อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2064 เขากำลังฝึกฝนวรยุทธ!

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2064 เขากำลังฝึกฝนวรยุทธ!

เขาเคยคิดว่าเจ้าสำนักออกจะตื่นเต้นเกินเหตุไปสักหน่อยกับการปรากฏตัวของนักรบผู้ไร้เทียมทาน ถึงขนาดที่ไม่คำนึงถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินความรอบคอบของชายผู้ เป็นใหญ่ในสำนักดาวเจ็ดดวงมาเนิ่นนานหลายปีต่ำเกินไป

อย่างน้อยที่สุด ประเด็นต่างๆที่ถูกหยิบยกขึ้นมาก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยนึกถึงมาก่อน

“ใช่ ผมก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าผมสงสัยหลิวหยาง…” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวส่ายหน้า “ผมสอบถามผู้อาวุโสของหอนิรันดร์แล้วว่าก่อนหน้านี้เขารู้จักหลิวหยางได้อย่างไร ตามที่ผู้อาวุโสบอก ในตอนแรก หลิวหยางตั้งใจจะเช่าอสูรอมตะบินได้ตัวหนึ่งเพื่อเดินทางไปทะเลพลัดดาวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และผู้อาวุโสก็แนะนำให้เขาร่วมเดินทางไปกับพวกเรา”

“แต่หอนิรันดร์โก่งราคาขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นสำหรับบริการนี้ นั่นทำให้หลิวหยางต้องมุ่งหน้าสู่สังเวียนประลอง ด้วยเหตุนี้ เหตุผลที่เขาปรากฏตัวที่สังเวียนประลองก็ไม่ใช่เพื่อเรียกร้องความสนใจของพวกเรา และดูเหมือนเขาก็ไม่ได้สนใจสำนักดาวเจ็ดดวงด้วย เท่าที่ดูจากทีท่าของเขาที่มีต่อพวกเราก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าได้เอาชนะเราที่สังเวียนประลอง”

“คือ…” การวิเคราะห์ของเจ้าสำนักคุ่ยทำให้ผู้อาวุโสที่ 1 กับผู้อาวุโสหงอู่พูดไม่ออก

เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำอันขมขื่นในสังเวียนประลอง ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้เหนือรู้ใต้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร

จากการต่อสู้กับหลิวหยาง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนซื่อบื้อ ถ้ารู้ตัวตนของพวกเขาล่วงหน้า คงไม่เล่นงานอย่างไร้ความปรานีแบบนั้น

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบ่งบอกว่าหลิวหยางไม่ได้จงใจเรียกร้องความสนใจของพวกเขา ซึ่งหมายความว่า ทฤษฎีการสมคบคิดนั้นใช้การไม่ได้

“เป็นไปได้ว่าเขาฉลาดพอที่จะสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นเพื่อปั่นหัวผม…” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียด “นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมมอบยาเม็ดเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธให้เขาและสัญญาว่าจะช่วยให้เขาก้าวไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงให้ได้ ผมอยากประเมินว่าเขาจะมีทีท่าอย่างไรเมื่อผมยกย่องเขาด้วยเกียรติสูงส่งขนาดนั้น…แต่แทนที่จะร้องขออะไรมากกว่าเดิม เขากลับต้องการแค่คำอนุมัติให้เขาได้เข้าสู่คลังหนังสือของเราเท่านั้น”

ผู้อาวุโสที่ 1 กับผู้อาวุโสหงอู่เงียบกริบ

ดูเหมือนท่านเจ้าสำนักจะใคร่ครวญเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้วตั้งแต่ต้น ทุกการกระทำของเขามีเหตุผลอยู่เบื้องหลัง

การที่เจ้าสำนักมอบยาเม็ดเพื่อการฝ่าด่านวรยุทธให้หลิวหยางและสัญญาว่าจะช่วยให้เขายกระดับไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงได้นั้นบ่งบอกว่าเจ้าสำนักให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายมาก ดังนั้นหลิวหยางจึงควรรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ ซึ่งโดยทั่วไป ก็มีความเป็นไปได้ว่าคำร้องขออื่นใดที่จะตามมา หากไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็จะได้รับการอนุมัติ

แต่ดูเหมือนหลิวหยางคนนั้นจะไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้เลย เขาทำตัวราวกับเป็นคนโง่ ต้องการเพียงแค่ได้เข้าสู่หอสมุดเท่านั้น

แน่นอนว่าความรู้คือของล้ำค่าสำหรับนักรบ แต่ต้องใช้เวลาเนิ่นนานในการสั่งสม ไม่ใช่อ่านหนังสือเพียง 2-3 ชั่วโมงแล้วจะเกิดความรู้แจ้งขึ้นได้

ด้วยเหตุนี้ คำขอของหลิวหยางจึงเทียบอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขามีโอกาสจะร้องขอ

เจ้าสำนักคุ่ยหันไปถามผู้อาวุโสที่ 1 “ตอนนี้หลิวหยางทำอะไรอยู่?”

“เขายังอ่านหนังสืออยู่ในหอสมุด ยังไม่ออกมา” ผู้อาวุโสที่ 1 ประสานมือตอบ

“ถ้าอย่างนั้น…ไปดูซิว่าเขาอ่านหนังสือประเภทไหน รวบรวมชื่อหนังสือออกมาแล้วรายงานผม” เจ้าสำนักคุ่ยสั่งการ

“ขอรับ เจ้าสำนักคุ่ย!” ผู้อาวุโสที่ 1 ตอบก่อนจะออกไป

เพียงครู่เดียว เขาก็กลับมาด้วยสีหน้าประหลาด

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

“คือ…เจ้าสำนักคุ่ย นี่คือบันทึกภาพจากหอสมุด คุณดูเองก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสที่ 1 ตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ

เจ้าสำนักคุ่ยงุนงง เขารับตราหยกจากมือของผู้อาวุโสที่ 1 เมื่อแตะเบาๆ รายละเอียดในนั้นก็ลอยขึ้นสู่กลางอากาศ

ภาพที่ปรากฏในบันทึกก็คือหลิวหยางยืนอยู่ใจกลางห้องสมุด ส่ายหัวของเขาไปทุกทิศทาง

บันทึกนั้นมีความยาวราวสิบนาที แต่ตลอดระยะเวลาสิบนาทีนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากส่ายหัว ถ้าชั้นหนังสือมีหนังสือทั้งหมด 10 แถว เขาก็จะส่ายหัว 10 ครั้งโดยมองไปยังชั้นหนังสือแต่ละชั้นก่อนจะย้ายไปชั้นต่อไป

“นี่…เขามีอาการชักกระตุกหรือ?”

เจ้าสำนักคุ่ยกับผู้อาวุโสหงอู่ชะงัก

ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะอ่านหนังสือของพวกเขาหรือไง?

ทำไมถึงเอาแต่ส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด?

ราวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พยายามฝึกฝนทักษะการเพื่อดึงดูดใจสาวๆ…

เมื่อไม่อาจทำความเข้าใจเหตุผลที่หลิวหยางมีทีท่าแบบนั้น เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวได้แต่พูดว่า “รอดูต่อไปก็แล้วกัน”

แต่เมื่อบันทึกภาพถูกนำเข้ามาที่ตำหนักกระบวยสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในบันทึกเหล่านั้นก็ไม่แสดงอะไรเลยนอกจากการส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตายของจางเซวียน

“ดูเหมือนเขาไม่ได้กำลังพยายามฉกฉวยความลับของสำนักดาวเจ็ดดวงนะ…” ผู้อาวุโสที่ 1 เค้นคำพูดออกจากลำคอที่ตีบตัน

ถ้าชายหนุ่มวางแผนจะฉกฉวยศาสตร์ลับของพวกเขา ก็น่าจะนำหนังสือเหล่านั้นออกมาและแอบทำสำเนาเพื่อจะได้นำไปศึกษาภายหลัง แต่ทั้งหมดที่เขาทำคือส่ายหัวมา 4 ชั่วโมงแล้ว ไม่ได้คิดจะเปิดดูหนังสือเล่มไหนเลย

ถ้าการฉกฉวยความลับของสำนักใดๆสามารถทำได้ด้วยการส่ายหัว โลกนี้ก็คงไม่มีความลับอีกแล้ว

“จะต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่ที่ทำให้เขาตั้งหน้าตั้งตาส่ายหัวถึง 4 ชั่วโมงเต็ม ขอผมลองดูหน่อย!” ผู้อาวุโสหงอู่พูด

เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำหนังสือออกมา 2-3 เล่มและวางไว้รอบตัว ผู้อาวุโสหงอู่สูดหายใจลึกก่อนจะส่ายหัวตามแบบของจางเซวียนที่ปรากฏในบันทึก

เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสที่ 1 รีบถาม “เป็นอย่างไรบ้าง คุณรู้สึกถึงอะไรแปลกๆบ้างไหม?”

“ผม…เวียนหัว อยากอาเจียน!” ผู้อาวุโสหงอู่พูดออกมาด้วยความยากลำบาก

“….” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวกับผู้อาวุโสที่ 1

ผ่านไป 6 ชั่วโมงกว่าหลิวหยางคนนั้นจะหยุดส่ายหัว เขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นและหลับตา ดูเหมือนกำลังพักผ่อน

“จบสิ้นเสียที…”

ฝูงชนถอนหายใจอย่างโล่งอก

การได้เห็นอีกฝ่ายส่ายหัวตลอดเวลาทำให้พวกเขามึนงง ทุกคนไม่เข้าใจสักนิดว่าใครคนหนึ่งจะเอาแต่ส่ายหัวอยู่อย่างนั้นถึง 6 ชั่วโมงเต็มได้อย่างไร?

“เขากำลังฝึกฝนวรยุทธ!” ผู้อาวุโสหงอู่อุทานออกมา

ดูเหมือนชายหนุ่มกำลังเหน็ดเหนื่อย จึงตั้งใจจะเยียวยาตัวเองสักเล็กน้อยหลังจากส่ายหัวอยู่นาน

“เดี๋ยว…นั่นเขากินยาเม็ดอมตะขั้นสุดยอดใช่ไหม?”

จากภาพที่ปรากฏในบันทึก หลังจากหลิวหยางทรุดตัวลงนั่งได้ไม่นาน ก็เริ่มกินยา หนึ่งเม็ด, สองเม็ด, สามเม็ด…หลังจากกินยาเม็ดอมตะขั้นสุดยอดเข้าไปรวดเดียว 5 เม็ด เขาก็พรวดพราดลุกขึ้น

“เป็นนักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์..เขาซึมซับพลังงานจากยาได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ?” ผู้อาวุโสที่ 1 หน้าซีด

ยาเม็ดอมตะขั้นสุดยอดเป็นทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธที่ใช้ได้ผลแม้แต่กับนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ แม้ตัวเขาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันเพื่อซึมซับพลังงานจากยาเพียงเม็ดเดียวให้ได้ทั่วถึง ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นแค่นักรบอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ การกินยาเข้าไปรวดเดียว 5 เม็ดก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!

ชายหนุ่มไม่กลัวว่าจะแน่นหน้าอกจนตายหรือ?

“หรือเขากำลังจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูง?” เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวตั้งข้อสังเกตพร้อมกับขมวดคิ้ว

แต่ในตอนนั้นเอง หลิวหยางก็ลุกพรวด

ฟึ่บ! ควั่บ!

ฝ่ามือของเขาเคลื่อนไหวไปมาด้วยความดุเดือดอย่างน่าทึ่ง

“นั่นมัน…ฝ่ามือมังกรกลายร่างของผม!” ผู้อาวุโสที่ 1 ถึงกับผงะ

กระบวนท่าที่ชายหนุ่มกำลังสำแดงออกมาคือฝ่ามือมังกรกลายร่างที่เขามีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายว่องไวและลื่นไหลกว่ามาก

ตัวเขาฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้นี้มาหลายปีกว่าจะเชี่ยวชาญ แต่ชายหนุ่มสำแดงมันออกมาได้ดีกว่าเขาเสียอีกทั้งที่เป็นความพยายามครั้งแรก

ในวินาทีนั้น ผู้อาวุโสที่ 1 รู้สึกราวกับว่าการฝึกฝนอย่างหนักของเขาตลอดระยะเวลาหลายปีล้วนแต่สูญเปล่า

“ไม่ใช่แล้วล่ะ มีบางอย่างแปลกๆ…เขาสำแดงเทคนิคนี้ผิดเพี้ยนไปหน่อย เอ๊ะ? ทำไมถึงดูเหมือนรูปแบบของเขาจะเข้าท่ากว่า? มันดูแข็งแกร่งกว่ารูปแบบเดิมเสียอีก” ผู้อาวุโสที่ 1 ตั้งข้อสังเกต

ในฐานะนักรบผู้จมดิ่งกับการฝึกฝนฝ่ามือมังกรกลายร่างให้เชี่ยวชาญมาเนิ่นนานหลายปี เขาดูออกทันทีว่าการสำแดงเทคนิคของชายหนุ่มเบี่ยงเบนไปจากศาสตร์ลับดั้งเดิม แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ดูเหมือนมันจะลื่นไหลกว่ามาก ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังใช้เวอร์ชั่นต้นแบบ ขณะที่ตัวเขาใช้เวอร์ชั่นที่ถูกขโมยมา!

“ขอผมลองดูหน่อย” ผู้อาวุโสที่ 1 พูดขณะลุกขึ้นยืน

เขาสำแดงฝ่ามือมังกรกลายร่างตามท่วงท่าของชายหนุ่ม

บึ้มมมม!

เกิดเสียงดังกึกก้อง กระแสพลังปราณพวยพุ่งออกจากร่างของเขา รู้สึกได้ถึงรังสีอันทรงพลังอย่างน่าทึ่ง “นี่มัน…การประสบความสำเร็จในภาพรวม?”

ผู้อาวุโสที่ 1 รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า

ขนาดเขาใช้เวลาหลายสิบปีเพื่อศึกษาฝ่ามือมังกรกลายร่าง ก็รู้ดีว่ายังห่างไกลเหลือเกินจากการประสบความสำเร็จในภาพรวม ตัวเขามีชื่อเสียงจากการเป็นนักรบเพียงคนเดียวในสำนักดาวเจ็ดดวงที่ฝึกฝนเทคนิคนี้จนเชี่ยวชาญ แต่แท้ที่จริงแล้วเขาถอดใจจากมันนานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่อาจเข้าถึงการประสบความสำเร็จในภาพรวมได้

แต่ใครจะไปรู้ว่าเพียงแค่เลียนแบบกระบวนท่าของชายหนุ่ม เขาก็ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ?

มันรวดเร็วเกินไป!

ในเวลานั้น หลิวหยางที่อยู่ในบันทึกก็เปลี่ยนจากการสำแดงฝ่ามือมังกรกลายร่างมาเป็นฝ่ามือไร้บุปผา

คราวนี้ถึงตาของผู้อาวุโสหงอู่ที่ชะงัก ไม่ช้าเขาก็ตั้งต้นเลียนแบบกระบวนท่าของชายหนุ่ม

ซึ่งก็เหมือนเดิม ใช้เวลาไม่นานผู้อาวุโสหงอู่ก็ฝ่าด่านคอขวดที่เขากำลังเผชิญอยู่ได้

จากนั้น ชายหนุ่มก็ตั้งต้นสำแดงหมู่เมฆสายฟ้าฟาดของเจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยว ซึ่งก็เหมือนกับ 2 คนแรก หลังจากที่เจ้าสำนักคุ่ยเฉี่ยวเลียนแบบกระบวนท่าของชายหนุ่มได้ไม่นาน เขาก็ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ

ผ่านไปครู่หนึ่งกว่าเจ้าสำนักคุ่ยจะหายตกใจ เขาพึมพำกับตัวเอง “แค่ส่ายหัวไปมา 6 ชั่วโมง หลิวหยางก็สามารถทำความเข้าใจเทคนิคการต่อสู้ที่ลึกซึ้งที่สุดของสำนักของเรา แถมยังแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วย ทำให้มันทรงพลังกว่าเดิมมาก หรือว่าการส่ายหัวช่วยทำให้จิตใจโล่งและปลอดโปร่ง ทำให้ศึกษาเทคนิคการต่อสู้ได้รวดเร็วกว่าเดิม?”

แต่เมื่อครู่นี้เขาก็แอบลองดูแล้ว ซึ่งการส่ายหัวมีแต่จะทำให้เขามึนงง มองอะไรก็ไม่ชัดเจน แล้วชายหนุ่มทำได้อย่างไร?

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset