดุเดือด วรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกของหลิวหยางค่อยๆสลายไป ขณะที่นิรันดร์กาลแห่งนักปราชญ์โบราณไหลเข้าสู่ร่างของเขา ด่านคอขวดที่เคยสกัดกั้นวรยุทธไว้ก็ระเบิดออก

บึ้มมมม!

นักปราชญ์โบราณ, สำเร็จแล้ว!

รู้ดีว่าการทดสอบนักปราชญ์โบราณจะต้องตามมาเร็วๆนี้ อำมาตย์เฉินหย่งจึงไม่กล้าเสียเวลา เขาถ่ายทอดพลังงานเข้าสู่ร่างของหลิวหยางอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ระดับวรยุทธของอีกฝ่ายพุ่งพรวด

เมื่อวรยุทธของหลิวหยางเข้าถึงขั้นนักปราชญ์โบราณ ทางเดินพลังปราณของเขาก็กว้างขึ้นอีกมาก ทำให้ซึมซับพลังงานได้ในอัตราความเร็วที่สูงกว่าเดิม

ราว 10 นาทีต่อมา อำมาตย์เฉินหย่งก็ถ่ายทอดพลังงานทุกหยดเข้าสู่ร่างของหลิวหยางจนหมดสิ้น ทำให้ร่างกายของเขาเหือดแห้ง

ครืนนนน!

ในตอนนั้น การทดสอบสายฟ้าก็มาถึง

หลิวหยางกระโจนขึ้นสู่กลางอากาศอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับการทดสอบสายฟ้า

กระบวนการนั้นดำเนินไปเกือบชั่วโมงก่อนที่หลิวหยางจะลงมาจากกลางอากาศ แม้จะดูยับเยินไปเล็กน้อย แต่ก็เอาชนะการทดสอบวรยุทธได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนัก ทำให้กลายเป็นนักปราชญ์โบราณอย่างเต็มตัว

“ผมมอบพลังของผมให้คุณหมดแล้ว ค่อยๆซึมซับมันนะ แล้วคุณจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้ภายในเวลาเพียง 1 เดือน…”

หลังจากสูญเสียพลังงานไปหมด อำมาตย์เฉินหย่งก็ดูแก่ไปอีกหลายสิบปี รูปลักษณ์ที่เคยงามสง่าของเขาแปรสภาพเป็นชายแก่บอบบางที่แม้แต่จะยกมือสักข้างหนึ่งก็ยังยาก

“ขอบคุณมาก ฝ่าบาท!” หลิวหยางทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและโค้งคำนับอย่างงาม

ถึงอีกฝ่ายจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าน้ำตาปริ่มขอบตา

แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่อำมาตย์เฉินหย่งจะหายดี ต่อให้ใช้ทักษะการรักษาโรคที่เป็นปาฏิหาริย์ของท่านอาจารย์ของเขา แต่ก็ไม่น่าจะยากเกินไปที่อีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสัก 2-3 ปี แต่การที่อำมาตย์เฉินหย่งถ่ายทอดพลังงานทั้งหมดให้เขาก็หมายความว่าความหวังเหล่านั้นหลุดลอยไปแล้ว เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจมีชีวิตรอดต่อไปไม่ได้อีกแม้แต่วันเดียว

“ผมจะมอบเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณทั้งเผ่าไว้ในมือของคุณ ได้โปรดดูแลพวกเขาให้ดีแทนผมด้วย!” อำมาตย์เฉินหย่งยิ้มอย่างอ่อนโยน “นับจากวันนี้ไป คุณจะรับตำแหน่งของผมในฐานะอำมาตย์เฉินหย่ง!”

ขณะที่พูดคำนั้น อำมาตย์เฉินหย่งก็ยกมือเหี่ยวย่นขึ้นวางไว้เหนือศีรษะของหลิวหยาง มงกุฎอันหนึ่งปรากฏขึ้นภายใต้การสัมผัสของเขา แผ่พละกำลังในแบบที่ไม่มีใครกล้ามองข้าม

นี่คือสัญลักษณ์แห่งอำนาจของผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ

อำมาตย์เฉินหย่งไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นสมญานาม ใครก็ตามที่ได้รับมงกุฎจะได้รับการเรียกขานว่าอำมาตย์เฉินหย่งผู้ยิ่งใหญ่

“ผม…” หลิวหยางตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น

มีคำพูดมากมายที่เขาอยากพูด แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก

“ผมตัดสินใจตั้งแต่วินาทีที่ท้าทายอำมาตย์เฉินหลิงเข้าสู่การดวลแล้ว…” อำมาตย์เฉินหย่งส่ายหน้า

แต่ขณะที่พูดไปได้ครึ่งเดียว ลมหอบใหญ่ก็พัดกรรโชกมาจากระยะไกล ร่างหนึ่งพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“อำมาตย์เฉินชิง?”

เมื่อเห็นว่าร่างนั้นเป็นใคร รอยย่นแห่งความกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน ร่างของพวกเขาตึงเขม็งด้วยความหวาดระแวง

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset