อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2037 ภูเขาเมฆเหิน

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2037 ภูเขาเมฆเหิน

“ตอนนี้เขาเป็นเจ้าสำนักดาบเมฆเหิน ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จแล้ว ส่วนวรยุทธคือนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น เขาสังหารนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ไปคนหนึ่งด้วย” หญิงสาวเสื้อคลุมสีขาวพูด

“เอ่อ…” เด็กชายวัยรุ่นถึงกับตะลึง เขาอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “เขาพัฒนาตัวเองได้มากขนาดนี้?”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่ผ่านมา…ฉันคิดว่าคราวนี้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคงตัดสินใจพลาด คนจากมิติเบื้องล่างจะมีคุณสมบัติเพียงพอคู่ควรกับเธอได้อย่างไร? แต่ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าเขาคือผู้ที่เก่งกาจอย่างไม่ธรรมดา ไม่น่าจะด้อยกว่าปรมาจารย์ขงในครั้งนั้น!”

หญิงสาวเสื้อคลุมสีขาวเดินผ่านประตูจันทร์เต็มดวงและพูดต่อ “ไปสำนักดาบเมฆเหินด้วยกันเถอะ ฉันอยากตรวจสอบให้แน่ใจว่าเจ้าสำนักคนใหม่ใช่เขาจริงๆหรือเปล่า”

หลังจากพูดจบ เธอก็หายวับไปพร้อมกับเด็กชายวัยรุ่นคนนั้น

ทวีปที่ถูกลืม, หอเทพเจ้า

ร่างสูงสง่าไหวระริกอยู่ภายใต้แสงเทียนสลัวเลือนราง ยากที่จะมองรูปลักษณ์ของร่างนั้นให้เห็นชัดเจน

ชายเสื้อคลุมสีดำทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น “นายท่าน”

“ว่าอย่างไร?” เสียงไร้อารมณ์ดังขึ้นจากร่างสูงสง่านั้น

“เจ้าสำนักหานเจี้ยนชิวแห่งสำนักดาบเมฆเหินลงจากตำแหน่งแล้ว เขามอบตำแหน่งให้จางเซวียน เรายังจะดำเนินตามแผนการเดิมไหม?” ชายเสื้อคลุมสีดำตั้งคำถาม

“ลงจากตำแหน่งแล้ว?” ร่างสูงสง่าคำราม “น่าสนใจดีนี่ เขาคิดว่าผมจะถอยเพียงเพราะเหตุนี้หรือ? ไม่ต้องใส่ใจ จับตัวชายผู้นั้นทันทีที่เขาปรากฏตัว เข้าใจไหม?”

“แต่…” ชายเสื้อคลุมสีดำลังเล “ถ้าเราแตะต้องผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ ผมเกรงว่าจะทำให้ทุกคนต่อต้านเรา…”

พลั่ก!

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ถูกสอยกระเด็นไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง เลือดซึมออกจากมุมปาก แรงปะทะเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด

“ผมขอให้คุณมาสั่งสอนผมว่าควรทำอะไรหรือไง?” ร่างสูงสง่าหรี่ตาอย่างเยือกเย็น

“ผะ-ผมมิบังอาจ…” ชายเสื้อคลุมสีดำโค้งคำนับครั้งแล้วครั้งเล่า โขกหน้าผากของเขากับพื้นหินเย็นเยือกเพื่อขออภัยโทษ

“ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ผมจะพูดซ้ำอีกทีนะ ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ต้องการให้ชายผู้นั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าผมในขณะที่เขายังมีชีวิต ถ้ามีอะไรผิดพลาดล่ะก็ ผมจะถลกหนังคุณทั้งเป็น!” ร่างสูงสง่าโบกมือ

ฟึ่บ!

เขาหายวับไปราวกับเปลวเทียนที่วูบดับ

ชายเสื้อคลุมสีดำกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เขาปาดเหงื่อที่ไหลอาบแก้มก่อนจะรีบออกจากห้อง

…..

เมืองอู๋ไห่

จางเซวียนที่ผ่านการปลอมตัวเรียบร้อยก้าวยาวๆเข้าสู่ตลาดอู๋ไห่

เมื่อออกจากสำนักดาบเมฆเหิน เขาก็บินไปราวสิบนาทีโดยใช้เจตจำนงเพลงดาบ สุดท้ายก็มาถึงที่นี่ จึงไม่รู้เรื่องที่หานเจี้ยนชิวลงจากตำแหน่งและมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เขา

“มีอะไรที่คุณต้องการไหม?” พนักงานต้อนรับถามพร้อมกับยิ้มให้

“ผมอยากเช่าอสูรบินได้สักตัวหนึ่ง” จางเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ตอนนี้เขาปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 30 ปลายๆที่มีบุคลิกนุ่มนวลอ่อนโยน ใบหน้าสะอาดสะอ้านและร่างสูงตระหง่าน แต่ก็แผ่รังสีของความเยือกเย็นที่ดูจะทำให้ใครๆไม่กล้าเข้าใกล้

อันที่จริง สำนักดาบเมฆเหินอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก บินมาเพียง 10 นาทีเท่านั้น แถมที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่หอเทพเจ้าตามตัวเขาเจอและพยายามสังหารเขา

ในโลกที่มีแต่นักรบอมตะขั้นสูงเท่านั้นที่บินได้ คงจะสะดุดตาเกินไปหากเขาบินตรงไปยังที่หมาย แม้ตอนที่เดินทางมายังเมืองอู๋ไห่ จางเซวียนก็บินในระดับต่ำ บดบังร่างไว้ด้วยพุ่มไม้ดกหนา แม้จะรู้ว่าการทำแบบนั้นจะลดความเร็วของเขาลงมากก็ตาม

น่าจะปลอดภัยกว่าหากเขาใช้การเดินเท้า แต่จางเซวียนคิดว่าหอเทพเจ้าน่าจะส่งม้าเร็วมาตรึงกำลังไว้รอบอาณาเขตของสำนักดาบเมฆเหิน จึงแน่ใจว่าคงดีกว่าหากจะออกจากพื้นที่นั้นมา โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ทางนี้เลย” พนักงานต้อนรับพยักหน้า

ตลาดอู๋ไห่ไม่ได้ขายแค่ของล้ำค่าเท่านั้น แต่ยังให้บริการด้านการเดินทางขนส่งกับลูกค้าด้วย

จางเซวียนตามหลังพนักงานต้อนรับไป ไม่ช้าก็มาถึงโซนที่อสูรบินได้พักอาศัยอยู่ มีตัวอักษรคำว่า ‘อสูร’ ขนาดใหญ่อยู่บริเวณทางเข้า

ชายชราคนหนึ่งเดินมาทักทายจางเซวียน “ท่านผู้โดยสาร คุณจะเดินทางไปที่ไหน?”

“ภูเขาเมฆเหิน”

“10 เหรียญนิรันดร์!”

“ได้”

ด้วยการโบกมือของจางเซวียน เงิน 10 เหรียญนิรันดร์ก็ถูกส่งถึงมือชายชราผู้นั้น จางเซวียนแอบแลกเหรียญสำนักดาบของเขาเป็นเหรียญนิรันดร์ทันทีที่มาถึงเมืองอู๋ไห่ เพราะรู้ดีว่าจะเป็นที่สะดุดตาหากนำเหรียญสำนักดาบมาใช้ที่นี่ แม้จะเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่ใครๆยอมรับก็ตาม

ชายชราตาโตทันทีเมื่อเห็นเงิน เขารีบพาอสูรบินได้ตัวหนึ่งออกมา

“ไปกันเลย!”

ทั้งคู่ขึ้นขี่หลังอสูรบินได้ ไม่ช้าก็อยู่บนเส้นทางที่นำไปสู่ภูเขาเมฆเหิน

จางเซวียนเหลียวมองรอบๆ และพบว่ามีผู้โดยสารหลายคนอยู่บนอสูรบินได้หลายตัวที่อยู่รอบตัวเขา เมื่อรู้ว่าไม่ได้เป็นที่โดดเด่นสะดุดตาใคร ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

จากนั้น จางเซวียนก็หันมามองชายชราที่กำลังบังคับอสูรบินได้ และเห็นตราสัญลักษณ์อันหนึ่งติดอยู่ที่หน้าอกของเขา มีคำว่า ‘อสูร’ อยู่บนตราสัญลักษณ์นั้น เหมือนกับที่เขาเห็นตรงทางเข้าเมื่อครู่ก่อน

จางเซวียนตั้งคำถาม “คุณมาจากหอนานาอสูรหรือ?”

“ผมเป็นศิษย์สายตรงระดับล่างของหอนานาอสูร ผมแก่เกินไปแล้ว และดูเหมือนวรยุทธก็ไม่ค่อยก้าวหน้า ทางสำนักจึงส่งผมมาที่นี่เพื่อให้หาเลี้ยงตัวเอง” ชายชราตอบ

“คุณเป็นผู้ทำให้อสูรบินได้ตัวนี้ยอมจำนนหรือ?” จางเซวียนถามต่อ

บรรดาศิษย์สายตรงของหอนานาอสูรมีทักษะเชี่ยวชาญทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับอสูร รวมถึงการบังคับอสูรบินได้ ซึ่งการเดินทางขนส่งก็เป็นธุรกิจที่ทำรายได้งามในทวีปที่ถูกลืม เพราะนักรบส่วนใหญ่ไม่สามารถบินได้

จึงเป็นธรรมดาที่หอนานาอสูรจะนำความได้เปรียบข้อนี้มาใช้ โดยเรื่องจริงก็คือพวกเขามีรายได้อย่างงามจากการขายอสูรบินได้และบริการรับส่งผู้โดยสาร มีศิษย์สายตรงจากทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืมเป็นผู้ดำเนินการ

ธุรกิจขนาดเล็กส่วนใหญ่ทำเงินได้ไม่ถึง 10 เหรียญนิรันดร์ต่อเดือนด้วยซ้ำ แต่นั่นคือราคาค่าโดยสารของการเดินทางไปกลับภูเขาเมฆเหินหนึ่งเที่ยว

“ไม่ใช่แน่ ผู้ที่มีวรยุทธระดับผมจะทำให้อสูรบินได้ที่ไร้เทียมทานขนาดนี้ยอมจำนนได้อย่างไร? ตลาดอู๋ไห่ซื้อตัวมันมาจากหอนานาอสูร ผมเป็นแค่ผู้ขี่มันมาเท่านั้น” ชายชราตอบ

จางเซวียนตั้งคำถามอีก 2-3 ข้อ แต่บางที อาจเป็นเพราะชายชราเป็นแค่ศิษย์สายตรงระดับล่าง จึงดูเหมือนจะไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับรายละเอียดลึกๆของการฝึกอสูร ทักษะเดียวที่เขามีอยู่ในตอนนี้ก็คือการบังคับอสูรให้เดินทางไปไหนต่อไหนเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าไม่ได้ข้อมูลเท่าไหร่ สุดท้ายจางเซวียนก็ล้มเลิกความพยายาม

ในฐานะหนึ่งใน 6 สํานักใหญ่ หอนานาอสูรคือองค์กรขนาดมหึมาที่มีศิษย์สายตรงฝ่ายในและศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน เพราะฉะนั้น ก็ย่อมมีศิษย์สายตรงระดับล่างอีกจำนวนมากมายมหาศาล

ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ทางสำนักจะไม่อาจทุ่มเทเวลาและความพยายามทั้งหมดเพื่อบ่มเพาะศิษย์สายตรงระดับล่างทุกคนได้ ดังนั้น สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จึงมีจำกัดมาก

เมื่อบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ลดความตึงเครียดลงเพราะมีการพูดคุย ชายชราให้คำแนะนำ “ท่านผู้โดยสาร คุณจะร่อนลงที่ไหน? ภูเขาเมฆเหินมีอสูรดุร้ายอยู่มากมาย ผมขอแนะนำคุณว่าอย่าเข้าไปลึกนัก ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายมาก…”

“คุณคุ้นเคยกับภูเขาเมฆเหินหรือ?” จางเซวียนถามด้วยความอยากรู้

“ผมเคยไปที่นั่น 2-3 ครั้ง” ชายชราตอบ “สถานที่แห่งนั้นเรียกได้ว่าเป็นสนามเด็กเล่นของเหล่าอสูรเลยทีเดียว ครั้งสุดท้ายที่ผมไปที่นั่น ผมพบแรงบันดาลใจที่ทำให้หวังว่าจะทำให้อสูรสักตัวยอมจำนนได้ด้วยตัวเอง แต่นั่นก็เกือบคร่าชีวิตของผม…หลังจากนั้น ผมก็ไม่กล้าเหยียบที่นั่นอีกเลย”

ในฐานะผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับแรงบันดาลใจให้เป็นนักฝึกอสูร เขายังคงหวังว่าจะได้ทำให้อสูรสักตัวหนึ่งยอมจำนนด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่พละกำลังของเขาอ่อนด้อยเกินไป และยังไม่ได้ร่ำเรียนวิธีการที่ถูกต้องของการฝึกอสูรด้วย จึงยากมากที่จะประสบความสำเร็จ

“เราทำข้อตกลงกันดีไหม?” ถ้าคุณให้ข้อมูลของภูเขาเมฆเหินที่เป็นประโยชน์กับผม ผมจะช่วยคุณทำให้อสูรยอมจำนน” จางเซวียนยื่นข้อเสนอพร้อมกับยิ้มให้

“อ้อ?” ชายชราประหลาดใจเล็กน้อยกับข้อเสนอของจางเซวียน “คุณเป็นศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด

ของหอนานาอสูรหรือ?”

“ไม่สำคัญหรอกว่าผมเป็นใคร จริงไหม?” จางเซวียนตอบ “ผมมีวิธีของผมก็แล้วกัน อย่าห่วงน่ะ ผมไม่โกหกคุณหรอก”

“เข้าใจแล้ว…”

เมื่อพิจารณาถึงการที่จางเซวียนจ่ายค่าตอบแทนสิบเหรียญนิรันดร์ให้เขาอย่างง่ายๆ ก็ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนผู้นี้น่าจะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา อีกอย่าง ต่อให้อีกฝ่ายไม่รักษาคำพูด เขาก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมากนัก

“ในหมู่นักฝึกอสูร ภูเขาเมฆเหินเป็นที่รู้จักกันในชื่อขุนเขาสี่อสูร มันเป็นดินแดนอันตรายที่แม้แต่นักฝึกอสูรก็ยังไม่อยากย่างกรายเข้าไป ซึ่งเหตุผลหลักของเรื่องนั้นก็เพราะมันเป็นอาณาเขตของสี่อสูรอมตะผู้ทรงพลัง”

“สี่อสูรอมตะผู้ทรงพลัง?”

“ใช่ มีอสูรอมตะ 4 ตัวที่สำเร็จวรยุทธอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือมังกรอสรพิษ มันคือมังกรอสรพิษจริงๆไม่ใช่แค่เชื้อสายที่ห่างออกไปของเผ่าพันธุ์มังกรที่มีสายเลือดมังกรเพียงเศษเสี้ยว!”

ได้ยินคำนั้น จางเซวียนตาโต

เขาเคยทำให้อสูรในทวีปแห่งปรมาจารย์ยอมจำนนมาแล้วมากมาย หลายตัวมีคำว่า ‘มังกร’ อยู่ในชื่อของมัน แต่ก็เป็นเชื้อสายที่ห่างไกลซึ่งมีสายเลือดมังกรเบาบาง มังกรอสรพิษไม่ได้มีสายเลือดมังกรบริสุทธิ์ก็จริง แต่ก็ถือเป็นสมาชิกตัวหนึ่งของเผ่าพันธุ์มังกร

ในฐานะมังกรอสรพิษตัวจริง ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันย่อมเหนือชั้นกว่าอสูรอมตะทั่วไปมาก

“แล้วตัวอื่นๆล่ะ?” จางเซวียนถาม

“ตัวที่แข็งแกร่งรองลงมาคือนกฟีนิกซ์เปลวเพลิงเก้าหัว มันมีสายเลือดนกฟีนิกซ์ในตัว ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือคือเสือเขี้ยวดาบเจ็ดหาง และหมาจิ้งจอกหูขาว”

ชายชราหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะอธิบายต่อ “พูดก็พูดเถอะ มันออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย แม้หมาจิ้งจอกหูขาวจะเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่อสูรอมตะ แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม้แต่มังกรอสรพิษที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเชื่อฟังมัน หอนานาอสูรพยายามหลายครั้งที่จะทำให้มังกรอสรพิษยอมจำนน แต่ทุกครั้ง แผนการของพวกเขาก็พังไม่เป็นท่าเพราะหมาจิ้งจอกหูขาว ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากล่าถอยอย่างผู้แพ้”

“หมาจิ้งจอกหูขาว?” จางเซวียนพยักหน้าขณะครุ่นคิด

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset