อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1855 โม่วเซียวท้าดวล

ชายหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเพื่อนรักของเจิ้งหยางที่เติบโตมาด้วยกัน

ในครั้งนั้น ทั้งสองเข้าสู่โรงเรียนหงเทียนอย่างฮึกเหิม สาบานต่อกันและกันว่าจะเข้าเรียนในชั้นเรียนของอาจารย์หว่างเชาและเป็นลูกศิษย์ของเขาให้ได้ สุดท้าย โม่วเซียวก็ทำสำเร็จ แต่เพราะการแสดงออกที่ล้มเหลวระหว่างการประเมิน เจิ้งหยางจึงสูญเสียโควต้าของเขาให้ซุนจ้านและลงเอยด้วยการเป็นลูกศิษย์ของจางเซวียน

ในเวลานั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวจะพลิกผันไปแบบนี้

ผู้ที่ผ่านการประเมินยังคงติดแหงกอยู่ในอาณาจักรเทียนเซวียน มีชื่อเสียงเลื่องลือแค่ภายในกำแพงโรงเรียนหงเทียนเท่านั้น แต่ผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินกลับผงาดขึ้นมาเหนือชั้นและได้เป็นหัวหน้าสภายอดขุนพล ซึ่งในแง่ของพละกำลัง มีคนเพียงไม่ถึงหยิบมือที่สามารถต่อสู้กับเขาได้

บางครั้ง แผนการที่โชคชะตาวางไว้ก็น่าพิศวงเหลือเกิน

“คุณคือ…” เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย โม่วเซียวอดขมวดคิ้วไม่ได้

ในฐานะนักปราชญ์โบราณ ถ้าเจิ้งหยางไม่ต้องการให้ใครที่มีวรยุทธอ่อนด้อยกว่าจดจำเขาได้ ก็ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา ดังนั้น ต่อให้พี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันก็จดจำเขาไม่ได้

“ผมคือเจิ้งหยาง!” เจิ้งหยางพูดขณะคลายการปลอมตัว เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา

“เจิ้งหยาง?” ได้ยินชื่อที่คุ้นหูและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย โม่วเซียวนัยน์ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที

ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งยังฝึกฝนศิลปะเพลงหอกร่วมกันด้วย กว่า 1 ปีแล้วที่พวกเขาแยกจากกัน โม่วเซียวคิดอยู่เสมอว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้พบกันอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าเพียงไม่นานจะได้เจอเจิ้งหยางอีก

หลังจากความตื่นเต้นบรรเทาลง โม่วเซียวตั้งคำถาม “คุณจากไปกับปรมาจารย์จางไม่ใช่หรือ? ทำไมถึง…”

ตามที่เขารู้มา จางเซวียนประสบความสำเร็จในการทดสอบเป็นปรมาจารย์ เป็นหน้าเป็นตาและความภาคภูมิใจของอาณาจักรเทียนเซวียน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะอาณาจักรเทียนเซวียนแยกตัวออกจากโลกภายนอก โม่วเซียวจึงไม่รู้อะไรมากนัก

“พอดีผมว่าง จึงกลับมาพบคุณกับคนอื่นๆ” เจิ้งหยางตอบยิ้มๆ

เขาดูออกว่าอีกฝ่ายอยากรู้ว่าเขาพบเจออะไรบ้างตลอดปีที่ผ่านมาแต่ด้วยสัตย์จริง เจิ้งหยางไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายอย่างไร อีกอย่าง ก็ไม่มีใครในอาณาจักรเทียนเซวียนที่รู้เรื่องสภายอดขุนพลหรือนักปราชญ์โบราณ…

โม่วเซียวจะเข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งที่เขาพยายามอธิบายหรือเปล่า?

“เยี่ยมเลย! คุณอยู่กับปรมาจารย์จางตั้งนาน คงสำเร็จวรยุทธนักรบขั้น 8-จงซรือแล้วใช่ไหม? นานแล้วนะตั้งแต่เราดวลกันครั้งสุดท้าย ผมจะบอกให้ว่าตลอดปีที่ผ่านมาผมได้เรียนศิลปะเพลงหอกอันไร้เทียมทาน และวรยุทธของผมก็เข้าถึงระดับ 7-ทงฉวน ขั้นสูงสุดแล้ว ขอดูหน่อยเถอะว่าคุณพัฒนาไปได้แค่ไหนตลอดปีที่ผ่านมา!”

โม่วเซียวสะบัดมือและชักหอกออกจากกลางหลัง เขาชี้ปลายหอกเข้าใส่เจิ้งหยาง เจตจำนงของการต่อสู้แผ่ซ่านออกจากร่างของเขา

เขาไม่เคยพบคู่ดวลที่เหมาะสมอีกเลยตั้งแต่เจิ้งหยางจากไป และคันไม้คันมืออยากเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเต็มที เมื่อได้เห็นเจิ้งหยางต่อหน้าต่อตา จะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปโดยไม่สู้กันสักหน่อยได้อย่างไร?

“จงซรือ? ทงฉวนขั้นสูงสุด? ศิลปะเพลงหอก?” เจิ้งหยางไม่แน่ใจว่าควรแสดงปฏิกิริยาต่อสถานการณ์นี้อย่างไร เขามองโม่วเซียวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ทำไมเราไม่นั่งคุยกันแทนล่ะ?”

ผ่านไปเพียง 1 ปี แต่วรยุทธขั้นเหล่านั้นดูจะห่างไกลจากเขาจนแทบจดจำมันไม่ได้อีกแล้ว

“อะไรกัน? คุณกลัวหรือว่าผมจะพลั้งมือทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ? ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ผมควบคุมพละกำลังของผมได้ดี ผมจะยั้งมือไว้ถ้าเห็นว่าคุณใช้พละกำลังเต็มพิกัดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแน่เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง!” โม่วเซียวหัวเราะลั่น

“เอ่อ…” เจิ้งหยางเกาหัวอย่างละอายใจ

นักปราชญ์โบราณอย่างเขาจะมาดวลกับนักรบขั้น 7-ทงฉวน จะไม่เป็นการรังแกกันเกินไปหรือ?

โม่วเซียวขมวดคิ้วเมื่อเห็นความลังเลของเจิ้งหยาง “คุณดูถูกผมใช่ไหม หรือกลัวว่าจะถูกเหยียดหยามหากพ่ายแพ้?”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

เห็นโม่วเซียวเข้าใจไปอีกอย่าง เจิ้งหยางไม่รู้จะทำอย่างไร เขาส่ายหน้าอย่างจนปัญญาก่อนจะชักหอกเล่มที่อ่อนด้อยที่สุดที่เขามีอยู่ออกมา

“เราจะดวลกันที่ไหน?”

“อ้อ? คุณมีแหวนเก็บสมบัติด้วย! ไม่เลวเลย ดูเหมือนปรมาจารย์จางจะดูแลคุณอย่างดี” เห็นหอกที่ปรากฏในมือของเจิ้งหยาง นัยน์ตาของโม่วเซียวเป็นประกายด้วยความอิจฉา เขาชี้นิ้วไปแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ของผมกำลังจะเปิดชั้นเรียนที่นี่ เราไปที่สังเวียนประลองกันเถอะ”

“เขาไม่มีแหวนเก็บสมบัติ…” เห็นช่องว่างระหว่างพวกเขา เจิ้งหยางสายหน้าอย่างขมขื่นใจ รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกัน”

ทั้งคู่ออกเดินไปยังสังเวียนประลองที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก

“ไปดูกันเถอะ!”

ในเมื่อการบรรยายยังไม่เริ่ม จางเซวียนกับคนอื่นๆจึงตัดสินใจตามไป

ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นนักต้มตุ๋นกลุ่มนั้นคุ้นเคยกันดีกับศิษย์พี่ของเธอ สาวน้อยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจตามไปด้วย

ทั้งเจิ้งหยางและโม่วเซียวกระโจนขึ้นไปบนสังเวียนประลองที่อยู่ใกล้ที่สุด ทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาทันที

เห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกัน เจิ้งหยางรีบปกปิดรูปลักษณ์และรังสีของเขาเพื่อที่ผู้ชมจะได้ไม่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง

“โม่วเซียวคืออัจฉริยะเพลงหอกผู้โด่งดังในโรงเรียนของเรา ด้วยวรยุทธของเขา แม้แต่เหล่าอาจารย์และผู้อาวุโสก็เทียบชั้นกับเขาไม่ได้ หมอนั่นมีดีมาจากไหนถึงกล้าดวลกับโม่วเซียว?”

ผมก็ไม่รู้ ก็แค่มาดูคนถูกซ้อมเท่านั้นแหละ!”

“ฮ่าฮ่า! เหมือนผมเลย!”

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โม่วเซียวพัฒนาตัวเองขึ้นมากภายใต้คำชี้แนะของลู่ฉวิน ไม่ว่าจะเป็นด้านวรยุทธหรือความเข้าใจในศิลปะเพลงหอก เขาเข้าถึงวรยุทธขั้นจงซรือแล้ว มีผู้คนไม่มากนักทั่วทั้งโรงเรียนหงเทียนที่เทียบชั้นกับเขาได้ นับประสาอะไรกับเจ้าหนุ่มที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้!

ส่วนลู่ฉวินก็รู้สึกได้ถึงความอึกทึกครึกโครมที่เกิดขึ้น ไม่ช้าเขาก็รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรจากเสียงพูดคุยกันในหมู่ฝูงชน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ กวาดสายตามองผู้คนที่กำลังจ้องดูการดวลด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า “ในเมื่อพวกเขากำลังจะดวลกัน ผมก็จะใช้การดวลครั้งนี้เป็นหัวข้อในการบรรยายของผม ผมจะพูดถึงความสำคัญของศิลปะเพลงหอกที่มีต่อการต่อสู้ที่แท้จริง”

“ว้าว! นั่นคงจะเป็นการบรรยายที่น่าสนใจมาก!”

“เยี่ยมเลย ผมชอบฟังอาจารย์ลู่บรรยายเรื่องแนวคิดการต่อสู้ในเชิงปฏิบัติ”

“คงไม่มีบทเรียนไหนที่จะยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของเราได้มากกว่านี้อีกแล้ว วันนี้ถือว่าไม่สูญเปล่า!”

เมื่อได้ยินว่าลู่ฉวินจะเปิดการบรรยายเรื่องการใช้ศิลปะเพลงหอกเพื่อการต่อสู้ เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ก็ดังขึ้นในหมู่ฝูงชน ความตื่นเต้นถึงขีดที่เกินกว่าจะต้านทาน ทุกคนรีบหันไปมองสังเวียนประลอง

“ฮ่าฮ่า มาเลย!”

เห็นทุกสายตาจับจ้องที่เขา รวมทั้งท่านอาจารย์ของเขาด้วย โม่วเซียวรู้สึกฮึกเหิมกว่าที่เคย เขาพุ่งหอกเข้าใส่เจิ้งหยางด้วยพละกำลังเต็มพิกัด

วิ้ววววววว!

ความเร็วของหอกนั้นว่องไวมากจนผู้ชมได้ยินเสียงหวีดหวิวดังลั่นอยู่กลางอากาศ

“การโจมตีของโม่วเซียวนั้นไม่เลวเลย ท่วงท่าของเขาแม่นยำและลื่นไหลโดยปราศจากความลังเล เหมือนกระแสน้ำในแม่น้ำ แก่นสารของศิลปะเพลงหอกอยู่ที่กระบวนท่าอันลื่นไหล เมื่อตัดสินใจแล้ว กระบวนท่าของผู้นั้นจะต้องรวดเร็วราวสายฟ้าเพื่อสร้างแรงกดดันอันทรงพลังที่ตรงเข้าเล่นงานคู่ต่อสู้ นักรบขั้นจงซรือโดยทั่วไปก็คงต้านทานการโจมตีที่โม่วเซียวเพิ่งสำแดงออกไปได้ยาก”ลู่ฉวินอธิบายอย่างสุขุมขณะพยักหน้าอย่างพอใจ

ในขณะเดียวกัน เจิ้งหยางก็รู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก

ท่วงท่าของศิลปะเพลงหอกที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเชื่องช้าเหลือเกินไม่ต่างอะไรกับหอยทาก แถมมันยังอ่อนด้อยเสียจนถ้าหากเขาตอบโต้โดยไม่ระมัดระวัง ก็จะลงเอยด้วยการทำให้เพื่อนของเขาได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้ทำให้เขาไม่รู้จะทำอย่างไร

การตอบโต้ไม่ใช่ทางเลือก แต่ถ้าไม่ตอบโต้ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีเช่นกัน…ลำบากใจเสียจริง!

“อย่างที่ผมบอก ความแรงจากการโจมตีของโม่วเซียวเล่นงานคู่ต่อสู้ของเขาได้อยู่หมัด ทำให้อีกฝ่ายตื่นตระหนกอย่างแรง”

เห็นเจิ้งหยางไม่ยอมขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ลู่ฉวินพยักหน้า“ศิลปะเพลงหอกที่ผมถ่ายทอดให้โม่วเซียวมีศูนย์กลางอยู่ที่พละกำลัง พละกำลังที่แท้จริงของมันอยู่ที่การควบคุมกระแสการต่อสู้ผ่านเรี่ยวแรงที่ปล่อยออกมา เพื่อฝึกฝนโม่วเซียว ผมพาเขาไปที่น้ำตกแห่งหนึ่งและให้เขาต้านทานพละกำลังของสายน้ำตลอดระยะเวลา 3 เดือน กว่าจะเข้าถึงระดับที่เป็นอยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคู่ต่อสู้ของเขากำลังจะ-จะ-จะ…”

ยังไม่ทันจะพูดจบ ลู่ฉวินก็ปากสั่นไม่หยุด

หอกของโม่วเซียวแทงทะลุดวงตาของเจิ้งหยางอย่างจัง และจากนั้น…

มันก็สลายไป

เป็นหอกที่สลายตัวไป

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset