อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 1992 คิดว่าฉันจะงาบคุณหรือ?

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1992 คิดว่าฉันจะงาบคุณหรือ?

“ฉันมาที่หอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดหลายครั้งแล้ว คุณอยากได้หนังสือแบบไหนล่ะ? บอกมาสิ ฉันจะช่วยหาให้” ไป๋เหรินชิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

เธอไม่อาจเปิดการโจมตีที่นี่ ซึ่งเป็นที่เก็บรักษามรดกล้ำค่าของสำนักดาบเมฆเหิน แต่ก็ไม่อาจเดินต้อยๆตามเขาไปตลอด 6 ชั่วโมงได้เหมือนกัน!

“ไม่เป็นไรหรอก ผมแค่ดูให้ทั่วๆ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าอยากได้หนังสือแบบไหน แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะออกไปทันทีที่ใช้เวลาครบ 6 ชั่วโมง” จางเซวียนตอบพร้อมกับโบกมือ

กว่าเขาจะได้มาที่นี่ก็ไม่ง่าย จึงต้องถ่ายโอนหนังสือทั้งหมดให้ได้ ทุกเล่มจะมีประโยชน์มากต่อการพัฒนาระดับวรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ของเขาในอนาคต

เห็นสายตาของชายหนุ่มเบนไปที่ชั้นหนังสืออีกชั้นขณะกำลังพูดกับเธอ ไป๋เหรินชิงรู้สึกราวกับว่าเวลาคงผ่านไปอีกหลายปีกว่าอีกฝ่ายจะดูหนังสือเสร็จ เธอจึงพยักหน้าพร้อมกับย้อนถาม “อย่างนั้นหรือ? ถ้างั้นคุณช่วยมากับฉันสักครู่หนึ่งได้ไหม?”

เธอไม่เคยมีน้ำอดน้ำทนกับใครหน้าไหนทั้งนั้น การรออยู่ที่นี่อีกหลายชั่วโมงอาจทำให้หัวสมองของเธอระเบิดได้

“คุณจะพาผมไปไหน?” เห็นสีหน้าแปลกๆของไป๋เหรินชิง จางเซวียนเบนสายตาจากชั้นหนังสือมามองหน้าเธอ “มีอะไรหรือเปล่า?”

“ก็ไม่เชิง…ฉันพูดที่นี่ไม่ได้ คุณจะช่วยตามฉันเข้าไปในห้องส่วนตัวตรงนั้นได้ไหม?” ไป๋เหรินชิงชี้นิ้วไปที่บริเวณส่วนตัวที่บรรดานักรบสามารถเข้าไปศึกษาและฝึกฝนตามทฤษฎีที่มีอยู่ในหนังสือ

“ฮะ?” จางเซวียนผงะ “ผมไม่แน่ใจนักหรอกว่าการทำแบบนี้จะเหมาะสม ไม่ได้จะว่าอะไรคุณนะ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้เวลากับการพัฒนาระดับวรยุทธก่อน…”

ไป๋เหรินชิงเลิกคิ้ว ในตอนนั้น เธออยากจะบีบคอไอ้งั่งที่อยู่ตรงหน้าให้ตายคามือ “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันแค่อยากสอบถามคุณบางอย่างเรื่องการฝึกฝนวรยุทธ!”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว!” จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก

เขาหวงแหนความบริสุทธิ์ของตัวเองมาก ไม่อาจสูญเสียมันที่นี่ได้

“คุณ…” เห็นความโล่งใจของจางเซวียน ไป๋เหรินชิงแทบจะตะบันหน้าอีกฝ่าย

เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่อย่างน้อยที่สุดเธอก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมากมายต่างหลงใหลใฝ่ฝันที่จะได้ใกล้ชิดเธอ แต่หมอนี่…กลับทำท่าอิหลักอิเหลื่อแบบนี้เมื่อเธอชวนเขาเข้าห้องส่วนตัว

คุณทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร?

คิดว่าฉันจะงาบคุณหรือ?

ไป๋เหรินชิงสูดหายใจลึกสองเฮือกใหญ่เพื่อระงับโทสะ ก่อนจะเดินนำหน้าไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง

เธอเพิ่งรู้จักหมอนี่ไม่นาน แต่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอใครสักคนที่ทุกคำพูดคำจาของเขาทำให้ความดันของเธอพุ่งปรี๊ด สมควรแล้วที่เขาต้องเป็นโสด!

หลังจากทั้งคู่เข้าสู่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ประตูก็ปิดลงทันที

“คุณจะทำอะไรน่ะ?” จางเซวียนใช้สองมือปิดบังหน้าอกไว้ขณะจ้องไป๋เหรินชิงอย่างหวาดระแวง

ไป๋เหรินชิงกลอกตา เธอสร้างปราการเพื่อสกัดกั้นเสียงภายในห้องไม่ให้เล็ดลอดออกไปก่อนจะหันมามองจางเซวียน “ฉันอยากรู้ว่าคุณชื่ออะไร และระดับวรยุทธของคุณในตอนนี้อยู่ขั้นไหน?”

“ผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่หรือตอนที่เราเดินทางมาที่นี่? ผมชื่อจางเซวียน วรยุทธของผมในตอนนี้คือผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึก” จางเซวียนตอบ

ไป๋เหรินชิงเคยถามทั้งสองคำถามนี้แล้ว ซึ่งตัวเขาก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปิดบังความจริง จึงตอบไปตามตรง

“ผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกใช่ไหม?” ไป๋เหรินชิงพึมพำขณะที่รังสีของเธอลดความเข้มข้นลงไปจนเท่าระดับวรยุทธของจางเซวียน “ตอนนี้ฉันลดระดับวรยุทธลงเป็นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกแล้ว ฉันขอท้าดวลกับคุณ ผู้แพ้จะต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะอย่างไม่บิดพลิ้ว นับจากนี้เป็นต้นไป!”

“คุณอยากดวลกับผม?” จางเซวียนงง

เขาคิดว่าไป๋เหรินชิงสนใจเนื้อหนังมังสาของเขา ไม่นึกเลยว่าเธอแค่อยากท้าดวล ว่าแต่…ไดโนเสาร์ตัวเมียตัวนี้มีแผนอะไร?

“ใช่” ไป๋เหรินชิงพยักหน้า

“คุณบอกว่าผู้แพ้จะต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะอย่างไม่บิดพลิ้วนับจากนี้ไป นั่นหมายความว่าถ้าคุณบอกให้ผมฆ่าตัวตาย ผมก็ต้องฆ่าตัวตายหรือ?” จางเซวียนตั้งคำถาม

เขาเอาชนะเธอได้เห็นๆอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการดวลที่มีเงื่อนไขแบบนี้

“คุณเห็นฉันเป็นคนแบบไหน? อย่าห่วงน่ะ ที่ฉันต้องการก็คือคุณจะต้องเรียกฉันว่าศิษย์พี่ ไม่ว่าต่อไปคุณจะมีตัวตนและสถานภาพอย่างไรก็ตาม และก็เหมือนศิษย์น้องทั่วไป คุณจะต้องปฏิบัติต่อฉันด้วยความเคารพสูงสุดและทำตามคำสั่งของฉันด้วย!” ไป๋เหรินชิงคำรามขณะยืดแขน เกิดเสียงเปรี๊ยะดังลั่นกลางอากาศ

ส่วนจางเซวียนก็งงงันกับเงื่อนไขนั้นจนแทบจะปรากฏเครื่องหมายคำถามบนศีรษะของเขา “ผมก็เรียกคุณว่าศิษย์พี่ไป๋มาตลอดไม่ใช่หรือ? แต่เอาเถอะ…ผมต้องอ่านหนังสือของผมให้เสร็จ ไม่มีเวลาจะดวลกับคุณหรอก ขออภัยด้วย แต่ผมต้องขอตัวก่อน…”

เมื่อพูดจบ จางเซวียนก็หันหลังกลับและเดินออกจากห้อง

“คุณคิดจะไปไหน?” ไป๋เหรินชิงตวาดกร้าวขณะชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่จางเซวียน

ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ เธอก็จำเป็นต้องทำให้หมอนี่ยอมจำนนเสียก่อน!

ถึงเธอจะลดระดับวรยุทธลงเป็นผู้ทำลายล้างมิติโลกจารึกแล้ว แต่ก็สามารถสำแดงศิลปะเพลงดาบได้หลากหลายกว่าเมื่อครั้งที่อยู่ในหอนิรันดร์ ทั้งยังคุ้นชินกับพละกำลังระดับนี้มากกว่าด้วย

การจ้วงแทงเพียงครั้งเดียวนี้ทรงพลังเสียยิ่งกว่าการโจมตีที่เธอสำแดงออกไปเมื่อตอนอยู่ที่หอนิรันดร์เสียอีก มันสกัดกั้นหนทางหลบหนีของจางเซวียนเอาไว้ทั้งหมด

เธอไม่มีเจตนาจะสังหารเขา แต่ประสบการณ์ของการเป็นนางมารร้ายมาหลายปีสอนเธอว่าผู้คนจะว่าง่ายกว่าเดิมหลังจากถูกซ้อม เธอจึงรู้สึกมั่นใจกว่าหากจะซ้อมอีกฝ่ายให้ยอมจำนนเสียก่อน

ส่วนจางเซวียนก็พูดไม่ออกกับการกระทำของไป๋เหรินชิง

ไม่แปลกใจแล้วที่ใครๆเรียกเธอว่าไดโนเสาร์ตัวเมีย ไม่มีทางใช้เหตุผลกับเธอได้เลย

จางเซวียนขยับไปด้านข้างเป็นรูปตัว Z อย่างรวดเร็ว หลบเลี่ยงการโจมตีของไป๋เหรินชิงได้ เขายักไหล่พร้อมกับพูดว่า “ศิษย์พี่ไป๋ ผมเทียบชั้นกับคุณไม่ได้หรอก อย่าปล่อยให้การดวลที่ไร้ประโยชน์นี้ดำเนินต่อไปอีกเลย”

“อะไรกัน?” ไป๋เหรินชิงตกตะลึงที่เห็นจางเซวียนหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดของเธอได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีเวลายักไหล่และโต้ตอบด้วย

“ชักดาบของคุณออกมาแล้วแสดงให้ฉันเห็นถึงพละกำลังที่แท้จริงของคุณ! อย่าต่อว่าฉันก็แล้วกันที่ไม่ออมมือให้!”

ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!

หลังจากพูดจบ ไป๋เหรินชิงก็สำแดงการฟาดฟันเข้าใส่จางเซวียนถึง 3 กระบวนท่าติดต่อกัน แต่ละกระบวนท่ารวดเร็วกว่ากระบวนท่าก่อนๆ ในชั่วพริบตา ทั้งห้องนั้นก็อบอวลไปด้วยกระแสดาบฉี

ตอนที่ก่อสร้างหอสมุด ผู้สร้างคิดไว้แล้วว่าเหล่านักรบอาจพลั้งเผลอปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลออกมาเพราะแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ ซึ่งอาจส่งผลให้อาคารพังเสียหาย ห้องส่วนตัวเหล่านี้จึงถูกสร้างขึ้นให้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ มีการติดตั้งค่ายกลเสริมกำลังไว้โดยรอบ ซึ่งแข็งแรงจนแม้กระทั่งศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็ยังต้องจังงัง ด้วยเหตุนี้ แม้การโจมตีของไป๋เหรินชิงจะรุนแรงหนักหน่วง แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ

ร่างของจางเซวียนขยับไปซ้ายทีขวาทีขณะหลบเลี่ยงทั้ง 3 กระบวนท่าไปได้ พร้อมกันนั้น เขาก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “ดูเถอะ คุณเป็นถึงศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ส่วนผมเป็นแค่ศิษย์สายตรงฝ่ายในธรรมดาๆ การที่คนทรงพลังระดับคุณจะมารังแกผมนั้นไม่ใช่เรื่องเลย…”

“….” ไป๋เหรินชิงงงงันมากขึ้นทุกขณะ

จางเซวียนดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดไว้ จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาเข้มข้นขึ้นในทุกวินาทีที่ผ่านไป

“ชักดาบออกมาเร็วๆ ฉันเอาจริงแล้วนะ”

ฟิ้วววว!

กระแสดาบฉีระเบิดออกจากปลายดาบของไป๋เหรินชิง มันพุ่งเข้าใส่จางเซวียนด้วยความเร็วสูงกว่าเดิม

ในฐานะนักรบผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบดงหิมะ ไป๋เหรินชิงสามารถสำแดงกระบวนท่าอันแม่นยำได้แม้จะใช้ความเร็วสูง เธอขับเคลื่อนประสิทธิภาพการต่อสู้ในระดับของผู้ทำลายล้างมิติให้เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ภาพติดตานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบห้อง ล้อมรอบตัวจางเซวียนไว้

ดูเหมือนมีการโจมตีมากมายที่พร้อมจะเล่นงานเขาได้ทันทีที่ไม่ระวังตัว

แต่ถึงการเคลื่อนไหวของไป๋เหรินชิงจะรวดเร็วแค่ไหน ก็ดูเหมือนเธอจะช้ากว่าจางเซวียนก้าวหนึ่งทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ดาบหรือกระแสดาบฉี ก็ไม่มีอะไรเข้าถึงตัวจางเซวียนได้เลย

“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?” ไป๋เหรินชิงตั้งข้อสังเกตด้วยความประหลาดใจขณะเร่งความเร็วของการเคลื่อนไหวขึ้นอีก

เธอคิดว่าอย่างน้อยที่สุดการโจมตีของเธอก็น่าจะต้อนจางเซวียนให้จนมุมได้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง หมอนั่นแค่อ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่ายขณะพล่ามเรื่องไร้สาระออกมาไม่หยุด “ต่อให้ผมชักดาบของผมออกมา ก็ใช่ว่าผมจะเอาชนะคุณได้ ถ้าเป็นแบบนี้ จะไม่เท่ากับคุณบีบให้ผมฆ่าตัวตายหรือ?”

“โอ๊ยยยย!” ไป๋เหรินชิงแน่นหน้าอกจนพูดไม่ออก

ถ้าหน้าผากคุณเหงื่อโชกและอ้าปากหอบหายใจล่ะก็ ฉันคงเชื่อว่าคุณสู้ฉันไม่ได้

แต่ดูคุณสิ ยืนหาวแถมยังบิดขี้เกียจ ไม่เก็บอาการเลยสักนิด…นี่กำลังปั่นหัวฉันใช่ไหม?

ไป๋เหรินชิงเร่งการเคลื่อนไหวของเธอให้เร็วขึ้นอีกด้วยความหงุดหงิด แต่คู่ต่อสู้ของเธอ…ทั้งๆที่เพิ่งย้ำแล้วย้ำอีกว่าเขาสู้เธอไม่ได้ ก็สามารถหลบเลี่ยงทุกการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ราวกับเขาเป็นใบไม้ที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร ไม่ว่าคลื่นลมในมหาสมุทรจะเกรี้ยวกราดแค่ไหน ก็ทำให้ใบไม้นั้นจมไม่ได้

“ชัก ดาบ ของคุณ ออกมา!”

การดวลดำเนินไปอีกกว่า 20 กระบวนท่า แต่ไป๋เหรินชิงก็ไม่ได้แตะแม้แต่ชายเสื้อของจางเซวียน เมื่อทนไม่ไหว เธอระเบิดความเกรี้ยวกราดออกมา “อย่าหาว่าฉันหยาบคายก็แล้วกัน!”

ฟึ่บ!

เธอตวัดดาบ จากนั้นก็สำแดงไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุด, ศิลปะเพลงดาบดงหิมะ

เธอไม่เคยมีความอดทนตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ลงเอยด้วยการเล่นงานศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมากมายจนแทบพิการ

การที่เธอทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยทั้งที่ลงแรงสำแดงกระบวนท่าขนาดนี้ ทำให้ความอดทนที่มีน้อยนิดอยู่แล้วหายไปหมด

กระแสดาบฉีของไป๋เหรินชิงพุ่งลงมาราวกับหิมะโปรย ทำให้อุณหภูมิบริเวณนั้นตกฮวบ

“เฮ่ออออ…” จางเซวียนเดินฝ่าศิลปะเพลงดาบของไป๋เหรินชิงอย่างสุขุม เขานวดขมับขณะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผมน่ะอยากใช้ชีวิตแบบถ่อมตัว…มันเรื่องอะไรคุณถึงต้องบีบบังคับผมด้วย?”

ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คืออ่านหนังสือและยกระดับวรยุทธของตัวเองอย่างเงียบๆ…ทำไมมันถึงยากนัก?

ขนาดได้เข้าสู่หอสมุดแล้ว ก็ยังมีคนลากตัวเขาออกมาแล้วบีบให้ต้องต่อสู้ ผมไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองใจ คุณถึงต้องทำลายความสงบสุขของผมแบบนี้?

“คุณว่าอะไรนะ?” ไป๋เหรินชิงคำรามเมื่อเห็นจางเซวียนพึมพำกับตัวเอง ดูไม่ใส่ใจกับกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอเลยสักนิด แต่พริบตาต่อมา ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวสมอง เธอตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ “เดี๋ยวก่อน คงไม่ใช่ว่าแท้ที่จริงแล้ว คุณคือ…”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset