อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2143 ผมคิดว่าเราควรลองแบบนี้…

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2143 ผมคิดว่าเราควรลองแบบนี้…

“วางใจเถอะ ท่านอาจารย์ ทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อคุณกลับมา!” หานเจี้ยนชิวประกาศชัดเจน

“ท่านอาจารย์?” หัวหน้าตู้แปลกใจกับคำเรียกขานที่หานเจี้ยนชิวใช้เรียกจางเซวียน “หานเจี้ยนชิว เมื่อครู่นี้คุณเรียกจางเซวียนว่าอะไรนะ? นี่คุณ…รับจางเซวียนเป็นอาจารย์แล้วหรือ?”

เพราะทุกคนหารือกันอย่างเคร่งเครียดทันทีที่เธอปรากฏตัว ตู้ชิงหย่วนจึงยังไม่รู้ว่าเจ้าสำนักคนอื่นๆได้ยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์ของพวกเขาแล้ว

“ใช่ คุ่ยเฉี่ยว ฉิงหย่วน กับผม…ยอมรับเจ้าสำนักจางเป็นอาจารย์ของพวกเราแล้ว” หานเจี้ยนชิวตอบยิ้มๆ

ไม่เคยมีมาก่อนที่ผู้นำกลุ่มอำนาจใหญ่อย่างพวกเขาจะยอมรับชายหนุ่มที่มีอายุเพียง 20 ต้นๆเป็นอาจารย์ แต่ทุกคนก็ไม่เสียใจกับการตัดสินใจนั้น เพราะถ้าไม่ใช่คำสอนของชายหนุ่ม ทุกคนคงไม่อาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์-สรวงสวรรค์ได้อย่างง่ายดายแบบนี้

“พวกคุณก็เหมือนกันหรือ?” ตู้ชิงหย่วนงุนงงอย่างหนัก

ใครๆก็รู้ว่าเจ้าสำนักทั้ง 3 คือนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่ถูกลืม แต่กลับยอมลดเกียรติและศักดิ์ศรีลงมาเพื่อยอมรับจางเซวียนเป็นอาจารย์

เธอรู้ดีว่าจางเซวียนคนนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา แต่หากจะให้เธอยอมรับเขาด้วย ก็ออกจะมากเกินไป

เห็นความตกตะลึงของตู้ชิงหย่วน จางเซวียนยิ้มออกมา “ผมไม่รังเกียจหรอกนะถ้าคุณจะรับผมเป็นอาจารย์”

คงจะดีที่สุดหากตู้ชิงหย่วนทำให้เขาได้หน้าหนังสือสีทองอีกสักหน้า เพราะถึงอย่างไรเขาก็แค่รับเธอเป็นศิษย์ธรรมดา ไม่ใช่ศิษย์สายตรง จึงไม่จำเป็นต้องลังเลอะไรมากมาย

“เอ่อ คงไม่ล่ะ” ตู้ชิงหย่วนชะงักกับข้อเสนอที่ได้รับอย่างกะทันหัน เธอรีบส่ายหน้าและปฏิเสธโดยไม่ลังเล แต่แล้วก็คิดได้ว่าอาจเป็นการแสดงกิริยาไม่สุภาพ จึงรีบเสริม “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ”

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเองก็หวั่นไหวเล็กน้อยกับข้อเสนอนั้น เธอรู้ดีว่าจางเซวียนคือคนรักของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ และไม่สงสัยเลยว่าในอนาคตเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่

เพียงแต่เธอรับไม่ได้ที่จะต้องยอมรับใครสักคนที่อายุน้อยกว่าเธอมากมายเป็นท่านอาจารย์

“ไม่เป็นไร ออกเดินทางสู่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายกันเถอะ”

จางเซวียนรู้ดีว่าหน้าหนังสือสีทองไม่มีทางปรากฏหากตู้ชิงหย่วนไม่เต็มใจ จึงไม่เซ้าซี้ เขาออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย มีตู้ชิงหย่วนตามไปติดๆ

หลังจากทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์แล้ว ความเร็วของจางเซวียนก็เร็วกว่าแต่ก่อนมาก คราวที่แล้วเขาใช้เวลาราวครึ่งวันกว่าจะถึงทะเลทรายที่อยู่เหนือเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย แต่คราวนี้ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง

ไม่ช้าจางเซวียนก็พบทางเข้าและมุดลงไปใต้ผืนทราย

เขาเดินตามรอยเท้าของตัวเองไป ในที่สุดก็มาถึงบริเวณที่เคยช่วยชีวิตเจียงเหยาไว้

ตู้ชิงหย่วนมองไปรอบๆก่อนจะตั้งข้อสังเกต “ไม่ใช่ที่นี่หรอก เราต้องหาศูนย์กลางของเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายให้เจอ”

อันที่จริง เธอไม่เคยเข้าสู่เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายมาก่อน แต่เหล่าบรรพบุรุษของตำหนักคว้าดาวเคยมาที่นี่ และคนเหล่านั้นก็บันทึกเรื่องราวการเดินทางและการสำรวจของพวกเขาไว้ ด้วยบันทึกนี้ เจียงเหยาจึงสามารถล่อฟู่เฉิงสื่อกับคนอื่นๆให้มาติดกับและเกือบสังหารคนเหล่านั้นได้สำเร็จ

ทั้งสองเดินหน้าต่อไป

ด้วยพละกำลังอันเหนือชั้นของเขา จางเซวียนรับมือกับอสูรเสื่อมถอยที่ขวางทางอยู่ได้อย่างง่ายดาย ตลอดเส้นทางที่เดินไป ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายเขาได้อีก

ตู้ชิงหย่วนที่ตามหลังชายหนุ่มไปติดๆออกจะลังเลเล็กน้อยกับภาพของชายหนุ่มที่รับมือกับสิ่งมีชีวิตพิลึกพิลั่นเหล่านั้นได้สบาย ซึ่งตัวเธอไม่เคยแม้แต่จะกล้าเข้าใกล้มัน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เห็นพละกำลังของจางเซวียนกับตา แต่ก็ยังอัศจรรย์ใจกับความทรงพลังของเขา เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาฝึกฝนวรยุทธจนแข็งแกร่งขนาดนี้ภายในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร

ทั้งคู่สำรวจพื้นที่ต่อไปอีกราว 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา

รู้ดีว่าคงเสียเวลาเปล่าหากสำรวจเมืองใหญ่ขนาดนี้โดยไร้จุดหมาย ในที่สุดจางเซวียนก็หยุด “มัวทำแบบนี้ เราหาต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอยไม่พบหรอก”

“แล้วคุณคิดอย่างไร?” ตู้ชิงหย่วนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ความเข้าใจของเธอที่มีต่อสถานที่แห่งนี้ก็ถูกจำกัดอยู่แค่บันทึกของเหล่าบรรพบุรุษ จึงเป็นธรรมดาที่จะอับจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะตามหาต้นกำเนิดของบรรยากาศการเสื่อมถอยได้อย่างไร

ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ปล่อยให้ตัวเองค้นหาไปทั่วอย่างสะเปะสะปะ

จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “ผมคิดว่าเราควรลองแบบนี้…”

ฟึ่บ!

ตัวโคลนปรากฏตรงหน้าเขา

ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ ไม่น่ามีจะมีใครในมิติเบื้องบนทำร้ายเขาได้อีก ดังนั้น หากจะเปิดเผยการมีอยู่ของตัวโคลนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

“นั่นตัวโคลนของคุณหรือ?” ตู้ชิงหย่วนถึงกับงง

เธอไม่เข้าใจว่าจางเซวียนคิดจะทำอะไร ตัวโคลนของเขามีความสามารถใดที่จะช่วยเขาได้ในสถานการณ์แบบนี้?

“ยืนนิ่งๆนะ!” จางเซวียนสั่งการขณะชักดาบถงซังออกมา จากนั้นก็ฟันฉับลงไปที่ท่อนแขนของตัวโคลนโดยไม่ลังเล

ฟิ้ววววว!

ทันทีที่ตัวโคลนได้รับบาดเจ็บ บรรยากาศของการเสื่อมถอยก็กรูเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว ความเข้มข้นของมันทำให้เกิดหมอกสีเทาปกคลุมโดยรอบ

“ต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอยควรจะมีปริมาณของบรรยากาศเสื่อมถอยที่เข้มข้นกว่านี้” จางเซวียนอธิบายการกระทำของเขา

เมื่อเข้าใจความคิดของจางเซวียน หัวหน้าตู้ตาโตขณะอุทานอย่างตื่นเต้น “คุณพูดถูก!”

แต่แน่นอนว่าสำหรับเรื่องนั้น การพูดง่ายกว่าทำ เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายเป็นพื้นที่ปิด และตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา บรรยากาศของการเสื่อมถอยก็ซึมซาบออกไปยังบริเวณใกล้เคียง ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องสำรวจบรรยากาศเสื่อมถอยในบริเวณโดยรอบด้วยกว่าจะตรวจจับความแตกต่างบางอย่างได้

“ทางนั้น!” ตู้ชิงหย่วนรีบชี้นิ้วไป

จางเซวียนพยักหน้า เขากับตัวโคลนมุ่งหน้าไป

หลังจากนั้น ทุกครั้งที่พวกเขาไม่แน่ใจ จางเซวียนก็จะใช้ดาบฟันตัวโคลนเพื่อจับทิศทาง จนเมื่อถึงครั้งที่ 8 ตัวโคลนก็แทบระเบิดด้วยความโมโห แต่โชคดีที่วิหารเก่าแก่แห่งหนึ่งปรากฏตรงหน้าพวกเขาเสียก่อน

แม้จะถูกทำลายจนแทบจะเหลือแต่เศษซาก แต่วิหารแห่งนี้ก็ยังมีอาณาบริเวณทอดยาวออกไปมากกว่า 10 ลี้ ทำให้ยากจะจินตนาการได้ว่ามันเคยโอ่อ่าอลังการแค่ไหนก่อนจะถูกทำลาย ด้วยฤทธิ์กัดกร่อนของบรรยากาศเสื่อมถอย เศษอิฐหินปูนทรายที่กระจัดกระจายจึงมีความมืดมิดชั้นบางๆปกคลุมอยู่

พื้นที่นั้นแห้งแล้งและว่างเปล่า ไม่มีสีเขียวให้เห็นแม้แต่น้อย ลมรุนแรงเกรี้ยวกราดพัดมาเป็นระยะ ทำให้ทุกคนตัวสั่นด้วยความขยะแขยง

“ที่นี่หรือ?” ตู้ชิงหย่วนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ด้วยธรรมชาติอันแปลกประหลาดพิสดารของบรรยากาศเสื่อมถอย น่าจะมีพืชพิเศษบางชนิดที่งอกงามได้ในภูมิอากาศแบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าต้นกำเนิดของบรรยากาศเสื่อมถอยจะอยู่ในสถานที่แห้งแล้งว่างเปล่าอย่างที่เห็น

“น่าจะเป็นที่นี่แหละ…” จางเซวียนตอบ

จนถึงตอนนี้ บาดแผลบนร่างของตัวโคลนก็ยังมีเลือดไหลอยู่ ด้วยความเข้มข้นของบรรยากาศเสื่อมถอยที่รู้สึกได้ พวกเขาน่าจะอยู่ที่ต้นกำเนิดของมันแล้ว ไม่มีสถานที่อื่นใดในเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายที่จะให้ความรู้สึกไม่สบายตัวเท่ากับที่นี่

“เราควรรีบค้นหานะ” ตู้ชิงหย่วนไม่อยากอยู่ตรงนี้ให้นานเกินไป เธอรีบสำรวจซากปรักหักพังอย่างถี่ถ้วน เกรงว่าจะพลาดรายละเอียดปลีกย่อย

แต่จางเซวียนดูจะไม่รีบร้อน เขาสบตากับตัวโคลนขณะสำรวจบริเวณโดยรอบอย่างละเอียด

ครู่ต่อมา พวกเขาก็เดินไปถึงพื้นที่ที่มีแต่ซากปรักหักพัง

จางเซวียนยกมือขึ้น ด้วยคลื่นทรงพลังจากฝ่ามือของเขา เศษซากปรักหักพังบนพื้นถูกกวาดออกไปด้านข้าง เผยให้เห็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ

รอยแยกดำมืดพาดผ่านพื้นที่นั้น บ่งบอกถึงร่องรอยของพละกำลังทำลายล้างที่เคยเกิดขึ้น

จางเซวียนชักดาบถงซังและตัดก้อนหินที่พื้นออกมาเสี้ยวหนึ่ง เขาพิจารณาหินก้อนนั้นอย่างถี่ถ้วน และเห็นว่าแม้แต่ด้านในของมันก็ถูกฉาบด้วยความมืดมิด ผิวหน้าของมันเปล่งประกายแปลกประหลาดออกมา ให้ความรู้สึกราวกับมีอสูรตัวหนึ่งกำลังจับจ้องและพร้อมจะกลืนกินจิตวิญญาณของอีกฝ่ายหากจ้องมันนานเกินไป

จางเซวียนใช้นิ้วแตะก้อนหินอย่างระมัดระวัง

วิ้งงงง!

หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า

“หินโลหิตเทพเจ้า ก่อตัวขึ้นจากการซึมซับโลหิตของเทพเจ้า…”

นี่คือคำอธิบายส่วนหนึ่งที่ปรากฏในหนังสือ

“เรามาถูกที่แล้ว…” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะเริ่มย่นหน้าผาก

ครั้งแรกที่พบก้อนหิน เขารู้สึกคุ้นตากับมันอย่างน่าประหลาด เพียงแต่สีสันของมันผิดเพี้ยนไป จึงตัดมันออกมาเสี้ยวหนึ่งเพื่อใช้หอสมุดเทียบฟ้าตรวจสอบ และมันก็ยืนยันความคิดของเขา

ถ้านี่คือหินโลหิตเทพเจ้า รอยแยกสีดำบนพื้นดินก็น่าจะเกิดจากการไหลของโลหิตเทพเจ้า

แต่ข้อสงสัยเดียวของเขาก็คือ…ทำไมหินโลหิตเทพเจ้าก้อนนี้ถึงดูหยาบและเทอะทะ ราวกับไม่เคยผ่านการขัดเกลา มันไม่เหมือนกับหินโลหิตเทพเจ้าที่เกิดจากเลือดของหลัวลั่วชิง

หรือว่าหินโลหิตเทพเจ้าก็มีระดับขั้น?

จางเซวียนสะบัดข้อมือ เขานำหินโลหิตเทพเจ้าที่ได้จากทะเลพลัดดาวออกมาเปรียบเทียบกัน ความแตกต่างนั้นราวกับนำหินฝนหมึกมาเทียบกับอัญมณี

ทั้ง 2 ก้อนทำจากวัตถุเดียวกัน แต่หน้าตาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากไม่พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าแท้ที่จริงคือสิ่งเดียวกัน!

“หินโลหิตเทพเจ้าก่อตัวขึ้นเมื่อโลหิตเทพเจ้าซึมซาบเข้าสู่ก้อนหิน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น…ศพของเทพเจ้าก็น่าจะอยู่แถวนี้”

จางเซวียนลุกขึ้นยืน เขากวัดแกว่งดาบถงซังจนเศษซากปรักหักพังบริเวณนั้นถูกกวาดไปด้านข้าง บนพื้นที่ว่างนั้น เขาพบก้อนหินอีกจำนวนหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกันกับหินโลหิตเทพเจ้าสีดำ

พูดอีกอย่างก็คือ โลหิตเทพเจ้าซึมซาบไปทั่วทั้งบริเวณ

“หัวหน้าตู้!” จางเซวียนร้องเรียก

ตู้ชิงหย่วนรีบบินเข้ามา

เธอเองก็ไม่พบอะไรมากนักจากการสำรวจ

“คุณพบมันแล้วหรือ?”

“ยังหรอก แต่ผมคิดว่าร่องรอยสีดำพวกนี้น่าจะเป็นเงื่อนงำที่บอกเราได้ว่าศพของเทพเจ้าอยู่ไหน…” จางเซวียนพูดขณะชี้นิ้วไปที่พื้นดิน

ตู้ชิงหย่วนมองตาม

รอยแยกสีดำเหล่านั้นดูจะมีบางอย่างแปลกๆ ดูเหมือนพวกมันจะเก็บงำความลึกลับบางอย่างไว้ เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็ไม่ต่างกับอักษรจารึกที่ปรากฏบนโขดหินสมอสวรรค์

หลังจากขมวดคิ้วและมองไปรอบๆได้ครู่หนึ่ง ตู้ชิงหย่วนก็ตาโตและอุทานออกมา “มันดูเหมือน…พิธีกรรม!”

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset