CF บทที่ 312 ปฏิกิริยาตอบสนอง
เมื่อมองดูหุ่นยนต์ในวิดีโอ จะเห็นการโจมตีด้วยเลเซอร์ในขณะที่เข้าทําลายป้อมปราการแม้ว่าภาพจะเบลอเล็กน้อยเนื่องจากการถ่ายระยะไกล
“โอ้ หุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวว่องไวเช่นนี้ สามารถสังหารฐานที่มั่นได้ในทันที”
“น่าเสียดายมาก ที่ช่างภาพอยู่ไกลเกินไป ทําให้บางอย่างมองเห็นไม่ชัดเจน”
“ไกลเกินไปหรือ คิดว่าใกล้เกินไปด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นวิดีโอที่ถ่ายโดยสายลับจากประเทศอื่น ไม่เห็นเหรอว่าตอนที่หุ่นยนต์กําลังเคลื่อนที่ เห็นจะๆ เลยว่าหุ่นยนต์มองมาทางด้านนี้ซึ่งดูเหมือนเป็นด้านที่ช่างภาพอยู่”
บางคนดูย้อนกลับไปและพูดด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนจะเป็นความจริงแฮะ ตอนที่ป้อมปราการถูกทําลาย หุ่นยนต์ก็มองมาที่ช่างภาพ น่าแปลกจากประสิทธิภาพในต่อสู้ของหุ่นยนต์ หากมีสายลับพวกนี้อยู่พวกหุ่นยนต์ก็น่าวิ่งหนีไป”
“ไม่ใช่เรื่องธรรมดา รัฐจงใจปล่อยพวกสายลับไป ถ้าหากต้องการจับพวกสายลับจริงๆ
“ฮ่าฮ่า คิดอยู่เหมือนกันว่านี่เป็นการจงใจ เห็นได้ชัดว่าวิดีโอนี้ทําให้บางประเทศกลัวและทําให้พวกเขาชื่อสัตย์ ได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้บางประเทศในทะเลจีนใต้กําลังเริ่มสร้างปัญหาให้กับเราอีกครั้ง”
สําหรับปัญหาแบบนี้แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถวิเคราะห์ได้ และประเทศเหล่านั้นก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในเวลานี้ในประเทศญี่ปุ่น กลุ่มคนนั่งอยู่ในห้องประชุมและดูหุ่นยนต์ในวิดีโอ ใบหน้าของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก
เป่ย จินซาน ดูหุ่นยนต์ในวิดีโอที่สามารถพิชิตสํานักงานใหญ่ในที่สุด และกล่าวว่า: “นี่เป็นหุ่นยนต์ที่พัฒนาในประเทศจีน ซาโต้ โอโนะให้คุณปรึกษาหารือเรื่องวิเคราะห์ในแผนกเทคโนโลยีของคุณ”
“สวัสดีครับทุกท่าน ฝ่ายเทคโนโลยีของเราได้ศึกษาวิดีโอนี้และสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทําให้ทราบว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์ส่วนใหญ่มาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป รวมไปถึงระบบไฟฟ้า ระบบการควบคุม รวมถึงโครงสร้างหุ่นยนต์ ระบบพลังงานเป็นเทคโนโลยีการขับเคลื่อนรถยนต์ที่คิดค้นโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปอันใกล้
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขัดจังหวะซาโต้ ขึ้นทันที และถามว่า “มีข่าวลือว่าเทคโนโลยีแรงขับเคลื่อนของฟิวเจอร์กรุ๊ปก้าวหน้ามาก ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันแล้วหรือยัง?”
“จากข้อมูลที่เรามี ข่าวเป็นจริงนอกจากนี้ประเทศจีนกําลังเร่งวิจัยเทคโนโลยีแรงขับเคลื่อนและเตรียมนําไปใช้กับอุปกรณ์ประเภทต่างๆ”
“วิธีนี้เปรียบเทียบกับเทคนิคสร้างแรงขับเคลื่อนของเราได้อย่างไร”
“ก้าวหน้ากว่าเรามากและอาจมากยิ่งขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น
สีหน้าของทุกคนดูไม่เป็นที่พอใจ ในด้านเทคโนโลยีแรงขับเคลื่อน จีนเป็นประเทศที่ล้าหลังมาตลอด แต่ตอนนี้กลับขึ้นนหน้าพวกเขา
“คําถามนี้เอาไว้คุยกันทีหลัง มาพูดถึงหุ่นยนต์ก่อน”
ซาโต้พยักหน้าแล้วพูดว่า “จากข่าวที่เราได้รับ หุ่นยนต์นั้นว่องไวมาก ใช้อาวุธเลเซอร์ นอกจากนี้มีแนวโน้มว่าจะติดขีปนาวุธที่มีระดับสติปัญญาสูงโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป ข้อเสียก็คือเกราะของหุ่นยนต์นั้นบอบบางมาก เมื่อใดที่ถูกยิงด้วยอาวุธหนักหุ่นยนต์จะถูกทําลายทันที”
“แต่ถึงอย่างนั้น จากผลการวิเคราะห์ของเรา เป็นเรื่องยากที่อาวุธอื่นๆ จะยิงโดนหุ่นยนต์ได้ง่ายๆ เว้นแต่เครื่องบินรบ และการโจมตีด้วยขีปนาวุธ แนะนําว่าให้ศึกษาอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตาม”
เมื่อเขาบรรยายจบ สายตาของทุกคนก้มต่ำลงราวกับว่าพวกเขากําลังคิดอะไรบางอย่าง
บางคนกระซิบว่า ” จําได้ว่าดูเหมือนเราจะศึกษาหุ่นยนต์ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะเปรียบเทียบกับหุ่นยนต์ของพวกเขาอย่างไร”
“ไม่มีอะไรที่นําไปเปรียบเทียบได้หรอก หุ่นยนต์ของเราอยู่ในขั้นตอนการวิจัยเท่านั้นและยังไปไม่ถึงขั้นการทดสอบสู้รบจริง อย่างไรก็ตามถ้าเราใช้ของบางอย่างเราอาจจะสามารถแข่งขันกับหุ่นยนต์ของพวกเขาได้”
พอ ชาโต้ โอโนะ กล่าวว่าเขาสามารถแข่งขันกับหุ่นยนต์นั้นได้ คนเหล่านี้ก็ทําหน้าแปลกๆ
“จะนําของแบบนั้นออกมาใช้ไม่ได้ เมื่อใดที่นํามาใช้ เราก็จะถูกโจมตีจากทั้งโลก แล้วงานวิจัยในห้องปฏิบัติการลับล่ะ?”
“ได้ยินมาว่ามีความคืบหน้าบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่รู้ว่าทําการศึกษาไปไกลแค่ไหนแล้ว”
“ดี ปล่อยให้พวกเขาเร่งวิจัยและส่งทีมทดลองให้พวกเขาเพิ่ม ตราบใดที่ห้องปฏิบัติการลับประสบความสําเร็จ เราจะให้ประเทศเหล่านั้นตอบแทนสิ่งที่พวกเขาเป็นหนี้เราคืนมา”
ในเวลานี้รัฐมนตรีหน่วยข่าวกรองกล่าวว่า “เราอยู่ในสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนว่าสหรัฐอเมริกาได้นําเอาเทคโนโลยีอาวุธขั้นสูงจากอาเรีย 51 ออกมาเช่นกัน เป็นอุปกรณ์แปลงพลังงานและพวกเขากําลังพัฒนาปืนใหญ่พลังงาน”
“ลองดูว่าเราจะได้รับเทคโนโลยีนั่นหรือเปล่า ถ้าไม่ เราจะเร่งการวิจัยเทคโนโลยีเหล่านั้นให้เร็วขึ้น”
“อย่างไรก็ตามการแทรกซึมอาเรีย 51 เป็นอย่างไร?”
” ณ ตอนนี้ ไม่มีทาง เพราะสถานการณ์ที่นั่นมันเป็นเรื่องยากสําหรับคนที่จะออกมาเมื่อพวกเขาเข้าไปแล้ว คนที่เราส่งไปยังไม่มีใครออกมาสักคนจนถึงตอนนี้”
เขาส่ายหัว ก็อย่างที่ เป่ยจินซาน พูด มีแนวโน้มว่าคนเหล่านั้นอยู่ในอันตรายและโชคไม่ค่อยดี เขารู้เกี่ยวกับอเมริกามากเกินไป
“ถ้าอย่างนั้นก็ยุติการแทรกซึม แล้วให้หน่วยข่าวกรองรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม
การประชุมของญี่ปุ่นยังดําเนินต่อไป สิ่งที่พวกเขาจะพูดถึงต่อไปคือทําอย่างไรจึงจะเป็นมิตรที่ดีกับจีนได้
เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่น ทางประเทศฟิลิปปินส์เป็นกังวลมากขึ้นในเวลานี้ พวกเขากลัวว่ารัฐบาลจีนจะส่งหุ่นยนต์เหล่านั้นไปโจมตีพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งตัว
คนเหล่านี้กําลังมองหาความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐอเมริกา น่าเสียดายที่ในปัจจุบันสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินไปกับจีนจึงไม่ได้สนใจ
ขณะนี้ฟิลิปปินส์อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พวกเขาเลือกที่จะเป็น “น้องเล็ก” ของชาวอเมริกันเอง น่าเสียดายที่ชาวอเมริกันไม่เห็นพวกเขาในสายตา
ในขณะที่คนอเมริกันต้องการให้พวกเขาทําอะไรก็ได้เพื่อดึงจีนกลับมา แต่ไม่ต้องการให้ผลประโยชน์ตอบแทนจํานวนมากเกินไป ดังนั้นคนอเมริกันจึงแสดงออกไม่ชัดเจนมาตลอดและไม่ให้ประโยชน์ตอบแทนที่แท้จริงให้กับพวกเขา
สิ่งนี้ทําให้รัฐบาลฟิลิปปินส์รู้สึกว่าวิกฤติมากขึ้น พวกเขากลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะทิ้งพวกเขาในทันที ในกรณีนี้พวกเขาเผชิญกับประเทศจีนโดยตรงซึ่งเปรียบได้กับมดที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆช้าง
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเหล่านี้ประเทศในยุโรปค่อนข้างสงบ การปรากฏตัวของหุ่นยนต์ไม่มีอิทธิพลอย่างมากต่อพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น วิดีโอนี้ก็มาจากประเทศในยุโรป
ตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในเศรษฐกิจปัจจุบัน และได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในยุโรปเนื่องจากผู้ลี้ภัย และต้องค่อยป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในบางครั้งบางคราว
การแทรกแซงอะไรพวกนี้เพื่อสืบเรื่องหุ่นยนต์ของจีน นับเป็นเพียงแค่มองด้านเดียวเท่านั้น เป็นที่แน่ชัดว่าสหรัฐฯมีข้อผูกมัดในการควบคุมนิทรรศการของจีน ก็ปล่อยให้สหรัฐฯจัดการกับเรื่อ
ประเทศที่มีหมีขั้วโลกอยู่ติดกับจีนนั้นไม่เป็นมิตรกับหุ่นยนต์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการเห็นประเทศจีนเติบโตขึ้น
ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นวิดีโอหุ่นยนต์พวกเขาเริ่มเจรจากับจีนว่าจะสามารถใช้เทคโนโลยีบางอย่างเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้หรือไม่
ในห้องทดลองของฟิวเจอร์กรุ๊ป อู๋ ฮ่าวเหรินดูวิดีโอและส่ายหัว หุ่นยนต์ว่องไวเร็วพอ แต่ยังคงมีข้อบกพร่องชัดเจน
