อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1938 ต้องจบให้เร็วที่สุด!

ในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนจะเกิดพายุหิมะขึ้นบนสังเวียน ปล่อยบรรยากาศเย็นยะเยือกออกไปโดยรอบ ทุกกระบวนท่าและการโจมตีของเจ้าเมืองเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดที่สังเวียนประลองเริ่มเกิดรอยร้าว

“น่าทึ่งจริงๆ!” จางเซวียนพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

เขาใช้พละกำลังถึง 1 ใน 8 แต่เฉว่เหยาก็ยังควบคุมทิศทางการต่อสู้ไว้ได้ด้วยเทคนิคอันแข็งแกร่ง

อันที่จริง ต่อให้เขาใช้พละกำลัง 1 ใน 7 การต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังยืดเยื้ออยู่ดี

เขาคงต้องใช้พละกำลังอย่างน้อย 1 ใน 6 เพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดที่จางเซวียนเคยเจอนับตั้งแต่มาถึงมิติเบื้องบน…เขาเพิ่งจะฟื้นคืนสติได้เพียงวันเดียวเท่านั้น แต่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ทดสอบทักษะของตัวเอง

ขณะที่จางเซวียนเริ่มจะพลิกมาถือไพ่เหนือกว่า ความพรั่นพรึงในดวงตาของเฉว่เหยาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนอย่างที่คนอื่นๆพูดไว้ ศิลปะเพลงกระบี่ที่เขาสำแดงออกมาคือกระบวนท่าเหมันต์สีเงิน เทคนิคนี้ทำให้เขารักษาพละกำลังและความเร็วในการโจมตีอย่างต่อเนื่องไว้ได้ ขอแค่เขามีเวลามากพอ ก็จะกลายเป็นนักสู้ผู้บ้าคลั่งในสังเวียน สามารถฉีกกระชากทุกอย่างที่ขวางทาง

แต่วันนี้อะไรๆดูจะไม่เป็นไปตามคาด เขาคิดว่าเขาน่าจะเล่นงานอีกฝ่ายได้ในทันทีที่ผนึกเอาพละกำลังและความเร็วเต็มพิกัดเข้าด้วยกัน…แต่ใครจะไปคิดว่าหมอนี่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อการต่อสู้ดำเนินไป!

มือไม้ของเขาเป็นเหน็บชาไปหมดเพราะการใช้พลังเต็มพิกัด ง่ามนิ้วก็มีเลือดไหลซึม

“ต้องจบให้เร็วที่สุด!”

อาการบาดเจ็บที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะส่งผลขัดขวางประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขา และนั่นจะเป็นโอกาสให้เจ้าโลกพลิกผันสถานการณ์มาเอาชนะได้ รู้ดีว่าจะต้องไม่ปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อ เฉว่เหยาตัดสินใจทุ่มสุดตัว เขาคำรามกร้าวและพุ่งกระบี่เข้าใส่

ฟิ้ววววว!

กระแสกระบี่ฉีทั้งหมดที่เฉว่เหยาปล่อยเข้าใส่จางเซวียนรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นพายุทอร์นาโดลูกใหญ่

พละกำลังที่แท้จริงของกระบวนท่าเหมันต์สีเงินไม่ได้อยู่ที่การผนึกเอาพละกำลังของกระบี่เข้าด้วยกัน แต่เป็นการปล่อยกระแสกระบี่ฉีจากการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งให้อบอวลอยู่ในพื้นที่การประลอง ซึ่งจะทำให้เขาเปิดการโจมตีขั้นเด็ดขาดที่มีพละกำลังรุนแรงเกินพิกัดของตัวเองได้!

“กระเสือกกระสนไปให้พอใจ ถึงอย่างไรคุณก็แพ้แน่” เฉว่เหยาคำรามใส่จางเซวียนขณะที่หัวใจเต้นรัวอยู่ในอก

นี่คือเทคนิคเหนือชั้นที่สุดของเขาหรือ?

เห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทรงพลังขึ้นเรื่อยๆจนถึงระดับที่ต่อให้ใช้พละกำลัง 1 ใน 6 ก็ยังรับมือได้ยาก จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะตัดสินใจ “ช่างมันเถอะ เราต้องโจมตีแล้ว!”

แต่หลังจากใช้ความคิด ก็ยังรู้สึกว่าศิลปะเพลงกระบี่เทียบฟ้าที่เขาได้ฝึกฝนมาออกจะทรงพลังไปหน่อย จางเซวียนจึงกระดิกนิ้วเบาๆ แล้วกระบี่ในมือของเขาก็พุ่งแหวกอากาศออกไป

“เทคนิคนี้ใช้กับกระบี่ได้ด้วยหรือ?” อวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกถึงกับจังงัง

พวกเขาดูออกว่าชายหนุ่มตั้งใจจะโยนกระบี่ออกไปเหมือนกับที่เคยโยนดาบใส่พวกเขา

แต่มันจะได้ผลหรือไง? ทั้งรูปร่างและน้ำหนักของกระบี่กับดาบนั้นต่างกันมาก ซึ่งความแตกต่างเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำแบบนี้จะดีหรือ?

ก่อนที่ความสงสัยของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้น กระบี่ก็พุ่งหวือแหวกอากาศออกไปด้วยเสียงดังสนั่น

ฟึ่บ!

เพียงชั่วพริบตา มันก็ไปจ่อตรงหน้าเฉว่เหยา

เฉว่เหยาหน้าแดงก่ำ เขารีบเงื้อกระบี่ขึ้นเพื่อปัดป้อง แต่ก็พบว่าการตอบโต้ของเขาพลาดเป้า

ฉึกกกก!

กระบี่นั้นเสียบเข้าที่ศีรษะของเขาอย่างเหมาะเจาะ

แม้ในตอนนั้นเฉว่เหยาจะแพ้แล้ว แต่ด้วยพละกำลังสูงส่งในฐานะนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติ เขาจึงยังคงสภาพร่างของตัวเองไม่ให้สลายเป็นอากาศธาตุได้ครู่หนึ่ง

“คุณ…คุณเอาชนะผมได้ตั้งแต่แรกเลยหรือ?” เฉว่เหยาจ้องจางเซวียนด้วยนัยน์ตาเบิกโพลงจนแทบทะลุออกจากเบ้า

เขาได้ยินเรื่องร่ำลือมามากว่าอีกฝ่ายมีความเชี่ยวชาญในการโยนดาบ

เขาคิดว่าเหตุผลที่หมอนี่ไม่ได้โยนอาวุธใส่เขาก็เพราะไม่อาจสำแดงเทคนิคอันทรงพลังแบบเดิมกับกระบี่ได้ แต่ข้อสันนิษฐานของเขาไม่เป็นความจริง…คู่ต่อสู้ใช้เทคนิคเดิมกับกระบี่ได้ แถมยังทำได้อย่างง่ายดายด้วย

การขว้างกระบี่นั้นทรงพลังเสียจนเขาไม่อาจปัดป้องได้แม้จะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ถ้าหมอนี่ใช้กระบวนท่านี้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่มีโอกาสได้ต่อสู้

พูดอีกอย่างก็คือ ที่ผ่านมาคู่ต่อสู้แค่เล่นเกมกับเขา ทุกอย่างที่เขาทำลงไปคงดูไม่ต่างอะไรกับปาหี่ในสายตาของอีกฝ่าย

“คุณยอมควักเงินตั้ง 400,000 เหรียญนิรันดร์เพื่อการดวลครั้งนี้ คงน่าเสียดายมากถ้าต้องพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียว ผมก็เลยเพิ่มมูลค่าให้เงินของคุณอีกหน่อยด้วยการยื้อการดวลให้ยาวนานออกไป…” จางเซวียนสารภาพด้วยความอับอาย

พลั่ก!

เฉว่เหยากระอักเลือดออกมา

เพิ่มมูลค่าเงินกับผีอะไร!

ถ้าคุณอยากเพิ่มมูลค่าเงินให้ผมจริงๆ อย่างน้อยก็ควรจะบอกว่าคุณใช้พละกำลังสูงสุด! ไอ้การเปิดเผยทีหลังว่าที่ผ่านมาคุณออมมือให้ผมมาตลอดนี่…ผมควรจะรู้สึกดีหรือไง?

เพ้อเจ้อเหลวไหลอย่างไร้ยางอาย!

“ผมจะยอมแพ้ แต่ก็เห็นชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ได้ใช้พละกำลังเต็มพิกัด ผมอยากรู้ว่าคุณใช้พละกำลังของคุณไปแค่ไหน?” เฉว่เหยารวบรวมลมหายใจเฮือกสุดท้ายตั้งคำถาม

การที่อีกฝ่ายยังรับมือกับเขาได้ทั้งที่เขาเพิ่มพละกำลังและความเร็วของศิลปะเพลงกระบี่แล้ว ก็หมายความว่าหมอนี่ต่อสู้กับเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วอีกฝ่ายทรงพลังแค่ไหน

“ผมใช้พละกำลังแค่ไหนหรือ?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจตอบตามจริง

“คุณไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เหยาะแหยะเหมือนคนอื่นๆ คุณทำให้ผมปล่อยพละกำลังออกมา 0.1666666666… เอาเถอะ คุณคงเข้าใจเรื่องทศนิยมไม่รู้จบใช่ไหม?”

“อะไรนะ?” เฉว่เหยาชะงัก

ผมถามคุณว่าคุณสำแดงพละกำลังออกมาแค่ไหน แล้วเป็นบ้าอะไรถึงพูดตัวเลข 6 ออกมาเป็นชุดยืดยาวขนาดนั้น?

ฟึ่บ!

เมื่อต้านทานไม่ไหว ร่างของเฉว่เหยาสลายไปทันที

บริเวณนั้นเงียบงัน ขณะที่ฝูงชนพากันเลิกคิ้ว

พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าโลกจะพูดความจริง เพราะไอ้จุดทศนิยมมากมายนั่นคืออะไร? ในโลกนี้ไม่มีใครควบคุมพละกำลังได้ละเอียดลออขนาดนั้น!

ทศนิยมไม่รู้จบ? ไม่รู้จบบ้านคุณน่ะสิ!

จะทำตัวให้เหมือนผู้เชี่ยวชาญกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?

ขณะที่ทุกคนกลอกตาใส่เจ้าโลก เฉว่ชิงก็หน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง

เธอพอเข้าใจการที่หัวเจียงเหอพ่ายแพ้ให้กับเจ้าโลก เพราะถึงอย่างไร เขาก็ยังหนุ่มและยังไม่ได้เข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง แต่ท่านพ่อของเธอเป็นถึงเจ้าเมืองชวนเจียง, นักปราชญ์โบราณขั้น 4 ผู้ทำลายล้างมิติ ในแง่ของความเข้าใจเรื่องวรยุทธและความเชี่ยวชาญในเทคนิคการต่อสู้ เขาเข้าถึงระดับที่ลึกซึ้งแม้จะเทียบกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของเมืองแสงดาว แต่ท่านพ่อก็ยังเอาชนะเจ้าโลกไม่ได้เมื่อวรยุทธของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน…

หมอนั่นโผล่มาจากไหน? ทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไร?

ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในเมืองแสงดาว ป่านนี้ชื่อเสียงของเขาก็น่าจะโด่งดังแล้ว

“ตอนนี้เราก็แค่อยู่ห่างจากหอนิรันดร์ไว้ เราไม่เชื่อหรอกว่าหมอนั่นจะกล้าไปสร้างความวุ่นวายที่สำนักเจ้าเมือง ถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับรนหาที่ตาย!” เฉว่ชิงกำหมัดแน่นขณะตัดสินใจเด็ดเดี่ยว

จะเป็นคนรับใช้หรือไม่เป็น? ขอแค่เธอไม่เข้าสู่หอนิรันดร์ หมอนั่นจะทำอะไรเธอได้?

ถึงเจ้าโลกจะเอาชนะท่านพ่อของเธอได้ที่นี่ แต่เธอก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าท่านพ่อ

หลังจากบอกตัวเองเป็นมั่นเหมาะ เฉว่ชิงรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ฟึ่บ!

เกิดแสงสว่างวาบก่อนที่ร่างของเธอจะหายวับไป

“พวกคุณนี่ไม่เอาไหนเลย ถามหาความจริงทำไมในเมื่อรับไม่ได้?” จางเซวียนส่ายหน้าอย่างระอาและถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาดูออกว่าเฉว่เหยากับฝูงชนที่ชมการดวลไม่เชื่อเขา ในฐานะผู้รักความสมบูรณ์แบบ หากเขาพูดออกไปว่าสำแดงพละกำลังเพียงแค่ 1 ใน 6 ของที่มี ก็หมายความว่าเขาใช้พละกำลัง 1 ใน 6 ของที่มีจริงๆ ซึ่งจะเท่ากับ 0.1666666…

เขาก็ตรงไปตรงมาสุดๆแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ…ทำตัวเป็นคนดีนี่มันยากจริง!

จางเซวียนถอนหายใจอีกเฮือก เขาเดินลงจากสังเวียนประลองและมุ่งหน้าไปยังเคาน์เตอร์ลงทะเบียน จางเซวียนทำลายหลักฐานที่บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่และตัวตนของเขาไว้ก่อนจะยื่นบัตรนิรันดร์ออกไป

เพราะหัวเจียงเหอเสียชีวิตพร้อมกับอาวุธของเฉว่ชิง อาวุธนั้นจึงถูกส่งคืนกลับสู่ระบบโดยอัตโนมัติ และมูลค่าของมันจะตกเป็นของจางเซวียน ตอนนี้เขาจึงมีเงินอยู่ในบัตรทั้งหมด 600,000 เหรียญนิรันดร์

จางเซวียนรีบใช้เงินซื้อแหวนเก็บสมบัติคุณภาพดีวงหนึ่ง และขณะที่กำลังจะออกจากหอนิรันดร์ ชายผู้หนึ่งที่เขาเคยเอาชนะตอนอยู่บนสังเวียนประลอง, เมฆผงาด ก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุดแนะนำตัวเล่มหนึ่งในมือ

“ผู้อาวุโสเจ้าโลก, ผู้อาวุโสลู่จากสำนักของเราอยากขอพบคุณเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณสะดวกไหม?”

“ผู้อาวุโสลู่?” จางเซวียนพึมพำ

ในเมื่อเมฆผงาดมาจากสำนักดาบเมฆเหิน ก็แปลว่าผู้อาวุโสลู่ที่เขาพูดถึงคือผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก?

“ก็ได้” จางเซวียนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาพยักหน้าโดยไม่ลังเล

ผู้ที่จะได้เป็นผู้อาวุโสของ 1 ใน 6สำนักใหญ่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับมิติเบื้องบนไม่น้อย นี่คือโอกาสดีที่เขาจะได้เรียนรู้เรื่องราวของกลุ่มอำนาจต่างๆในมิติเบื้องบน โดยเฉพาะตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ

ตอนที่จางเซวียนอยู่ที่สนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ด้วยการพลีชีพของหวู่เฉิน พวกเขาเรียกเทพเจ้าจากมิติเบื้องบนมาได้ ซึ่งอีกฝ่ายพูดว่าเธอจะยอมเปิดเผยที่อยู่ของหลัวลั่วชิงก็ต่อเมื่อเขาสามารถเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ นี่คือคำบอกใบ้ที่ชัดเจนที่สุดสำหรับการตามหาหลัวลั่วชิง

จางเซวียนตามหลังเมฆผงาดไป ไม่ช้าก็มาถึงห้องที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา

นอกจากสังเวียนสำหรับการดวลอย่างเป็นทางการ หอนิรันดร์ยังมีสถานที่พิเศษให้นักรบได้เจรจาหารือกันอย่างเป็นส่วนตัวด้วย ห้องลับพวกนี้เป็นที่มั่นใจได้เรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าคนในห้องจะพูดอะไร ผู้ที่อยู่ด้านนอกจะไม่มีทางได้ยินสักคำ

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่ใจกลางห้อง มีชายอีก 4 คนยืนอยู่ด้านหลัง ซึ่งก็คือคู่ต่อสู้ทั้ง 4 ที่จางเซวียนปราบจนราบคาบในสังเวียนประลอง แต่ละคนมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่มีใครเต็มใจจะสบตาเขา

น่าประหลาดใจที่นัยน์ตาวารีก็อยู่ในกลุ่มคนทั้ง 4 ด้วย ดูเหมือนเขาจะได้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันใหม่และกลับเข้ามาอีกครั้ง

ทันทีที่จางเซวียนเดินเข้าไป ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นรีบลุกขึ้นยืนและแนะนำตัวอย่างสุภาพ “ผมคือผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักดาบเมฆเหิน, ลู่อวิ๋น”

“ยินดีที่ได้พบคุณ ผู้อาวุโสลู่!” จางเซวียนประสานมือและทักทาย “ผมคือเจ้าโลก”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset