อัจฉริยะสมองเพชร – ตอนที่ 2304 เหลวไหลสิ้นดี!

พูดกันตามตรง พวกเขาออกจะไม่ค่อยพอใจที่จู่ๆท่านอาจารย์ก็สั่งให้ยอมรับจางเซวียนเป็นผู้นำคนใหม่ แต่ด้วยความยำเกรงในตัวท่านอาจารย์ จึงจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง

ใครจะไปคิดว่าชายหนุ่มจะมีจอมราชันย์เป็นคนรับใช้?

ทุกคนรู้ดีว่าจอมราชันย์ทรงพลังขนาดไหน จึงนึกไม่ออกว่าชายหนุ่มทำให้จอมราชันย์คนหนึ่งยอมจำนนได้อย่างไร

เหลวไหลสิ้นดี!

“ต่อให้เขามีจอมราชันย์อมตะคอยคุ้มกัน แต่การดวลของ 2 จอมราชันย์ก็ยังถือว่าอันตรายมาก ต่อให้ปรมาจารย์จางไปที่นั่นก็ไม่น่าจะทำอะไรได้หรอก เพราะฉะนั้น รอฟังผลอยู่ที่นี่จะดีกว่า” นักปราชญ์โบราณโป๋ช่างพูด

“จริงด้วย ถ้าจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีรู้ว่าเขาคือผู้สืบทอดของท่านอาจารย์ของเราและคิดร้ายต่อเขา นั่นจะทำให้ท่านอาจารย์เกิดความวอกแวก และอาจต้องเผชิญกับอันตรายใหญ่หลวงโดยไม่จำเป็น” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนพูด

ปัญหาใหญ่คือจางเซวียนจะกลายเป็นภาระของปรมาจารย์ขงทันทีที่จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งสิ่งที่อีกฝ่ายต้องทำก็เพียงแค่จงใจใช้เศษเสี้ยวหนึ่งของพละกำลังของเธอเล่นงานจางเซวียนเพื่อทำให้ท่านอาจารย์ของพวกเขาตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

“พวกคุณก็กังวลไม่เข้าเรื่อง” รู้ดีว่าบรรดาศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขงกำลังคิดอะไร หลัวฉีฉีส่ายหน้า “จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีไม่มีวันทำร้ายเขาหรอก”

“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?” นักปราชญ์โบราณจื่อหยวนตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว “คุณไม่ควรสบประมาทสิ่งที่มนุษย์จะลงมือทำเมื่อตกอยู่ในอันตรายนะ กฎเกณฑ์และศีลธรรมน่ะไม่มีความหมายหรอกในสถานการณ์แบบนั้น”

จอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีลงทุนลงแรงถึงขนาดดั้นด้นเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์เพื่อเสาะหาคุณสมบัติและความสามารถของท่านอาจารย์ของพวกเขา ในเมื่อเธอหมายมั่นปั้นมือจะเอาชนะการดวลให้ได้ขนาดนี้ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอจะไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อบีบบังคับปรมาจารย์ขงให้ยอมจำนน?

ในการดวลแบบชี้เป็นชี้ตาย เรื่องสำคัญเรื่องเดียวคือใครชนะ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้ การดวลก็สิ้นสุดทันที

“ฉันคงต้องคิดให้ดีก่อนพูดหากเป็นจอมราชันย์คนอื่น แต่ถ้าเป็นจอมราชันย์แห่งน่านฟ้าเสรีล่ะก็ เธอไม่มีทางทำให้จางเซวียนได้รับบาดเจ็บแน่ ก็เพราะ…” หลัวฉีฉีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ก็เพราะเธอคือคนรักของจางเซวียน!”

“คนรัก?”

นักปราชญ์โบราณจื่อหยวน นักปราชญ์โบราณโป๋ช่าง และคนอื่นๆถึงกับจังงัง

ชายหนุ่มเป็นผู้สืบทอดของท่านอาจารย์ของเขา เป็นนายน้อยของจอมราชันย์อมตะ แถมยังเป็นคนรักของจอมราชันย์หลินชีด้วย

นี่มันเป็นบ้าอะไร? ทำไมเขาถึงมีตัวตนที่สำคัญได้มากมายขนาดนี้?

…..

ด้วยการพุ่งผ่านมิติ ไม่ช้าจางเซวียนก็พบว่าตัวเขามาอยู่เหนือมิติแบนราบที่ว่างเปล่า มันกว้างใหญ่และทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา

ไม่มีร่องรอยของพลังจิตวิญญาณหรือความรุนแรงในบรรยากาศ เป็นพื้นที่ที่แยกตัวออกจากส่วนอื่นๆของโลกอย่างสิ้นเชิง

“นี่เราอยู่ที่ไหน?” จางเซวียนถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสำเร็จวรยุทธระดับราชันย์เทพเจ้าแล้ว คงยากจะเอาชีวิตรอดได้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ส่วนการต่อสู้นั้นไม่ต้องพูดถึง

“พวกเราอยู่บนดวงจันทร์!” ไก่น้อยตอบ

“ดวงจันทร์?” จางเซวียนทวนคำอย่างงุนงง

ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้สึกว่าพื้นดินที่ตัวเองยืนอยู่เปล่งประกายสีเงินออกมา ดวงดาวระยิบระยับเจิดจ้าดารดาษอยู่รอบตัว สรวงสวรรค์ขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ ปรากฏให้เห็นในระยะไกล

พวกเขาอยู่บนดวงจันทร์จริงๆ

คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาถึงดวงจันทร์ได้ในชั่วพริบตา

จอมราชันย์ช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน

จางเซวียนเหลียวมองรอบตัว เห็นผู้คนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง การรับรู้จิตวิญญาณของเขาไม่อาจระบุการปรากฏตัวของคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน เจ้าของใบหน้าขนาดใหญ่ที่เขาได้เห็นที่น่านฟ้าหลิงหลงก็อยู่ในหมู่ฝูงชนด้วย

จางเซวียนประหลาดใจที่ไม่เห็นชายหนุ่มซึ่งเคยให้คำชี้แนะเรื่องศิลปะเพลงดาบของเขาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผู้อาวุโสที่เคยยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มกลับอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ว่าจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบคงส่งอีกฝ่ายมาชมการดวลแทนตัวเขา

“เพราะฉะนั้น คนเหล่านี้ก็คือ 9 จอมราชันย์” จางเซวียนพึมพำ

ผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะได้ชมการดวลครั้งนี้ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นจอมราชันย์ มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รีบร้อนมาที่นี่เพื่อให้ทันการดวล และก็เป็นคนเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถปกป้องตัวเองจากคลื่นความสั่นสะเทือนของการต่อสู้

“มันเริ่มแล้ว” ไก่น้อยพูด

จางเซวียนเงยหน้า เห็นสองร่างยืนจังก้าอยู่บนภูเขาสองลูกที่ห่างออกไปหลายพันลี้

หนึ่งในนั้นคือชายชราที่มีเคราสีขาวราวหิมะ เครานั้นปลิวไสวอยู่ในสายลม นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายของความเมตตากรุณาล้ำลึกที่มีต่อโลกใบนี้

อีกฝ่ายคือสาวน้อยผมดำยาวสยาย แววตาของเธอสง่างามและเย็นเยียบตามแบบของจอมราชันย์

หลัวลั่วชิง!

จางเซวียนกำหมัดแน่น

เขาคิดถึงเธอนับตั้งแต่ทั้งคู่แยกจากกันในทวีปแห่งปรมาจารย์ และนึกภาพไว้ล่วงหน้าหลายครั้งหลายหนว่าการกลับมาพบกันอีกครั้งของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องจริงจะเป็นแบบนี้

เธอกำลังจะเข้าสู่การดวลแบบชี้เป็นชี้ตายกับอีกบุคคลหนึ่งซึ่งก็มีความสำคัญต่อชีวิตของเขา

จางเซวียนเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รอยร้าวปรากฏทันที สายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมายังพื้นดิน ปลดปล่อยพละกำลังทำลายล้าง พื้นผิวดวงจันทร์สั่นสะท้านไม่หยุด

ท่ามกลางรอยแยกสีดำที่มีอยู่มากมาย หลัวลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงที่ลอยตัวอยู่ก็เริ่มสำแดงกระบวนท่า

กระบวนท่าของทั้งสองไม่ได้ว่องไวมากนัก แต่ทุกการปะทะทำให้เกิดแรงกระแทกที่แทบจะฉีกกระชากโลกทั้งใบให้แยกออกจากกัน

ดูเหมือนพระจันทร์ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะพละกำลังของพวกเขา มันอาจจะร่วงลงจากกลางอากาศก็ได้

หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจางเซวียนก็เข้าใจว่าทำไมหลัวลั่วชิงกับปรมาจารย์ขงถึงเลือกชัยภูมินี้สำหรับการดวลครั้งสุดท้าย

“บนดวงจันทร์ ไม่มีใครใช้พละกำลังของสวรรค์ได้…”

ในฐานะนักรบผู้ควบคุมเศษเสี้ยวของสวรรค์ หากพวกเขาตั้งต้นใช้พละกำลังและอำนาจของสวรรค์ นั่นคงเป็นหายนะต่อความมั่นคงและความเสถียรของโลก ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนจะต้องล้มตาย

ด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเลือกสนามประลองที่จำกัดให้พวกเขาใช้ได้เฉพาะพละกำลังของตัวเองเท่านั้น

คลื่นความสั่นสะเทือนทรงพลังเสียจนแผ่ซ่านออกไปในระยะหลายพันลี้ เกือบจะถึงตัวจางเซวียน แต่ไก่น้อยก็ปัดป้องมันออกไปไม่ให้ถึงตัวเขา

แต่ดวงจันทร์โชคร้ายที่ไม่มีใครคอยปกป้อง รอยร้าวที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าบนผิวหน้าของมันทำให้มันแยกตัวออกจากกันเพราะแรงปะทะของนักรบผู้ไร้เทียมทานทั้งสอง

จางเซวียนไม่อาจมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจนเพราะพละกำลังของเขาที่ยังมีจำกัด แถมใช้หอสมุดเทียบฟ้าที่นี่ก็ไม่ได้ จึงได้แต่หันไปมองไก่น้อยแล้วถามว่า “แกคิดว่าใครจะชนะ?”

ไก่น้อยไม่ตอบคำถามของจางเซวียน มันขมวดคิ้วขณะพึมพำด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่อยากเชื่อ “ประหลาดมาก!”

“อะไรประหลาด?” จางเซวียนถาม

“ในเมื่อมันคือการดวลแบบชี้เป็นชี้ตาย ผมก็คิดว่าทั้งคู่น่าจะใส่เต็มที่ แต่เพราะอะไรสักอย่าง…” ไก่น้อยโคลงศีรษะไปมาขณะครุ่นคิดคำถามที่ยังไม่อาจทำความเข้าใจได้ “ทำไมถึงดูเหมือนพวกเขาต่างก็ยั้งมือ?”

“พวกเขาอาจกำลังหยั่งเชิงเพื่อหาโอกาสโจมตีหรือเปล่า?” จางเซวียนถามขณะเฝ้ามองการดวลด้วยความกังวล

ในการต่อสู้โดยทั่วไป นักรบมักไม่ทุ่มสุดตัวหรือเปิดเผยไม้ตายตั้งแต่ต้น พวกเขาจะลองหยั่งเชิงความสามารถของอีกฝ่ายก่อนจะปลดปล่อยไม้ตายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดออกมา

พื้นดินยังคงสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่องจากแรงปะทะของทั้งคู่ แม้แต่ภูเขาที่พวกเขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็พังทลาย กลายเป็นฝุ่นคลุ้งอยู่กับพื้น

โชคดีที่ปรมาจารย์ขงกับหลัวลั่วชิงไม่ได้อยู่ในสรวงสวรรค์ ไม่อย่างนั้น การต่อสู้ที่รุนแรงระดับนี้คงทำลายได้แม้แต่เมืองใหญ่อย่างเมืองหลวงแห่งจิตวิญญาณเร่ร่อน เทพเจ้ามากมายคงต้องสังเวยชีวิตให้กับหายนะครั้งนี้

“ด้วยพละกำลังของแกในเวลานี้ คิดว่าพอมีโอกาสยับยั้งพวกเขาได้ไหม?” จางเซวียนถาม

“เป็นไปไม่ได้เลย” ไก่น้อยตอบพร้อมกับส่ายหน้า “วรยุทธของผมพัฒนาขึ้นเล็กน้อยหลังจากฟื้นคืนชีพ แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับการรับมือกับทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นจอมราชันย์หลินชีหรือจอมราชันย์พิชิตสวรรค์ พวกเขาก็เป็นสุดยอดของสรวงสวรรค์แล้ว ไม่มีจอมราชันย์คนไหนประชันกับพวกเขาได้หรอก”

คำตอบนั้นทำให้จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาเองก็คิดไว้แล้วว่าต้องได้รับคำตอบแบบนี้ แต่ก็อดผิดหวังไม่ได้เมื่อได้ฟังจากปากไก่น้อย ดูเหมือนไม่มีอะไรที่เขาทำได้เลย

แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ไก่น้อยยับยั้งการดวลครั้งนี้ได้ ในอนาคตก็ย่อมเกิดหายนะครั้งใหญ่อยู่ดี เพียงแค่ยึดสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ให้เกิดช้าออกไปอีกหน่อยเท่านั้น

ฟิ้วววว!

กระแสดาบฉีรูปพระจันทร์เสี้ยวจำนวนมากมายระเบิดออกเต็มพื้นที่โดยรอบ

ในที่สุดหลัวลั่วชิงก็ชักอาวุธของเธอออกมา

ศิลปะเพลงดาบของเธอทั้งสง่าและงดงาม แถมยังดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด จางเซวียนอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อได้เห็น

มันมีความคล้ายคลึงบางอย่างกับศิลปะเพลงดาบที่เขาได้เห็นจากจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบ แต่แนวคิดดูจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย

ศิลปะเพลงดาบของหลัวลั่วชิงให้ความรู้สึกของจิตวิญญาณและอิสระเสรี ราวกับนักรบสักคนที่ปลอดจากพันธะต่างๆในโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง

หลัวลั่วชิงน่าจะเคยได้รับคำชี้แนะจากจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบ

จางเซวียนประเมินระดับพละกำลังของจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบไม่ได้ แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะเก่งกาจทัดเทียมกับหลัวลั่วชิงและปรมาจารย์ขง

หลัวลั่วชิงนำศิลปะเพลงดาบของจอมราชันย์แห่งกระท่อมดาบมาถ่ายทอดจิตวิญญาณของเธอเข้าไปและปรับเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแบบของตัวเอง

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จางเซวียนยังรู้สึกได้ว่านอกเหนือจากความโหยหาอิสรภาพ เพลงดาบของหลัวลั่วชิงยังมีแนวคิดของการปกป้องคุ้มกันด้วย

ปัญหาเดียวก็คือสองแนวคิดนี้ขัดแย้งซึ่งกันและกัน ความปรารถนาที่จะปกป้องอะไรสักอย่างคือโซ่ตรวนในตัวของมันเอง ทำให้ผู้นั้นไม่อาจใช้ชีวิตอย่างอิสระ

หากเธอเป็นอิสระอย่างแท้จริง ศิลปะเพลงดาบของเธอคงจะแข็งแกร่งกว่านี้มาก…

จางเซวียนอาจอ่อนด้อยกว่าทั้งคู่ในแง่ของวรยุทธ แต่หากเป็นเรื่องศิลปะเพลงดาบ ก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากันเลย

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชร

LOHP, Thiên Đạo Đồ Thư Quán, Tian Dao Tu Shu Guan, 天道图书馆
Score 7.4
Status: Completed Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Library of Heaven’s Path อัจฉริยะสมองเพชรจางเซวียนข้ามไปอีกโลกหนึ่งโดยบังเอิญ ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นครูไปเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นครูที่ไม่เก่งและกำลังจะถูกไล่ออกอีกด้วย ทว่าจางเซวียนกลับพบความลับอันยิ่งใหญ่ของร่างใหม่ร่างนี้ นั่นก็คือ… เขามีสมองเพชร! ในสมองของครูหนุ่มคนนี้แอบซ่อน ‘หอสมุด’ ขนาดใหญ่ไว้ด้านใน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จางเซวียนเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ ล้วนถูกเก็บสู่คลังหนังสือในรูปแบบของสมุดเล่มหนึ่ง ก็ถ้าในเมื่อมีไอเท็มสุดยอดนี้อยู่กับตัวแล้ว ใครยังจะกล้าเรียกเขาว่าครูกระจอกอีก?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset