อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1973 ผมน่ะถ่อมตัว

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1973 ผมน่ะถ่อมตัว

ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินเดินเข้ามาและตั้งคำถาม “คุณยังไม่ยอมฝ่าด่านวรยุทธอีกหรือ คิดจะกดข่มวรยุทธไปอีกนานแค่ไหน?”

“ผมอยากขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบของผมก่อน เรื่องการฝ่าด่านวรยุทธน่ะพร้อมทุกเมื่ออยู่แล้ว” หลิวลู่จี่ตอบ

“คุณขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบของคุณมา 3 ปีแล้วนะ” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินตั้งข้อสังเกต

“3 ปีน่ะยังไม่นานพอหรอก ผมได้ยินว่าเทพดาบสิบลี้ในสำนักของเราขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบของเขาอยู่ถึง 10 ปีเต็มก่อนจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นเสมือนอมตะ เพราะการสั่งสมพละกำลังแบบนี้ที่ทำให้เขาสร้างวีรกรรมครั้งใหญ่ได้ ถึงสติปัญญาของผมจะอ่อนด้อยกว่า แต่ผมก็เชื่อว่าความอดทนของผมจะต้องพาผมให้ประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง” หลิวลู่จี่ตอบ

“พูดก็พูดเถอะ ออกจะแปลกอยู่นะที่คุณแวะมาเยี่ยมเยียนผม อยากดวลหรือไง?”

“ไม่ ผมสู้คุณไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินตอบพร้อมกับโบกมือ จากนั้นนัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายขณะพูดต่อ “จูเหยียนจื่อกับเว่ยสุ่ยเฟิงเพิ่งมาพบผม ทั้งคู่พูดอะไรบางอย่างซึ่งผมรู้สึกว่าน่าสนใจมาก คุณอยากฟังไหม?”

“สองคนนั่นมัวเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอยู่เสมอแทนที่จะฝึกฝนวรยุทธ ผมว่าสิ่งที่พวกเขาพูดออกมาไม่มีความหมายอะไรหรอก” หลิวลู่จี่พูด “ผมอยากฝึกฝนวรยุทธต่อ เพราะฉะนั้นคงต้องขอให้คุณกลับไปก่อน”

“เฮ่ เฮ่ อย่ารีบร้อนไล่ผมแบบนั้น อย่างน้อยก็ให้ผมพูดจบก่อนน่ะ ดีไหม?” ราวกับรู้อยู่แล้วว่าหลิวลู่จี่จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินโบกมืออย่างสบายใจและยิ้มให้ “สองคนนั้นบอกว่ามีนักดาบผู้ทรงพลังคนหนึ่งเพิ่งปรากฏตัวในหอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน ขนาดทั้งคู่ ใช้ศิลปะเพลงดาบเล่นงานหมอนั่นแล้ว ก็ยังบีบให้อีกฝ่ายเปิดเผยไม้ตายของเขาไม่ได้!”

“อ้อ? สองคนนั่นลดตัวขนาดนั้นเลยหรือ?” หลิวลู่จี่ชะงักกับข่าวที่ได้รับ “ถึงจูเหยียนจื่อกับเว่ยสุ่ยเฟิงจะเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระอยู่เสมอ แต่พวกเขาก็เข้ามาอยู่ในสำนักดาบเมฆเหินได้หลายปีแล้ว”

“วรยุทธของสองคนนั้นคือนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก และอย่างน้อย ศิลปะเพลงดาบของพวกเขาก็จัดว่าเหนือกว่ามาตรฐาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถบีบคู่ต่อสู้ให้เปิดเผยไม้ตายของตัวเองก่อนจะยอมแพ้ได้หรือ? เรื่องนั้น…ไม่น่าเป็นไปได้!”

“พวกเขานำบันทึกภาพมาด้วย ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คุณอยากดูไหมล่ะ?” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินถาม

“ก็ได้ ผมจะให้สองคนนั้นเข้ามา” หลิวลู่จี่พยักหน้า

“ได้สิ” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีน้ำเงินหันไปที่ประตูแล้วตะโกน “พวกคุณได้ยินไหม เข้ามาได้!”

ไม่ช้า ชายหนุ่มคนหนึ่งกับหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ทั้งคู่คือคู่ต่อสู้ที่จางเซวียนได้พบที่หอนิรันดร์, จูเหยียนจื่อกับแสงสนธยา

แน่นอนว่าแสงสนธยาเป็นแค่สมญานาม ชื่อจริงของเธอคือเว่ยสุ่ยเฟิง

“คารวะศิษย์พี่หลิวและศิษย์พี่หวัง!”

ทันทีที่ทั้งคู่มาถึง ก็รีบโค้งคำนับอย่างงาม

ชาย 2 คนที่คุยกันก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากศิษย์สายตรงฝ่ายในหมายเลข 1 หลิวลู่จี่ และศิษย์สายตรงฝ่ายในหมายเลข 3 หวังเจี้ยนตง

“คุณบอกว่ามีนักดาบผู้เก่งกาจคนหนึ่งเพิ่งปรากฏตัวในหอนิรันดร์หรือ?” หลิวลู่จี่มองทั้งคู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ใช่แล้ว ศิษย์พี่หลิว” จูเหยียนจื่อพยักหน้า เขารีบนำผลึกบันทึกออกมายื่นให้ “นี่คือบันทึกภาพการดวลของพวกเรากับเขา ลองดูสิ!”

หลิวลู่จี่ชำเลืองมองหวังเจี้ยนตงก่อนจะเคาะนิ้วเบาๆลงบนผลึกบันทึกเพื่อถ่ายทอดกระแสพลังปราณเข้าไป

วิ้งงงง!

ผลึกบันทึกเริ่มปลดปล่อยภาพออกมา

หลังจากเฝ้าดูได้ครู่หนึ่ง หลิวลู่จี่ตาโตด้วยความประหลาดใจ “เขามองเห็นข้อบกพร่องในเทคนิคขั้นสุดยอดของคุณและเอาชนะได้ด้วยกระบวนท่าที่เรียบง่ายที่สุดแบบนั้นหรือ?”

ในฐานะนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของหลิวลู่จี่จัดว่าน่าทึ่ง การดวลระหว่าง ‘ผมน่ะถ่อมตัว’ กับจูเหยียนจื่อใช้เวลาไม่นานนัก แต่หลิวลู่จี่ก็ยังดูออกว่าศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย!

หมอนั่นมองเห็นจุดอ่อนของเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวได้ภายในแวบเดียว…นั่นเป็นสิ่งที่แม้ตัวเขาก็ยังทำได้ยาก

แน่นอนว่าเขาไม่อาจปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอีกฝ่ายอาจมีความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบนั้นอยู่แล้ว เพราะใครก็ตามที่ได้เป็นศิษย์สายตรงและมีเหรียญสำนักดาบมากพอ ก็สามารถเข้าถึงหนังสือและทำสำเนารายละเอียดของมันได้ง่ายๆ

แต่ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวมีความเข้าใจในเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวเป็นอย่างดี ก็ไม่น่าจะทำแบบเดียวกันได้กับเพลงดาบพายุคลั่งและเพลงดาบที่ใช้การจ้วงแทงดาบถึง 10 ครั้งติดต่อกัน!

ตลอดระยะเวลาหลายพันปีของการสร้างความก้าวหน้า สำนักดาบเมฆเหินรวบรวมศิลปะเพลงดาบที่บรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในสามารถเข้าถึงได้ไว้อย่างน้อยก็หนึ่งแสนชนิด และเพื่อให้โดดเด่นจากคนอื่นๆ ศิษย์สายตรงส่วนใหญ่จึงมักเลือกศิลปะเพลงดาบที่มีลักษณะพิเศษกว่าทั่วไป

ต่อให้ผมน่ะถ่อมตัวบังเอิญศึกษาเพลงดาบหัวใจโดดเดี่ยวและเพลงดาบพายุคลั่งมาก่อน ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้กับศิลปะเพลงดาบที่ใช้การจ้วงแทง 10 ครั้งรวด มันจะประหลาดขนาดไหนถ้าอีกฝ่ายเลือกศึกษาศิลปะเพลงดาบเหมือนจูเหยียนจื่อทั้งหมด

และจะว่าไป ก็ไม่มีเวลามากพอให้ทำอย่างนั้นด้วย!

เพียงเท่านี้ก็พอสันนิษฐานได้แล้วว่าผมน่ะถ่อมตัวไม่ได้เอาชนะได้เพราะมีความคุ้นเคยอยู่ก่อนในศิลปะเพลงดาบเหล่านั้น แต่น่าจะเป็นเพราะความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาเข้าถึงระดับที่สูงมาก ทำให้มองเห็นจุดอ่อนในศิลปะเพลงดาบของคนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย

หลังจากนั้นก็เป็นการดวลระหว่างผมน่ะถ่อมตัวกับเว่ยสุ่ยเฟิง การดวลครั้งนี้สั้นกว่าครั้งแรก เพียงเสี้ยววินาที ดาบก็ถูกจ่อเข้าที่ลำคอของเว่ยสุ่ยเฟิงแล้ว

“ประสิทธิภาพการต่อสู้ของหมอนั่นไม่ได้ด้อยไปกว่าผมเลย!” หลิวลู่จี่หรี่ตาขณะตั้งข้อสังเกต เขาโยนผลึกบันทึกคืนให้จูเหยียนจื่อ

“ใช่ ผมก็คิดว่าหมอนี่น่าสนใจมาก หลังจากดูผลึกบันทึกแล้วผมจึงมาพบคุณ” หวังเจี้ยนตงพูด “ว่าอย่างไร? สนใจจะดวลกับเขาไหม?”

“แน่นอน!” หลิวลู่จี่ตอบ สัญชาตญาณการต่อสู้แผดกล้าอยู่ในดวงตาของเขา “ความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของผมมาถึงด่านคอขวดแล้ว ผมอยากสู้กับใครสักคนที่มีพละกำลังระดับเดียวกัน เพื่อกระตุ้นศักยภาพและผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธ ผมเชื่อว่าเขานี่แหละคือคู่ต่อสู้ที่เหมาะกับผมที่สุด!”

เหตุผลที่เขากดข่มวรยุทธมาตลอดก็เพื่อขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบและพัฒนาความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบให้มีมากขึ้น

แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครในบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายในเทียบชั้นกับเขาได้เลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องสู้กับศิษย์สายตรงฝ่ายในคนอื่นๆ ก็จะต้องออมมือเล็กน้อยทุกครั้ง ดังนั้นจึงได้แต่ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมปรากฏตรงหน้า

เขาเชื่อมั่นว่านี่คือบุคคลที่คู่ควรกับการที่เขาจะต่อสู้ด้วยพละกำลังเต็มพิกัด!

“ว่าแต่หมอนั่นเป็นใคร? ถ้าเขามีความเข้าใจอย่างล้ำลึกขนาดนี้ในศิลปะเพลงดาบ ก็น่าแปลกที่พวกเราไม่เคยพบเขามาก่อน หรือว่าจะเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดปลอมตัวมา?” หวังเจี้ยนตงตั้งคำถามด้วยความสงสัย

“ไม่น่าเป็นไปได้” หลิวลู่จี่ส่ายหน้า “ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดภาคภูมิใจในตำแหน่งของพวกเขามาก ไม่มีใครยอมลดตัวลงมาเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายในเพื่อลับฝีมือหรอก!”

“แต่…ถ้ามีผู้เก่งกาจขนาดนี้อยู่ในหมู่พวกเราจริงๆ เราก็ควรจะได้พบเขาแล้ว พวกเราอยู่ในสำนักมาก็เนิ่นนาน” หวังเจี้ยนตงยังคงสงสัย

หลิวลู่จี่มีความเห็นแบบเดียวกัน

บรรดาศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมีสถานภาพเป็นสุดยอดของสำนัก จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะลดตัวลงมาเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงฝ่ายในเพียงเพื่อกลั่นแกล้งศิษย์สายตรงฝ่ายในสัก 2-3 คน เพราะนั่นคือการลดทอนศักดิ์ศรีของตัวเอง

“สำนักดาบเมฆเหินอยู่มาหลายพันปีแล้ว มีศิษย์สายตรงฝ่ายในมากมายที่อุทิศเวลาให้กับการฝึกฝนเจตจำนงเพลงดาบ พวกเขาไม่แยแสชื่อเสียงหรือเงินทอง และไม่ต้องการเป็นจุดสนใจด้วย อาจดูเหมือนว่าผมคือผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่อันที่จริง ยังมีศิษย์สายตรงฝ่ายในอีกมากมายที่ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าผมเลยหากพวกเขาแสดงพละกำลังที่แท้จริงออกมา” หลิวลู่จี่พูด

ตัวเขามีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของบรรดาศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่ก็ไม่ได้หลงระเริงกับชื่อเสียงนั้น

มีศิษย์สายตรงฝ่ายในอีกมากของสำนักดาบเมฆเหินที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงดาบตัวจริง ก็เหมือนกับนักบวชผู้ปลีกวิเวก พวกเขาฝึกปรือวรยุทธอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากเพื่อบ่มเพาะสภาวะจิตและเจตจำนงเพลงดาบของตัวเอง โดยหวังว่าจะได้ความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบที่สุดในวิถีของเพลงดาบมา

คนเหล่านั้นไม่ใส่ใจเรื่องการจัดอันดับ หลังจากที่ผ่านการทดสอบของศิษย์สายตรงฝ่ายในแล้ว พวกเขาก็จะทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกฝน ด้วยเหตุนี้ อันดับของพวกเขาจึงไม่สูงนัก

แต่ใครก็ตามที่โง่เง่าพอจะสบประมาทคนเหล่านี้ก็มีแต่จะต้องตกตะลึง

แม้แต่หลิวลู่จี่ก็ยังไม่กล้าประมาทเลินเล่อหากต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น

“จริงด้วย นักดาบพวกนั้นน่าสะพรึงมาก” หวังเจี้ยนตงพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง

หลิวลู่จี่มองจูเหยียนจื่อกับเว่ยสุ่ยเฟิงและสั่งการ “รายงานผมทันทีที่ผมน่ะถ่อมตัวมาที่หอนิรันดร์อีกครั้ง ผมอยากเห็นศิลปะเพลงดาบของเขา!”

“วางใจเถอะศิษย์พี่หลิว คนของผมตรึงกำลังพร้อมแล้ว ทันทีที่พบหมอนั่น ก็จะรายงานผมทันที” จูเหยียนจื่อตอบยิ้มๆ

ทันใดนั้น เขาก็สะบัดข้อมือแล้วมองลงไปที่ตราหยกสื่อสาร จากนั้นก็ตาโตด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์พี่หลิว ผมเพิ่งได้ข่าวว่าผมน่ะถ่อมตัวเข้ามาที่หอนิรันดร์!”

“เจี้ยนตง ไปดูกัน!”

หลิวลู่จี่นำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของเขาออกมาและเข้าสู่หอนิรันดร์อย่างรวดเร็ว คนอื่นๆตามเขาไปติดๆ

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

ทั้ง 4 มาปรากฏตัวที่หอนิรันดร์ พวกเขารีบบ่ายหน้าไปยังสังเวียนประลอง

“ศิษย์พี่หลิว หมอนั่นคือผมน่ะถ่อมตัว” จูเหยียนจื่อพูดขณะชี้นิ้วไป

หลิวลู่จี่มองตาม เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าสังเวียนประลองด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด หมอนั่นหาวไม่หยุดหย่อน ราวกับการต่อสู้ที่กำลังดำเนินไปบนสังเวียนประลองแสนจะน่าเบื่อสำหรับเขา

ศิษย์สายตรงอีกคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเกิดอาการขัดหูขัดตา จึงตวาดออกมา “จะมัวยืนอยู่ตรงนี้หาอะไรในเมื่อคุณไม่ใส่ใจแม้แต่จะชมการดวล เว้นที่ว่างไว้ให้คนอื่นที่สนใจเรื่องการดวลดีกว่า…”

ครู่ต่อมา ผมน่ะถ่อมตัวก็หันกลับมามองศิษย์สายตรงผู้นั้นและยิ้มให้ “คุณอยากพนันกับผมไหม? ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่นักหรอก สองสามร้อยเหรียญสำนักดาบก็พอ”

“คุณ…” ศิษย์สายตรงผู้นั้นกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

ช่างอาจหาญนัก!

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset