อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2260 ปลอมตัว

จางเซวียนครุ่นคิดหนัก แต่ก็คิดไม่ออก ลงท้าย เขามององครักษ์ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะพูดออกไป “บอกคุณตามตรงนะ ผมอยากพบจอมราชันย์อมตะให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม คุณพอรู้วิธีที่เป็นไปได้บ้างไหม?”

“คุณอยากพบจอมราชันย์ของพวกเรา?” องครักษ์ส่ายหน้า “พวกเราก็อยากพบจอมราชันย์กันทั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่ระดับวรยุทธยังอ่อนด้อย บางที คงมีแต่ราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติเท่านั้นแหละที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้พบเขา”

ในฐานะพลเมืองของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะอยากรู้ว่าจอมราชันย์ของตัวเองเป็นใคร แต่หากทุกคนได้รับอนุญาตให้พบจอมราชันย์ อีกฝ่ายก็คงไม่เป็นอันทำงานทำการ แค่ใช้เวลาพบปะทุกคนก็คงเหนื่อยตาย!

“ถ้าอย่างนั้น…การเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณล่ะ?” จางเซวียนถามต่อ “ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิด ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณคงไม่ได้ปิดตายอย่างสิ้นเชิงจากทั้งโลกหรอกนะ ใช่ไหม?”

“การเข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณนั้นทำได้ แต่ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน โดยปกติ มีแต่ผู้ที่จอมราชันย์เรียกตัวเท่านั้นถึงจะเข้าไปในตำหนักได้…ขนาดสมาชิกของสามตระกูลใหญ่ ก็จะมีเพียงคนเดียวที่เหนือชั้นกว่าทุกคนที่จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเพื่อฝึกฝนวรยุทธในนั้นเป็นเวลา 1 คืน” องครักษ์ตอบ

“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้ฝึกฝนวรยุทธในตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเป็นเวลา 1 คืน?” จางเซวียนทวนคำ

“ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของเผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์คือการฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่าน” องครักษ์พูด “แต่สายเลือดเดียวที่สืบทอดความสามารถนี้มาก็คือนกฟีนิกซ์สวรรค์สร้างอมตะ อีกทั้งจอมราชันย์ของเราก็ไม่มีทายาท เขาจึงอนุญาตให้เผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์จัดการประลองในหมู่พวกเขาทุก 100 ปี เพื่อคัดเลือกทายาทที่ปราดเปรื่องที่สุดให้เข้าสู่แอ่งลาวาอมตะ ด้วยอำนาจของแอ่งลาวาอมตะ พวกเขามีโอกาสที่จะทำความเข้าใจแก่นสารอมตะได้สำเร็จ และด้วยรากฐานของแก่นสารอมตะ ทั้งวรยุทธและสถานภาพของคนเหล่านั้นจะพุ่งพรวด มีความเป็นไปได้สูงว่านักรบผู้นั้นจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นราชันย์เทพเจ้าได้อย่างรวดเร็ว!”

“แอ่งลาวาอมตะ?” จางเซวียนประหลาดใจเล็กน้อย “สถานที่แห่งนั้นเสื่อมสภาพไปหลายสิบปีแล้วไม่ใช่หรือ?”

เขาเคยฟังเรื่องนี้จากจัวเฟิง

แอ่งลาวาอมตะเคยเป็นสถานที่บ่มเพาะกายเนื้อที่ดีที่สุดในสรวงสวรรค์ แต่ปัญหาเดียวก็คือมันเสื่อมสภาพไปและไม่อาจซ่อมแซมได้อีก จางเซวียนจึงต้องใช้ทะเลสาบจันทร์กระจ่างแทน

“ผมก็ไม่รู้รายละเอียด แต่ต่อให้มันเสื่อมสภาพไปแล้ว พลังจิตวิญญาณในนั้นก็น่าจะยังอยู่ อีกอย่าง ในตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณยังมีร่องรอยของจอมราชันย์ของเราด้วย ซึ่งย่อมเป็นประโยชน์ต่อนักรบที่ได้ฝึกฝนวรยุทธในนั้น” องครักษ์ตอบ

จางเซวียนพยักหน้า

ยิ่งระดับวรยุทธสูงขึ้นเท่าไหร่ ผู้นั้นก็จะยิ่งมีความเข้าใจในสรวงสวรรค์อย่างล้ำลึกกว่าเดิม

จอมราชันย์เหนือชั้นจนถึงระดับที่แม้กิริยาท่าทางที่พวกเขาแสดงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจก็อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจของนักรบคนอื่นๆได้ นักรบคนหนึ่งอาจนำไปพินิจพิจารณาได้ชั่วชีวิตเลยทีเดียว

สิ่งนี้ก็เหมือนกับการที่คำสอนของปรมาจารย์ขงถูกเหล่านักรบในทวีปแห่งปรมาจารย์ตีความผ่านทางของล้ำค่าชิ้นต่างๆที่เขาทิ้งไว้

ต่อให้แอ่งลาวาอมตะเสื่อมสภาพไปแล้ว แต่โอกาสในการได้ฝึกฝนวรยุทธเป็นเวลา 1 คืนในตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณก็ยังคงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาวรยุทธของเหล่านักรบ

“ขอแค่เราได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ก็มีโอกาสพบลั่วชิง…” จางเซวียนกำหมัดแน่น

ตอนนี้ การซักถามรายละเอียดต่างๆของจอมราชันย์อมตะถือเป็นเรื่องยาก มีโอกาสที่เขาจะได้รับข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือและอาจทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม

ดังนั้น จึงไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณด้วยตัวเองและได้เห็น ข้อเท็จจริงกับตา

เมื่อคิดได้ จางเซวียนรีบถาม “เมื่อครู่นี้คุณบอกว่าทายาทที่ปราดเปรื่องที่สุดของสามตระกูลใหญ่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณใช่ไหม? แล้วพวกเขาคัดเลือกทายาทที่ปราดเปรื่องที่สุดกันอย่างไร?”

“แน่นอนว่าคัดเลือกโดยผ่านการประลอง” องครักษ์ตอบ “คุณมาทันเวลาพอดี การประลองที่มีขึ้นทุก 100 ปีจะถูกจัดขึ้นในอีก 5 วันจากนี้ แต่ละตระกูลจะคัดเลือกทายาทที่ปราดเปรื่องที่สุดของพวกเขาตระกูลละ 10 คนเพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประลอง ซึ่งผู้ที่ได้ชัยชนะจะได้รับสิทธิ์ให้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ ส่วนการประลองจะมีรายละเอียดอย่างไรนั้น ผมเกรงว่าจะไม่รู้แน่ชัด แต่นั่นแหละ ข่าวนี้สร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่ในเมืองหลวง ผู้คนมากมายพากันตั้งหน้าตั้งตารอ”

หลังจากซักถามอีก 2-3 ข้อ จางเซวียนก็พอจับทางของสถานการณ์ได้

ทุก 100 ปี จะมีนักรบเพียงคนเดียวที่ได้เข้าสู่ตำหนักเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ การประลองจึงโหดหินไม่เบา ถือเป็นงานใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากมายทุกครั้ง

แม้แต่ในหมู่สมาชิกของ 3 ตระกูลใหญ่ ก็ยังมีเงื่อนไขของการที่ใครสักคนจะได้เป็นตัวแทน โดยระดับวรยุทธของพวกเขาจะต้องเป็นเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูงเป็นอย่างน้อย อีกทั้งอายุไม่เกิน 30 ปีด้วย

แม้จะมีสายเลือดเหนือชั้นของเผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์ แต่เงื่อนไขเหล่านี้ก็จุกจิกพอที่จะกันผู้คนออกไปได้มากมาย

เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก่งกาจราวปีศาจเหมือนกับจางเซวียน ไม่ใช่ทุกคนที่จะก้าวข้ามด่านคอขวดของตัวเองได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งไปกว่านั้น สายเลือดของเขาจะต้องบริสุทธิ์พอ สติปัญญาก็ต้องอยู่ในระดับที่น่าพอใจด้วย เพราะคงเป็นการเสียโอกาสไปเปล่าๆหากผู้ชนะการประลองไม่อาจทำความเข้าใจแก่นสารอมตะได้

ถึงองครักษ์จะไม่แน่ใจว่ารูปแบบของการประลองเป็นอย่างไร แต่การทดสอบก็น่าจะออกมาในรูปแบบของการประเมินระดับวรยุทธ ความอดทน และไหวพริบ มีแต่ผู้ที่ผ่านเงื่อนไขทั้งหมดนี้เท่านั้นจึงจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่ง

“ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา, สามตระกูลใหญ่ต่างเรียกเหล่าทายาทของพวกเขากลับเมืองหลวง เพื่อจะได้ทันเข้าร่วมการคัดเลือก” องครักษ์พูด

จางเซวียนพยักหน้า

เป็นธรรมดาที่เหล่าทายาทของตระกูลใหญ่จะเดินทางไปทั่วทั้งสรวงสวรรค์เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องกลับมารวมตัวกันเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญแบบนี้

จางเซวียนซักไซ้ต่อไป ซึ่งองครักษ์ก็ตอบเท่าที่เขารู้ เมื่ออีกฝ่ายกล่าวอำลา จางเซวียนจึงตั้งต้นออกเดินสำรวจเมือง

เมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดเป็นเมืองลอยได้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง มันไม่ได้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเมืองที่อยู่บนพื้นดิน จางเซวียนเดินลัดเลาะไปตามถนนขณะประมวลข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้รับมา

ก็เหมือนกับเผ่าพันธุ์มังกรของน่านฟ้ามังกรเมฆ เผ่าพันธุ์นกฟีนิกซ์คงจะมีทายาทอยู่มากมายทั่วทั้งสรวงสวรรค์ บางส่วนกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมขณะที่บางส่วนตัดสินใจตั้งรกรากที่อื่น ดังนั้นจึงไม่มีทาง จะติดตามชีวิตของทุกคนในตระกูลได้

พอจะเป็นไปได้ไหมหากเราจะใช้ตัวตนใหม่เหมือนกับหลัวเทียนหยาและแอบเข้าไปในตระกูลใดตระกูลหนึ่งเพื่อหาโอกาสเข้ารับการคัดเลือก?

 

ตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายหมื่นปีย่อมขยายใหญ่เกินกว่าจะบันทึกรายชื่อสมาชิกทุกคนไว้ในสารบบได้ สมาชิกบางคนอาจถูกสังหารขณะออกไปปฏิบัติภารกิจ บางคนอาจถูกกักขังอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือบางคนก็อาจประสบกับโชคดีครั้งใหญ่จนไม่ได้เดินทางกลับมา…

มีผู้คนมากมายที่รายชื่อของพวกเขาไม่ได้ถูกบันทึกไว้ แต่แท้ที่จริงยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้

ก็เพราะเหตุผลนี้ที่ทำให้น่านฟ้ามังกรเมฆประกาศต่อชาวโลกว่าพวกเขาจะดำเนินมาตรการเข้มงวดจริงจังกับใครก็ตามที่ค้าขายหรือกักขังอสูรชนิดใดก็ตามที่มีสายเลือดมังกร โดยวัตถุประสงค์ของการทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องสมาชิกของพวกเขาที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วทั้งสรวงสวรรค์ รวมทั้งนำตัวผู้ที่ตกหล่นกลับสู่ถิ่นฐานเดิม

นี่คือตัวตนที่สมบูรณ์แบบสำหรับจางเซวียนในการคว้าสิทธิ์ให้ได้เป็น 1 ใน 10 ตัวแทนของการประลองที่กำลังจะมาถึง

ขอแค่การตรวจสอบสายเลือดของเขาผ่านพ้นไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ เขาก็จะปลอดภัย

ส่วนผู้ที่เขาควรปลอมตัวเป็นอีกฝ่าย…

นั่นคงไม่ใช่ปัญหา ตระกูลพวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตั้งต้นแกะรอยภูมิหลังของเขาอย่างไร!

“ตามนี้แหละ!”

จางเซวียนทบทวนแผนการอีกครั้ง แต่ไม่พบจุดอ่อนใด จึงตัดสินใจมุ่งหน้าสู่หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด-ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ

สิ่งปลูกสร้างในที่อยู่ในอาณาบริเวณของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟล้วนมีสีแดงก่ำ เกิดเป็นประกายล้อแสงอาทิตย์ ทั้งเมืองร้อนเร่าราวกับกองเพลิง ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มีวรยุทธระดับเทพเจ้าเป็นอย่างน้อย พวกเขาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 1 นาที

แต่กายเนื้อของจางเซวียนได้รับการบ่มเพาะจากทะเลสาบจันทร์กระจ่าง ทำให้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับของล้ำค่าระดับเทพเจ้าสวรรค์สร้างขั้นสูง ความร้อนระดับนี้ยังอยู่ในวิสัยที่เขารับมือได้

ขณะที่เดินไปตามถนน จางเซวียนถามผู้คนที่ผ่านไปมาว่าตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟพำนักอยู่ที่ไหน ก่อนจะมุ่งหน้าไปตามนั้น

ไม่ช้าเขาก็มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ที่นี่ไม่ต่างกับตระกูลฉี มีค่ายกลทรงพลังเรียงรายอยู่โดยรอบเพื่อป้องกันคนนอกไม่ให้รุกล้ำเข้าไปด้านใน

จางเซวียนไม่ได้พยายามฝ่าค่ายกล เขาตรงไปที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงข้ามกับคฤหาสน์

องครักษ์ที่เขาคุยด้วยเมื่อครู่นี้ไม่รู้เรื่องข่าวสารบ้านเมืองหรือเรื่องราวของสามตระกูลใหญ่มากนัก ซึ่งก็เป็นอย่างที่ใครๆพูดกัน สถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเสาะหาข้อมูลก็คือโรงเตี๊ยมที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศและทุกสาขาอาชีพมารวมตัวกัน

เขาน่าจะหาข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ในอนาคตได้จากที่นี่ อย่างน้อยที่สุด จะได้ไม่อับจนปัญญาเกินไปหลังจากเข้าสู่ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟแล้ว

จางเซวียนเลือกที่นั่งข้างหน้าต่าง และสั่งไวน์กับเนื้อมาละเลียดอย่างสบายใจ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูคฤหาสน์ตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟก็เปิดออก ร่างหนึ่งสะดุดก่อนจะล้มกลิ้งไปกับพื้น

“ไสหัวไป!”

จากนั้น ชายหนุ่มสองคนก็เดินออกมาด้วยทีท่าวางก้าม

ชายหนุ่มที่สะดุดล้มกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืน เขาจ้องหน้าชายทั้ง 2 คนอย่างโกรธเกรี้ยว “ฝงเชา ฝงเชียง พวกคุณทำเกินไปแล้วนะ!”

ชายหนุ่มคนนั้นมีอายุราว 20 ต้นๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นโดดเด่นคือปานแดงที่หว่างคิ้ว สีหน้าของเขาซีดเผือดอย่างหนัก บ่งบอกว่าสภาพร่างกายไม่ดีนัก

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset