อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 53

ตอนพิเศษ ผู้เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลง

หญิงสาวในเสื้อคาร์ดิแกนที่ยาวถึงเข่า กำลังเดินอยู่ในที่ๆหนุ่ง ในโลกนี้ผู้หญิงที่ใส่กางเกงรัดรูปนั้นหาค่อนข้างยาก และส่วนใหญ่มักจะอยู่ในกองทัพซะมากกว่า

แต่ที่เธอเลือกใส่แบบนี้ก็เพราะถูกใจเท่านั้น เธอสูงประมาณ170ซม. และสวมส้นสูง เธอไม่สนใจเลยว่าหน้าอกหน้าใจของตัวเองมันทะลักออกมาแล้วด้วย

ผมสีสวาทของเธอที่มัดไว้ด้านบน สไวไปตามแรงลมในขณะที่เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆ ทั้งเจ้าหน้าที่และข้ารับใช้ต่างก้มหัวทำความเคารพเธอด้วยความเคารพ เหล่าทหารต่างสวมเกราะเบาต่างจากพอนโซเนีย ได้ทักทายเธอพร้อมทำความเคารพ

“นี่ ฝ่าบาทอยู่มั้ย”

“อยู่ครับ!”

ด้วยการพูดแบบเป็นกันเองทำให้สามารถคุยด้วยง่าย แต่ทหารทั้งสองหน่อกลับหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ภายใต้แว่นตานั้น มีอัลมอนด์อายซึ่งมีสีเดียวกับผมของเธอ ทำให้ยากจปฎิเสธ เธอไม่ได้ทาลิบแต่แค่นั้นก็พอจะดึงความงดงามของเธอออกมาแล้ว

“งั้นขอเข้าไปหน่อยนะ” เธอพูดพร้อมกับยกมือเบาๆ

“ครับ! โซฟิร่า แวน โฮวเทน ได้มาถึงแล้ว!” แล้วทหารทั้งสองก็เปิดประตูออก

เธอเข้าไปข้างใน ที่นี่คือสำนักปกครองแห่งสหพันธรัฐฟอเรสเทียนั่นเอง

การที่อยู่ทางเหนือของพอนโซเนียทำให้อากาศนั้นค่อนข้างเย็นแม้ว่าจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม

ทั้งเสาที่ทำจากไม้ โต๊ะและเก้าอี้ที่มีไว้เพื่อรับแขก และโต๊ะทำงาน ทุกอย่างล้วนเป็นไม้ทั้งสิ้น ถ้าให้เจาะจงคือมันมาจากต้น กีวี่ที่มีลวดลายไม้สวยงามที่ถูกเรียกว่า “ลายเส้นของพระเจ้า” นั่นเอง

ข้างในห้องนั้นมีคนอยู่แปดคน มีเจ็ดคนยืนอยู่ และอีกคนกำลังนั่งที่เก้าอี้และนั่นก็คือเด็กสาวคนนึงที่น่าจะมีอายุไม่ถึงสิบขวบนั่นเอง ถ้าเป็นมนุษย์นะ

“มาแล้วสินะ”

ผมสีทองที่หาได้ไม่ยากนักในแถบนี้ ตาสีแดงที่ส่องประกายราวกับอัญมณีที่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูล

“ดีใจที่ได้พบนะคะ ท่านราชินี มาร์คิวดู ผู้ปกครองแห่งสหพันธรัฐฟอเรสเทียและตัวแทนแห่งเอล์ฟ”

“…….”

ราชินีทำหน้าเอือมระอาเมื่อเห็นเธอคุกเข่าให้ แต่ในขณะเดียวกันอีกเจ็ดคนที่เหลือกลับรู้สึกพึงพอใจ

“ไม่ต้องเป็นทางการนักหรอก ลุกขึ้นซะ ส่วนพวกที่เหลือกลับไปได้แล้ว” ราชินีสั่ง

พวกนั้นยิ้มออกมา ซึ่งนั่นหมายความว่า “ไม่” ทุกคนนั้นดูเหมือนว่าจะมาจากหลายๆประเทศ สี่คนเหมือนมาจากพอนโซเนีย หนึ่งในนั้นมีตาสีแดงเหมือนมาร์คิวดู และมีคนหนึ่งที่มีผิวขาวซีด ทุกคนนั้นสวมชุดที่ดูเหมือนจะเป็นชุดประจำชาติที่ต่างกัน

“ฝ่าบาท พวกเราคือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากประเทศที่ได้รับความรักของพระเจ้าครับ พวกเราจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องท่านครับ…..”

“ได้ยินรึไง ข้าบอกให้ออกไปซะ รึว่าเสียงของข้าจะถูกตุ้มหูของพวกเจ้าบังไว้รึ”

“……..”

ชายคนที่พูดนั้นมีตุ้มหูมากมายห้อยอยู่ และใช่หน้าหงายไปเลย

“ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะมีพลังพอที่จะคุ้มกันข้าจากคนที่ไหนก็ไม่รู้ที่แอบย่องเข้ามาในห้องนี้ได้หรอกนะ”

“…หวังว่าท่านจะไม่มาเสียใจภายหลังนะครับ”

ทั้งเจ็ดคนเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับมองไปที่โซฟิร่าที่คุกเข่าอยู่

ทันทีที่ประตูปิด มาร์คิวดูก็เดินออกมา เธอใส่ชุดที่ดูเรียบแต่หรูหรา  มันถูกถักจากเส้นใยระดับสูง สร้อยคอที่ดูธรรมดานั้นบรรจุเวทที่มีไว้เพื่อคุ้มครองเธออยู่แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สังเกตุเห็นเลย

“คิดว่าไงล่ะ พวกนั้นน่ะพยายามเอาหน้าอยู่ทุกปีเลยล่ะนะ”

“ก็นะ ยังไงพวกนั้นก็ถูกเปลี่ยนอยู่ทุกปีอยู่แล้ว แล้วพวกนั้นก็เหมือนจะมีปัญหากับท่านด้วย”

“หา?”

“ก็ท่านยังเด็กเกินไปนี่นา”

โซฟิร่ายืนขึ้น โทนเสียงเปลี่ยนไปเป็นแบบไม่ทางการ จากนั้นก็เตรียมชาแล้วนั่งลงที่ตรงหน้าของมาร์คิวดู

“อารายน้า ข้าน่ะแก่กว่าเจ้านะยะ รู้มั้ย!!!”

“ก็นั่นไงล่ะ ทำตัวเหมือนเด็กๆเลย เอาหน่อยมั้ย”

“อื้ม ขอน้ำตาลเยอะๆด้วย”

โซฟิร่ายักไหนเหมือนจะบอกว่า [เห็นมั้ยล่ะ อย่างกับเด็ก] แต่มาร์คิวดูไม่รู้แต่อย่างใด

เธอนั้นอาจจะทำตัวเหมือนเด็กก็จริงแต่ว่า เธอก็เป็นถึงราชินีของสหพันธรัฐ โซฟิร่านั่งลงที่โต๊ะประจำตำแหน่ง โต๊ะของรัฐมนตรีนั่นเอง เธอขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ด้วยอายุเพียง 22 ปีเท่านั้น 

มาร์คิวดูนั้นเป็นเชื้อสายของเชื้อพระวงศ์แห่งคิริฮัลผูปกครองแคว้นหนึ่งในฟอเรสเทีย ผู้ปกครองของแคว้นอื่นนั้นจะถูกสับเปลี่ยนอยู่เป็นระยะ ซึ่งรอบนี้นั้นเป็นรอบของคิริฮัล ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่มีพลังสูงสุดในเหล่าเชื้อพระวงศ์ก็ตาม แต่เธอก็มีเวลาทำงานเหลืออีกแค่สี่ปีเท่านั้น

 โซฟิร่านั้นเกิดในครอบครับของข้าราชการ ตัวเธอนั้นเป็นคนที่มีความสามารถด้านนี้เป็นอย่างมาก และไม่มีใครกล้าเข้ามาแหยมกับเธอ ตอนที่สหพันธรัฐแห่งนี้ประสบปัญหาด้านการเงิน เธอก็เป็นคนที่กอบกู้ที่นี่เอาไว้ด้วยการปฏิรูปภาษี

ทั้งสองคนนั่งลงในตำแหน่งของตน สิ่งที่รอคอยทั้งคู่อยู่คือเหล่าผู้แทนจากแต่ละแคว้น ซึ่งถูกส่งมาในนามของ”ผู้ให้คำปรึกษา” แต่ว่าที่จริงแล้วมาคอยเฝ้าระวังเท่านั้น

ทั้งคู่นั้นต่างตกเป็นเป้าของความริษยากันทั้งคู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วบนทางสายนี้

“ฮ้า! ชาของเจ้านี่มันดีจังเลยน้า”

“ไม่มีข้าราชการคนไหนที่ชงชาเก่งไปกว่าฉันอยู่แล้วล่ะ”

หูของมาร์คิวดูกระดิกอย่างน่ารักน่าชัง(เติมเองจ้า) ดูเหมือนนี่จะเป็นนิสัยส่วนตัวของเธอเวลาที่เธออารมณ์ดีและผ่อนคลาย

“เอ้อนี่ ได้ยินข่าวของทางพอรโซเนียบ้างมั้ยอะ” มาร์คิวดูถาม

“ได้ข่าวว่าวุ่นวายกันเลยนี่นา แต่ก็เข้าใจได้ล่ะนะ อยู่ดีๆก็มีผู้ท้าชิงบัลลังก์โผล่ออกมานี่นา”

“ตอนที่ท่านวาล์วกับข้าติดต่อกันเมื่อห้าปีก่อน ทีแรกข้านึกว่าเป็นแค่ตาแก่เลอะเลือนธรรมดาซะอีก แต่ดูจากที่เขาฟังคำแนะนของเจ้าแล้วดูท่าว่าเขาจะเป็นคนมีของมากเลยนะนั่น”

“เห็นด้วยเลยล่ะ ดูเหมือนว่าลุงแกจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าจะเจอเมืองที่สาบสูญด้วยนี่นะ”

“ประวัติศาสตร์ที่ถูกล่วงรู้แค่ภายในบางตระกูลสินะ……”

มาร์คิลดูนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธอได้เจอกับชายแก่ครั้งแรก ตอนนั้นเป็นช่วงที่เธอกับลงหมดรงเพราะงานเดอกสาร แล้วอัคไลอาก็พาชายแก่คนหนึ่งเข้าพบ ซึ่งในบางครั้งลางสังหรณ์ของอัคไลอานั้นนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่สุดยอดเลยทีเดียว

[มันมีอยู่นะ เอกสารที่สามารถยืนยันสายเลือดของราชาน่ะ ถ้าเราเจอล่ะก็ เราจะเตะราชาในตอนนี้ลงจากบัลลังก์ได้เลยล่ะ]

กราฟาสตี้นั้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากมาร์คิลดู

และสำหรับเธอนั้น แผนของชายแก่เองก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นผลเสียอยู่แล้วด้วย แล้วอีกอย่างราชาของพอนโซเนียนั้นมีแผนที่จะรุกรานอาณาจักรอื่นอยู่แล้วด้วย

ดังนั้น โซฟิร่าจึงได้ให้คำแนะนำไป

อย่างแรกคือให้เสนอกับราชาไปว่าจะขอทุนเพื่อทำการสำรวจดันเจี้ยนเพื่อที่จะค้านหาอารยธรรมที่สาบสูญ และถึงจะไม่ได้มาก็จะยังได้สมบัติอยู่ดี

ต่อมาคือการพาอัคไลอาไปด้วย ตระกูลของกราฟาสตี้นั้นไม่ค่อยจะมีผู้สนับสนุนหรือผู้คุ้มกันเท่าไร เพราะงั้นอัคไลอาจะทำให้งานของกราฟาสตี้ง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก และอีกอย่าง ถ้าหากว่ากราฟาสตี้คิดจะหักหลังฟอเรสเทียก็ให้อัคไลอาเก็บซะ

สุดท้ายคือการหาช่องทางการติดต่อ ถึงราชาของพอนโซเนียจะเป็นพวกสาระยำยังไงแต่ว่าเขานั้นก็เป็นพวกที่ขี้ระแวงอีกด้วย ดังนั้นถ้าเกิดว่าเขารู้ว่ากราฟาสตี้ติดต่อกับฟอเรสเทียร์คงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ดังนั้นเรื่องนี้จึงฝากให้อัคไลอาเป็นผู้จัดการโดยการส่งข้อความผ่านผู้คนมากมาย

กราฟาสตี้นั้นทำตามคำแนะนำทุกอย่างและพบกับสิ่งที่ต้องการ

เขานั้นพยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามแผนโดยการดึงกลิด์นักผจญภัยเข้ามาเอี่ยวด้วย และได้ทำการก่อตั้งสมาพันธ์วิจัยสิ่งโบราณแห่งพอนโซเนียขึ้นมาโดยมีราชาเป็นคนอนุญาต รวมถึงพบว่าราชวงศ์โพเอลซีเนียมีส่วนเกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนเมืองใต้ดินของเทพโบราณอีกด้วย

และถึงแม้ว่าราชาจะปฏิเสธสิ่งที่กราฟาสตี้หยิบยกขึ้นมา แต่ว่าม้วนกระดาษที่เป็นสิ่งยืนยันที่สามารถดูได้จากกิลด์นักผจญภัยอยู่ดี เพราะเป็นองค์กรอิสระ

และแน่นอนว่ากิลด์นักผจญภัยจะต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว พนักงานกิลด์สาขาดันเจี้ยนนั่นจะรู้มั้ยนะว่าตัวเองน่าจะถูกราชาไม่พอใจเพราะรายงานของตัวเองแน่ๆ

“ควินแบลนคงจะโล่งอกไปเลยล่ะมั้ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าพอนโซเนียน่าจะทำอะไรไม่ได้ไปพักใหญ่เลยล่ะ”

“หวังว่าท่านวาล์วนั่นจะไม่ถูกฆ่านะ”

“ญาติของเธอน่าจะจัดการได้อยู่นี่นา”

“ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเธอจะจัดการได้นี่นา แล้วอีกอย่างพอนโซเนียเองก็มีพ่อหนุ่มนั่นอยู่นี่….”

“อ๊ะ จริงด้วย หมอนั่น….”

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้อง ทั้งคู่ต่างนึกถึงเด็กหนุ่มที่สวมหน้ากากเทพสุริยันผ้าคลุมสีดำ ที่โผล่มาในห้องนี้

————————————————–

กลับมาแล้วคร้าบบบบบบบบ พักนี้ตัวแตกบ่อยไปหน่อยฮะ แหะๆ ขอโทษฮับ

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset