อั่งเปาทะลุโลกตอนที่ 324

บทที่ 324 หินมรกตมาแล้ว

 

หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดิน รถบรรทุกแปดคันก็ลากหินลงมาด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้า ไปยังฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

คนขับทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นทหาร และหินหยกเจไดท์ที่บรรทุกอยู่บนรถเหล่านี้ก็มีมูลค่ามากกว่า 3.1 พันล้านเหรียญ แน่นอนว่าการประมาณการนี้คิดโดยผู้เชี่ยวชาญด้านหินหยกเจไดท์ ไม่มีใครรู้ว่ามันมีมูลค่ามากเท่าใด

 

ที่พื้นที่คลังสินค้าของฟิวเจอร์กรุ๊ป หุ่นยนต์ตั้งเรียงรายอยู่ที่นั่น

 

พนักงานที่กําลังทํางานต่างพากันมองมายังพื้นที่บริเวณนี้จากระยะไกล สงสัยว่าเจ้านายของพวกเขากําลังจะทําอะไร

 

หุ่นยนต์ไม่ได้เป็นเรื่องลับในบริษัทนี้ และมีบางคนที่ทํางานกับหุ่นยนต์พวกนี้

 

“เจ้านายทําอะไรน่ะ?”

 

“ได้ยินมาว่าหินหยกเจไดท์ถูกส่งมา หุ่นยนต์พวกนี้เอามาใช้ยกหินพวกนั้น คุณบอกว่าถ้าหุ่นยนต์พวกนี้และเจ้านายยินดีที่จะขายพวกมันสู่โลกภายนอก อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้แบกสินค้าก็จะถูกนําออกไป”

 

“อย่าคิดอย่างนั้นสิ ในตอนนี้เจ้านายยังไม่มีแผนที่จะพัฒนาโครงการหุ่นยนต์เลยนะ”

 

“ยังไงซะ แผนกคอมพิวเตอร์ของคุณในช่วงนี้ก็ไม่ได้พัฒนาอุตสาหกรรมซอฟท์แวร์นี่นาไม่เห็นมีผลิตภัณฑ์อะไรออกมาเลย งั้นก็พัฒนาผลิตภัณฑ์บางอย่างออกมาซะก่อนนะแล้วให้พวกเราในบริษัทช่วยกันทดสอบ”

 

“พวกเรากําลังเรียนรู้เทคโนโลยีและซอฟท์แวร์ ซึ่งคงใช้เวลาอีกสักพัก” โปรแกรมเมอร์ที่เพิ่งถูกจ้างเข้ามาทํางานกล่าว

 

ก่อนที่จะเข้ามาทํางานได้ คนเหล่านี้ต้องการที่จะเข้ามาทํางานในฟิวเจอร์กรุ๊ป และในที่สุดพวกเขาก็สามารถแสดงจุดแข็งของพวกเขาออกมาได้ เมื่อใดที่พวกเขาเข้าถึงเทคโนโลยีของแผนกคอมพิวเตอร์พวกเขาก็จะเข้าใจถึงเทคโนโลยีก่อนหน้านั้น ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ดีกว่าที่พวกเขาคิด

 

ดังนั้น จากคนที่มีประวัติดีเลิศในตอนแรกก็จะกลายมาเป็นคนไม่สําคัญในตอนนี้

 

เสียงรถหลายคันคํารามก๊กก้องทําให้พวกเขารู้ว่า รถขนหยกกําลังมา ทุกคนต่างพากันเงยหน้าขึ้นมองรถที่กําลังผ่านประตูบริษัทเข้ามา จริงๆ แล้ว น้อยคนนักที่จะเคยเห็นหินหยกเจไดท์จริงๆแต่ส่วนใหญ่ก็เคยเห็นแล้ว และบางคนก็เคยซื้อเครื่องประดับหยกเจไดท์ในช่วงนี้

 

“มีหินเยอะแยะเลย หินพวกนี้มีมูลค่ามากกว่า 3.1 พันล้านเหรียญ ทําไมฉันถึงรู้สึกเห มีอนตกหลุมพรางกันนะ!”

 

“คุณไม่เข้าใจความคลั่งไคร้ของธุรกิจนี้หรอ บางที่หินก้อนเล็กๆ เพียงก้อนเดียวอาจจะขายได้ราคาหลายล้าน แก้วเพียงชิ้นเดียวอย่างหยกมรกตอันเท่าหน้าและกําไลข้อมืออาจจะราคาหลายล้านทั้งหมดนั้นเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านหยวน สุดยอดของหยกเจไดท์ในตลาดนั้นบางทีก็ทั้งมีและไม่มีราคา”

 

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับหยกเจไดท์ เขารู้จากเครื่องประดับหยกเจไดท์บนคอของเขา

 

“เพื่อน ผมคิดว่าเรามีหลายล้านเหรียญอยู่ในมือ และพวกเราเป็นคนรวย แต่มันกลับกลายเป็นว่าเงินนี้ซื้อได้แค่เพียงจีเมียน”

 

“ฮ่าฮ่า มีเงินหลายร้อยล้านอย่างนั้นหรือ? ดูผู้จัดการมู่สิ เขาสรวยจริง ยังไงซะผู้จัดการลู่เมื่อไรคุณจะเลี้ยงมื้อใหญ่พวกเราสักทีล่ะครับ?”

 

ในตอนนี้ ลู่เผิงเฟยผู้ที่มาจากแดนไกล

 

“ถ้าคุณไม่ต้องไปทํางานพรุ่งนี้ ผมจะพาคุณกับครอบครัวไป คุณอยากจะออกไปทานข้างนอกหรืออยากจะทานในโรงแรมที่พักล่ะครับ?”

 

“งั้นก็ทานในโรงแรมที่พักแล้วกันครับ ผมออกไปทานข้างนอกไม่ได้ช่วงนี้ พวกเราต้องรักษามาตรฐานของนักกินผู้ยิ่งใหญ่”

 

“โอเค โอเค คุณอยากจะทานอะไรล่ะ? คุณน่าจะไปบอกพ่อครัวของโรงแรมไว้ก่อนแล้วให้พวกเขาเตรียมไว้ให้ล่วงหน้า”

 

“งั้นตอนที่ผมไปทานอาหารค่ํา ผมจะบอกพ่อครัวและสั่งอาหารทะเลให้ส่งไปให้ผมคืนนี้”

 

เมื่อลู่เผิงเฟยได้ยินดังนี้เขารู้เลยว่าเขาคงต้องตกเลือดครั้งใหญ่แน่นอน รายการอาหารพวกนี้ไม่ใช่แค่วัตถุดิบในการทําอาหารแต่หมายถึงค่าขนส่งด้วย

 

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขามีเงินจํานวนมหาศาลและเขาก็รู้ว่าเขาควรจะใช้จ่ายอย่างไร

 

ในอนาคต พนักงานและระดับการบริโภคในบริษัทจะสูงขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทํา ไมมณฑลหยุนหลงถึงได้สร้างเมืองใหม่ใกล้ๆ นี้

 

บริเวณนี้จะถูกสร้างเป็นพื้นที่การบริโภคที่หรูหรา ลูกค้าหลักจะเป็นพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ป

 

พนักงานของที่นั่นกําลังพูดกันว่า อู่ฮาวเหงินได้ควบคุมหุ่นยนต์ด้วยตัวเองและเริ่มขนย้ายบนดิบพวกนั้น

 

เมื่อมองดูที่หินยักษ์นั้น เขายิ้มที่มุมปาก มันน่าเสียดายนักที่หินแต่ละก้อนมีขนาดกว้างราวๆ สามเมตรสองเมตร และหนึ่งเมตรบรรจุอยู่ในคลังสินค้าของเขา

 

ในกรณีนี้หยกเจดไดท์ที่ใหญ่ที่สุดที่จะเอาออกไปได้ต้องขนาด กว้าง ยาว สูง ไม่เกินหนึ่งเมตร 

 

“เอาล่ะ มันเป็นหินพวกนี้ไปได้อย่างไรกันนะ?”

 

อู่ฮาวเหรินตะลึงไปชั่วครู่และพบว่ามันมีหินอยู่ในรถ และบนหน้าต่าง ซึ่งไม่ใช่หินการพนันไปซะทั้งหมด

 

“คุณอู่ เป็นเพราะหินพวกนี้ที่ทําให้ราคาของหินดิบนั้นสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านหยกเจไดท์ที่เราเชิญมาได้ตีราคาด้วยแว่น บางชิ้นอาจมีมูลค่าหลายสิบล้านเหรียญ พวกเขาสงสัยว่าหินพวกนี้มากจากหลุมเก่า”

 

ไม่นานนักอู่ฮาวเหรินก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หินพวกนี้คือสิ่งที่คนเหล่านั้นกลัวว่าพวกเขาจะเจอปัญหาและทําขึ้นอย่างจงใจ เหมือนกับกล่องของเงินปลอมที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆให้ดูเหมือนเงินจริง

 

เขาเงียบไปเล็กน้อย มีการพูดกันเมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับคนพวกนั้น ความสูญเสียหยกเจไดท์ของคนกลุ่มนี้และการตายของของคนกลุ่มนี้ ซึ่งนับว่าเป็นผู้นําทางการทหารของประเทศพม่า

 

แน่นอนว่า เพื่อที่จะหาผลลัพธ์ของการตีราคาของหินดิบเหล่านี้ อู่ฮาวเหรินรู้ว่าเขาได้ติดกับของผู้เชี่ยวชาญด้านการตีราคาหยกเจดไดท์พวกนี้แล้ว

 

คนพวกนี้ ผลลัพธ์ของการตีราคาของหยกเจดไดท์โดยไม่ปิดหน้าต่างคือการประเมินราคาที่สูงที่สุด และหินการพนันทั้งหมดนั้น ซึ่งเป็นเหตุผลของหินดิบเจไดท์พวกนี้ เห็นได้ชัดว่าราคานั้นสูงขึ้นเป็นสองระดับ

 

อย่างไรก็ตามสําหรับปัญหาเช่นนี้ เขาไม่ได้สนใจมากนัก สําหรับเขาแล้วเงินไม่ใช่ประเด็นของทั้งหมด ถ้าเขาต้องการที่จะทําเงิน เขาสามารถหาอะไรก็ได้ที่มีมูลค่าสูงจากระบบซองแดงและโยนเข้าไปในตลาดนานาชาติเพื่อทําเงินได้เร็วขึ้น

 

แน่นอนว่าการทําเช่นนี้ นานาประเทศจะต้องทําให้เขาเกิดปัญหา พฤติกรรมที่ไร้ความรับผิดชอบก็เหมือนกับการนําไปสู่ลําดับของปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ

 

เมื่อมองดูที่หินก้อนยักษ์บนพื้น คนทั่วไปคงมองไม่ออกว่าถึงความแตกต่าง

 

หินดิบทั้งหมดนี้ถูกขนส่งไปยังคลังสินค้าใกล้เคียงโดยหุ่นยนต์ทั้งหลาย ทหารที่ออกมาจากรถพากันมองดูหุ่นยนต์เหล็กด้วยความอยากรู้อยากเห็น

หุ่นยนต์เหล่านี้ดูคล้ายคลึงกับคน แต่แต่ละตัวนั้นสูงมากกว่าสองเมตร เกราะสีเงินส่องประกายเงาวับภายใต้แสงไฟ

 

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อหุ่นยนต์เดินไปยังคลังสินค้าพวกเขารู้สึกถึงการทําลายล้างอย่างรุนแรง

 

“กัปตันครับ หุ่นยนต์แบบนี้ แผนกวิศวกรรมของพวกเราจะขอซื้อไว้บ้างได้ไหมครับ? มันเร็วกว่าพวกเราเยอะเลยในการเคลื่อนย้ายสินค้า” ทหารถาม

 

เมื่อกัปตันเห็นหุ่นยนต์ที่กําลังเข้าไปภายในคลังสินค้า เขาก็เกิดความคิดขึ้นมา แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการอนุมัติ

 

“อย่าไปคิดถึงข้อดีของหุ่นยนต์พวกนั้นเลย ยังไงพวกนายก็ยังต้องขนย้ายสินค้าพวกนี้ด้วยตัวเองเพื่อเป็นการบริหารร่างกายไงล่ะ”

 

เหล่าทหารถูกพาไปรับประทานอาหารค่ําที่พื้นที่หอพัก พวกเขาจะได้พักผ่อนที่นี่เป็นเวลาหนึ่งคืนและจะไม่ได้กลับออกไปจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้

 

อู่อ่าวเหรินเองก็เข้าไปในคลังสินค้า เขาเลือกหินมาหนึ่งก่อน ให้หุ่นยนต์ยกไว้และเข้าไปยังห้องตัดที่อยู่ถัดไป

 

ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากห้องด้วยความหดหู พร้อมกับเศษหยกที่แตกในมือของเขา

 

“มันเป็นชะตา มันมีมูลค่าถึง 30,000 นี่มันสวรรค์หรือนรกกันแน่”

 

จากนั้นเขาก็พบหินหยกเจไดท์ก้อนอื่นซึ่งเขารู้สึกดีกับมัน จากนั้นก็ตัดเอาชั้นที่แตกของหินออกไป

 

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อู่ฮาวเหรินก็เดินออกมาจากห้องนั้นด้วยสีหน้าท้อแท้พร้อมกับส่ายหัวเขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันช่างเป็นหลุมพราง

 

ถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เขาจะสูญเสียหินหยกเจดไดท์ที่เขาซื้อมาในราคา 3.1 พันล้านหยวนไปกว่าครึ่ง

 

“โชคยังดีฉันไม่ได้ซื้อหินพวกนี้มาเพื่อตัดเอาหยกเจไดท์ชั้นดี หรือฉันจะต้องโดนเสียบจนเลือดออกกันนะ”

 

ในตอนนี้ มีหยกเจไดท์ที่สวยงามอยู่ในมือของเขาจํานวนมาก แน่นอนว่ามันมาจากนอกโลก

 

จากนั้นเขาก็พบหินหยกเจดไดท์ก้อนอื่นซึ่งเขารู้สึกดีกับมัน จากนั้นก็ตัดเอาชั้นที่แตกของหินอ อกไป

 

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อู่ฮาวเหรินก็เดินออกมาจากห้องนั้นด้วยสีหน้าท้อแท้พร้อมกับส่ายหัวเขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันช่างเป็นหลุมพราง

 

ถ้าทั้งหมดนี้เกิดขึ้น เขาจะสูญเสียหินหยกเจดไดท์ที่เขาซื้อมาในราคา 3.1 พันล้านหยวนไปกว่าครึ่ง

 

“โชคยังดีฉันไม่ได้ซื้อหินพวกนี้มาเพื่อตัดเอาหยกเจดไดท์ชั้นดี หรือฉันจะต้องโดนเสียบจนเลือดออกกันนะ”

 

ในตอนนี้ มีหยกเจดไดท์ที่สวยงามอยู่ในมือของเขาจํานวนมาก แน่นอนว่ามันมาจากนอกโลก(ติดตามตอนต่อไป)

 

อั่งเปาทะลุโลก

อั่งเปาทะลุโลก

อั่งเปาทะลุโลก
Score 7.8
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ในวันปีใหม่ใครต่อใครต่างเฉลิมฉลอง แต่อู๋ ฮ่าวเหริน กับพยายามคว้าซองแดงในโทรศัพท์ จนเผลอทำน้ำหกใส่ปลั๊กไฟ ตู้ม!!หลังจากที่เขาฟื้นสติขึ้นมาในตอนเช้าก็มีเสียงดังก้องในหัว “ การรวมเสร็จสมบูรณ์ ระบบซองแดงกำลังเริ่มต้น วิเคราะห์ข้อมูลเสร็จสิ้น กำลังสร้างช่องมิติ เสร็จสิ้นการเชื่อมต่อ การเชื่อมต่อกับผู้รับ เสร็จสิ้น ทดสอบอุปกรณ์เสร็จสิ้น เริ่มต้นการใช้อุปกรณ์” ด้านหน้าของเขามีซองจดหมายสีแดงขนาดใหญ่ มันเหมือนกับระบบซองแดงในโทรศัพท์มือถือของเขาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีอภินิหารบางอย่างเกิดขึ้น!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset