อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2262 ปล่อย…

เมื่อรู้แล้วว่าชายหนุ่มเป็นนายแพทย์ผู้ไร้เทียมทาน ฝงจิ่วเกอลุกขึ้นยืนโดยไม่ลังเลและออกหมัดพื้นฐาน

ราวกับมีมังกรตัวมหึมาโผล่พรวดขึ้นจากท้องทะเลเพื่อล่าเหยื่อ หมัดของเขามีแรงกดดันมหาศาลที่บีบบังคับให้คู่ต่อสู้ต้องยอมจำนน เพียงแค่พิจารณาแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังหมัดนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคืออัจฉริยะตัวจริงเรื่องศิลปะการต่อสู้

แต่หลังจากออกหมัดพื้นฐานไปได้เพียงครึ่งทาง ฝงจิ่วเก่อก็หยุดกึก ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาเหือดหายไปหมด ทำให้ไม่อาจปลดปล่อยพละกำลังที่แท้จริงได้

ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของชายหนุ่มก็ซีดเผือด เสียงครางหลุดรอดจากริมฝีปากของเขา

เมื่อครั้งที่เขายังมีพละกำลังสูงสุด เขาสามารถออกหมัดแบบนี้ได้เป็นร้อยครั้งโดยไม่เหน็ดเหนื่อยสักนิด แต่ตอนนี้ ก็ทำไม่ได้แม้แต่จะออกหมัดสักครั้งโดยไม่ต้องหอบหายใจ

เรื่องนี้ทำให้เขาสิ้นหวังอย่างรุนแรง

ฝงจิ่วเกอรู้สึกราวกับว่าตัวเขาเมื่อ 2 ปีก่อนหายสาบสูญไปแล้ว และไม่มีวันกลับมาอีก การรู้ตัวว่าจะต้องใช้ชีวิตทั้งอย่างนี้ทำให้เขาหวาดหวั่นมาก

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะมองจางเซวียนอย่างสิ้นหวังและเอ่ยปาก “ขออภัยด้วยเถอะ ผมจะพยายามอีกที…”

“ไม่ต้องหรอก” จางเซวียนขัดขณะเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้า

เขาประมวลหนังสือเกี่ยวกับสภาวะของชายหนุ่มไว้แล้ว

สถานที่แห่งนี้ดูจะไม่มีอะไรที่สามารถส่งผลกระทบต่อวรยุทธของเขา…จางเซวียนขมวดคิ้ว

หนังสือระบุข้อบกพร่องไว้มากมาย แต่ไม่มีข้อไหนอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการถดถอยของวรยุทธของฝงจิ่วเกอ หรือพูดอีกอย่างก็คือ แม้แต่หอสมุดเทียบฟ้าก็ไม่อาจบอกเหตุผลที่ทำให้วรยุทธของชายหนุ่มถดถอยได้!

เรื่องนี้น่าสงสัยมาก

ตั้งแต่หอสมุดเทียบฟ้ากลับมาใช้งานได้อีกครั้งในสรวงสวรรค์ จางเซวียนก็มองเห็นปรุโปร่งแม้แต่ข้อบกพร่องของราชันย์เทพเจ้าผู้ทรงเกียรติ แล้วทำไมถึงไม่อาจค้นพบเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสภาวะปัจจุบันของฝงจิ่วเกอได้?

“คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอจับชีพจรสักหน่อย?” จางเซวียนถาม

“ผมรู้สึกสำนึกในบุญคุณมากที่คุณเต็มใจยื่นมือช่วยเหลือ แต่ถ้าคุณแก้ไขไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ผมชินกับมันแล้ว…”

สายตาเฉียบแหลมของฝงจิ่วเกอมองเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของจางเซวียนได้ทันที สายตาที่จับจ้องด้วยความคาดหวังของเขาค่อยๆหม่นลง

ก่อนหน้านี้เขาเคยปรึกษานายแพทย์มาแล้วมากมาย ซึ่งบางคนก็เป็นนายแพทย์ชื่อดังที่ผู้คนในน่านฟ้าแห่งจิตวิญญาณต้นกำเนิดรู้จักดี แต่ก็โชคร้ายที่ไม่มีใครระบุเหตุผลที่ร่างกายของเขาเกิดสภาวะแบบนี้ได้เลย

เขาไม่กล้าหวัง เพราะเกรงว่าจะต้องผิดหวังอีกครั้ง

“ผมก็แค่ขอดู คุณไม่ได้เสียหายอะไรนี่” จางเซวียนพึมพำ

“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ ถึงอย่างไรผมก็สูญเสียอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว…” ฝงจิ่วเกอถอนหายใจเฮือก

เมื่อระดับวรยุทธและสถานภาพเดิมถูกถอนออกไปจากตัวเขา เขารู้สึกราวกับตัวเองอยู่โดดเดี่ยวในโลกใบนี้ เพราะเมื่อเขาตกต่ำ ก็ไม่มีใครเต็มใจยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ฝงจิ่วเกอรู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่างในชีวิตไป

อีกอย่าง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก หากอีกฝ่ายมีเจตนาร้าย เขาก็ปกป้องตัวเองไม่ได้อยู่ดี

ฝงจิ่วเกอจึงยื่นแขนให้จางเซวียน

จางเซวียนทาบนิ้วลงบนชีพจรและแอบถ่ายทอดกระแสพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย เขาติดตามการเดินทางของกระแสพลังปราณในทางเดินพลังปราณของฝงจิ่วเกออย่างระมัดระวัง

เมื่อมันไหลผ่านจุดหนึ่ง ก็พลันหยุดกึก

ฟึ่บ!

กระแสพลังปราณเทียบฟ้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน

“ฮะ…”

จางเซวียนหรี่ตาด้วยความตกตะลึง

พลังปราณเทียบฟ้าไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง นับตั้งแต่เขาฝึกฝนเวทนาสวรรค์ ประสิทธิภาพของมันก็ยอดเยี่ยมกว่าเดิม แต่มีบางอย่างในร่างกายของฝงจิ่วเกอที่ทำให้พลังปราณเทียบฟ้าของเขาสลายตัวได้…

มันเกิดอะไรขึ้น?

จางเซวียนขับเคลื่อนกระแสพลังปราณเทียบฟ้าเข้าสู่จุดเดิมอีกครั้งด้วยความงุนงง

แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว กระแสพลังปราณก็เสื่อมสลายไป ราวกับมีพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างฝังอยู่ในร่างของฝงจิ่วเกอ คอยกลืนกินพลังปราณเทียบฟ้าของเขา

ความผิดปกติครั้งนี้ทำให้จางเซวียนหรี่ตา

ต่อให้นักรบระดับราชันย์เทพเจ้าก็ถูกเขาควบคุมได้หากได้ซึมซับกระแสพลังปราณเทียบฟ้าของเขาเข้าไป แต่บางอย่างในร่างของฝงจิ่วเกอสามารถกลืนกินพลังปราณนั้น

หรือว่าการที่วรยุทธของฝงจิ่วเกอตกฮวบจะเป็นผลจากการที่สิ่งแปลกปลอมบางอย่างในร่างกายกลืนกินพลังปราณของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน?

ขอดูหน่อยเถอะว่าแกจะกินได้สักแค่ไหน!

เรื่องนี้ทำให้จางเซวียนฮึดสู้ เขาปล่อยพลังปราณเข้าสู่ร่างของฝงจิ่วเกออย่างดุเดือด บังคับให้มันไหลเวียนไปตามทางเดินพลังปราณของอีกฝ่าย

ตอนแรก จางเซวียนยังปล่อยพลังปราณเทียบฟ้าในปริมาณน้อยเพราะเกรงฝงจิ่วเกอจะรู้ตัว แต่คราวนี้เขาใส่ไม่ยั้ง

เขาไม่เชื่อว่าบางอย่างที่อยู่ในร่างของฝงจิ่วเกอจะกลืนกินพลังงานที่เขาส่งเข้าไปได้ทั้งหมด!

ในเวลาเดียวกัน ฝงจิ่วเกอก็นัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อรู้สึกได้ถึงกระแสพลังปราณปริมาณมหาศาลที่พุ่งพรวดเข้ามา แรงกดดันจากสวรรค์ไหลเวียนอยู่ในร่างของเขาอย่างดุเดือด เขารู้สึกเหมือนกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

ฝงจิ่วเกอพยายามชักข้อมือกลับ แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายหนีบข้อมือของเขาไว้แน่นราวกับเป็นคีมโลหะ ไม่ว่าจะออกแรงดึงแค่ไหนก็ชักมือกลับไม่ได้

“ปล่อย…”

ฝงจิ่วเกออยากตะโกน แต่พลังปราณของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกบีบให้ยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง แม้แต่จะเปล่งเสียงก็ทำไม่ได้

ส่วนจางเซวียนก็ไม่ได้ใส่ใจอาการของฝงจิ่วเกอ เขาหลับตาเพื่อเพ่งสมาธิทั้งหมดเข้าสู่การรับมือกับบางอย่างที่อยู่ในร่างของชายหนุ่ม

การพุ่งพรวดของกระแสพลังปราณเทียบฟ้าทำให้สุดท้ายจางเซวียนก็จับได้ว่ามันคืออะไร มันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานสีเทาที่รวมตัวกันอยู่ แต่เขาอธิบายรูปร่างที่แน่ชัดของมันไม่ได้

เมื่อจางเซวียนปล่อยกระแสพลังปราณเข้าใส่กลุ่มพลังงานสีเทานั้น มันก็เรืองแสงสีเขียวออกมา

ไม่ใช่สิ มันไม่ได้กลืนกินพลังปราณของเรา…ดูเหมือนพละกำลังสองฝ่ายจะมีฤทธิ์เจือจางซึ่งกันและกันมากกว่า

จางเซวียนกำลังสงสัยว่าพลังงานแบบไหนที่ดูดกลืนพลังปราณเทียบฟ้าของเขาได้ แต่ดูเหมือนจะเข้าใจผิด โดยแท้ที่จริง พลังงานทั้ง 2 แบบต่างออกฤทธิ์เจือจางประสิทธิภาพของกันและกัน

เมื่อพลังปราณเทียบฟ้าของเขาปะทะกับกระแสพลังงานสีเทา มันก็หลอมรวมกันและแปรสภาพเป็นแสงสีเขียวก่อนจะสลายตัวไป

ก็ยังไม่ใช่อยู่ดีนั่นแหละ กลุ่มพลังงานสีเทาไม่น่าจะเจือจางพลังปราณเทียบฟ้าทั้งหมดของเราได้…

พลังปราณเทียบฟ้าของเขาหายวับไปทันทีที่ปะทะกับกลุ่มพลังงานสีเทา แต่ก็น่าประหลาด เพราะแม้จะถูกกลืนกินหายไปเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ก็ยังหลงเหลือเศษเสี้ยวเล็กๆอยู่

หากวัดกันเป็นสัดส่วน จากกระแสพลังปราณ 100 สาย จะต้องมีหนึ่งสายที่หลงเหลือ

เดี๋ยวก่อน! หรือว่านี่คือ…การขัดเกลา? จางเซวียนใจเต้น

เขารู้สึกได้

พลังปราณเทียบฟ้าที่หลงเหลืออยู่มีความบริสุทธิ์มากกว่าเดิมอย่างน้อยก็ 10 เท่า แม้เขาจะบอกไม่ได้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าเดิมแค่ไหน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ไม่เพียงเท่านั้น ดูเหมือนมันจะสลายพลังปราณเทียบฟ้าของเราด้วย เหลือไว้แค่พลังปราณที่เราได้มาจากการทำความเข้าใจเวทนาสวรรค์…

ตอนนี้มีกระแสพลังปราณที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบผสมผสานกันอยู่ในร่างของจางเซวียน คือพลังปราณเทียบฟ้าที่ได้จากการฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า กับพลังปราณเวอร์ชั่นพัฒนาใหม่ที่เขาได้มาหลังจากเริ่มฝึกฝนเวทนาสวรรค์

พลังปราณ 2 รูปแบบนี้ผสมผสานกันจนยากจะแยกออกจากกันได้ จางเซวียนจึงไม่ใส่ใจจะแยกแยะ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะแยกพลังปราณ 2 รูปแบบนี้ออกจากกันได้ด้วยกลุ่มพลังงานสีเทา?

กลุ่มพลังงานสีเทามีฤทธิ์เจือจางพลังปราณเทียบฟ้าของเขา แต่ไม่อาจแตะต้องพลังปราณที่เขาได้มาจากการฝึกฝนเวทนาสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ ผลที่ได้จึงเหมือนกับการขัดเกลา

ฉันไม่คิดว่าแกจะมีประโยชน์ แต่ในเมื่อแกขัดเกลาพลังปราณของฉันได้ ฉันก็จะให้แกอีกหน่อย!

เมื่อคิดได้ จางเซวียนปล่อยกระแสพลังปราณเข้าสู่ร่างของฝงจิ่วเกอมากขึ้นอีก ขณะที่พลังงานทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แสงสีเขียวก็เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะมีกลุ่มพลังงานสีเทาอยู่เพียงกลุ่มเดียว แต่ก็บริสุทธิ์มาก จางเซวียนอยู่ตรงนี้นานหลายนาทีแล้ว แต่เพิ่งกำจัดกลุ่มพลังงานสีเทาไปได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

ดูเหมือนคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

จางเซวียนสูดหายใจลึกและตั้งใจจะกำจัดกลุ่มพลังงานสีเทาให้ได้ในรวดเดียว ก็พอดีกับที่รู้สึกว่ามีใครบางคนตบบ่าของเขา

สัญชาตญาณบอกเขาว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่จางเซวียนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดที่ถูกรบกวน

เขายังคงถ่ายทอดกระแสพลังปราณเข้าสู่ร่างของฝงจิ่วเกอต่อไป แต่ก็หันไปมองผู้ที่เข้ามาขัดจังหวะ จากนั้นก็ตัวแข็ง

ผู้คนจำนวนหลายสิบรุมล้อมเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ส่วนใหญ่คือลูกค้าที่ดื่มกินอยู่ที่นั่น รวมถึงชายวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งที่เคยซุบซิบกันเรื่องฝงจิ่วเกอด้วย

ส่วนผู้ที่ตบบ่าของเขาคือผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีไม้เท้าอยู่ในมือ

“มีอะไร?” จางเซวียนถามด้วยความสงสัย

“ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของคุณหรอกนะ แต่ถึงอย่างไร พวกเราก็ยังอยู่ในอาณาเขตของตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟ…”

“…ถ้าเกิดอะไรขึ้นที่นี่และมีคนรู้ว่าพวกเราเอาแต่เฝ้าดูเงียบๆโดยไม่ช่วยเหลือ เราจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่ การที่คุณจะมีเรื่องกับตระกูลนกฟีนิกซ์ไฟน่ะไม่เข้าท่าหรอกนะ ตัวผมในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งของโรงเตี๊ยมแห่งนี้จึงจำเป็นต้องเข้ามาขวาง เพราะฉะนั้น ขออภัยด้วยที่ต้องถาม แต่คุณมีความแค้นใดกับฝงจิ่วเกอหรือ?” ผู้อาวุโสตั้งคำถามขณะลูบเครา

น้ำเสียงของเขาแจ่มใสกังวาน เท่าที่ฟังจากการพูดจา น่าจะเป็นผู้มีความรู้คนหนึ่ง

จางเซวียนประหลาดใจกับคำถาม เขาส่ายหน้า “เราสองคนไม่มีความขัดแย้งใดๆต่อกัน”

ผู้อาวุโสขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้น คุณยึดข้อมือเขาไว้จนแน่นทำไม?”

จางเซวียนยังงุนงง แต่เมื่อได้ยินคำถามนั้นก็หัวเราะหึๆและตอบว่า “เขาได้รับผลกระทบจากสภาวะผิดปกติบางอย่าง ผมกำลังรักษาเขาโดยใช้ความสามารถของผมในฐานะนายแพทย์”

“อะ-อ้อ อย่างนั้นหรือ? เอาเถอะ ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรให้ดูไม่หยาบคาย แต่…”

ผู้อาวุโสเบนสายตาไปมองฝงจิ่วเกอ ก่อนจะตั้งคำถามอย่างลังเล “คุณแน่ใจนะว่ากำลังรักษาเขาจริงๆ?”

“ผมแน่ใจหรือเปล่าว่าผมกำลังรักษาเขา?” จางเซวียนยิ่งงงหนัก

เขามองตามสายตาของผู้อาวุโสไปโดยอัตโนมัติ และเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก็ได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่กับที่

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset