อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 61

ตอนที่ 61 ชายผมเขียว

              จดรายละเอียดของเควสเก็บสมุนไพรเอาไว้ ก่อนจะไป “คลังข้อมูล”—-ของกิลด์นักผจญภัย—-เพื่อตรวจสอบแผนที่รอบๆกับสมุนไพร

              เนื่องจากเป็นเควสเก็บของเลยไม่ต้องลงทะเบียน ถ้าเก็บเสร็จค่อยเอาไปให้ที่เคาน์เตอร์ก็พอ

              ถึงตอนนี้จะยังไม่เที่ยง แต่ว่าจะออกไปทำเควสพรุ่งนี้ เพราะต้องไปซื้อเครื่องนอนก่อน

              ตอนที่ฮิคารุกับลาเวียออกมาจากกิลด์นักผจญภัย

              “ขอเวลาพวกเธอสักครู่ได้ไหม”

              “——–”

              ฮิคารุหันกลับไปอย่างระมัดระวัง

              ตรงนั้นมีชายผมเขียวยืนอยู่

              “มีเรื่องที่อยากจะถามอยู่ ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่า?”

              เขามีผมยาวสีเขียว โดยมัดรวบไว้ด้านหลัง

              จากบรรยากาศดูเป็นปัญญาชน แตกต่างกับชายผมบลอนด์เมื่อครู่

 

              [โซลบอร์ด] รีก = เรียวกิ(ยักษ์เขียว) = ลูมาเนีย

              อายุ 19 ระดับ 4

              11

              [พลังเวท]

                 [ปริมาณพลังเวท] 1

                 [ความถนัดเวท]

                    [ดิน] 1

              [ความชำนาญ]

                 [เชี่ยวชาญเครื่องมือ]

                    [เครื่องปรุงยา] 1

              [สังหรณ์]

                 [ประกายความคิด]

                    [ประดิษฐ์] 1

                 [ความรู้]

                    [คำนวณ] 1

 

              สายนักวิชาการสินะ

              พอมองดูดีๆ ตรงนิ้วกลางกับนิ้วนางของมือขวามีตุ่มแปลกๆอยู่ น่าจะเกี่ยวกับ “เครื่องปรุงยา” หรือเปล่านะ

              “นายเป็นเพื่อนของคนผมบลอนด์นี่ จะมาเอาคืนฉันเหรอ?”

              “อ้า จำได้ด้วย คิดว่าจะเป็นคนที่ไม่สนใจคนอื่นซะอีก ต้องขอโทษเรื่องที่เขาเสียมารยาทด้วย ถึงจะมีเรื่องให้มาเรียน แต่เหมือนจะเป็นการกำจัดตัวปัญหาของทางบ้านน่ะ……ดังนั้นเลยค่อนข้างไวต่อคำว่า ‘ไร้ความสามารถ’ หรือว่า ‘ใช้การไม่ได้’ อยู่ เพื่อเป็นการขอโทษ ขอให้ฉันเลี้ยงอาหารได้หรือเปล่า?”

              “คิดว่าผมขัดสนเรื่องอาหารการกินขนาดนั้นเลยเหรอ?”

              “ไม่เลย คิดว่าคงกินของหรูด้วย แต่ฉันอยากแนะนำร้านอาหารอร่อยๆให้รู้จัก เป็นร้านชื่อดังที่ถ้าไม่มีคนแนะนำจะไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้ารู้จักแล้วครั้งหน้าจะมาใช้งานได้อีก”

              “…………..”

              ถ้ารับข้อตกลงก็จะกลายเป็นติดหนี้ แต่ถ้าจะให้พูดฮิคารุเองก็ชอบอาหารที่อร่อย

              “ดูเหมือนจะต่อรองสำเร็จสินะ เชิญทางนี้เลย”

              “ยังไม่ได้บอกว่าจะไปสักคำ”

              “ถ้าถูกปากคุณก็คงจะดีอยู่หรอก—-อ้อ จะว่าไปคุณชื่ออะไรเหรอ?”

              ตั้งแต่มาที่โลกนี้ เพิ่งจะมีคนนี้เป็นคนแรกเลยที่พูดตามใจชอบอย่างนี้

              “เอาเถอะ……ถ้ามีอะไรแปลกๆค่อยหนีด้วย “อำพรางหมู่” ก็ได้

              คิดๆดูแล้ว คงไม่มีอะไรอันตรายไปกว่า “เมืองทวยเทพใต้พิภพ” หรอก

              “คนคนนั้นสุดยอดเลยนะเนี่ย พูดกับฮิคารุไม่หยุดเลย”

              “ลาเวีย ไม่ต้องประทับใจอะไรแปลกๆก็ได้……”

              “บอกว่าคุณฮิคารุอย่างนั้นเหรอ ฉันรีก…..ส่วนตระกูลคงไม่จำเป็นหรอก เรียกแค่รีกก็พอ”

              เขาเข้ามาพูดคุยด้วย

              แต่น่าแปลก ที่ไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลย

              บางทีเพราะการพูดของรีกมันไม่มีอารมณ์ด้วยก็ได้ หรือเพราะเขาไม่ได้ให้ความสนใจลาเวีย

              แน่นอนว่ายังคงระวังอยู่เพราะยังรู้สึกว่า “ไม่รู้คิดอะไรอยู่”

              ในระหว่างที่เดินเข้าไปในย่านที่อยู่อาศัยพร้อมกับใช้ “ตรวจจับพลังเวท” จนมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง มันให้บรรยากาศแบบว่าถ้าอยู่ที่กีพอนโซเนียคงเป็นคฤหาสน์ของพวกขุนนางเลย

              รีกหยุดอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์นั้น

              “ที่นี่แหละ”

              “……เท่าที่ผมดูแล้วก็เป็นแค่คฤหาสน์ธรรมดานี่?”

              “นั่นแหละคือสิ่งที่น่าอวด ถ้าไม่ใช่คนของตระกูลลูมาเนียแนะนำมาจะไม่สามารถเข้าไปได้ไง”

              “ถ้าผมถูกใจแล้วอยากจะมาคนเดียวก็ไม่ได้สิ เมื่อกี้บอกว่าจะมาใช้เมื่อไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

              “………….”

              รีกตบมือดังป๊าบ

              “อ้า พลาดจุดนี้ไปซะได้……”

              เขากุมศีรษะแล้วคู้ตัวลง

              “อ้า……เอาไงดี ไม่รู้จักร้านอาหารร้านอื่นแล้วด้วยสิ? ถ้าเป็นอย่างนี้ ฉันคงต้องทำอาหารเองแล้ว……ไม่เป็นไร อาหารเองก็คล้ายกับการปรุงยาน่าจะพอไหวอยู่ จากการคำนวณน่าจะไม่มีปัญหาอะไร ฉันเองมีประสบการณ์ในการทำฟลูคอร์สอยู่แล้วด้วย”

              “รอก่อนสิ มีคำพูดที่ชวนหวั่นใจหลุดออกมาด้วย”

              แล้วรีกก็ยืนพรวดขึ้นมา

              “ถ้างั้นเปลี่ยนร้านกันเถอะ ไปที่อพาร์ตเมนต์ของฉันแทน”

              “ไม่ไปหรอก นายไม่เคยทำอาหารไม่ใช่เหรอ?”

              “…………ไม่เป็นไรหรอก”

              “ทำไม “เว้นนาน” เนี่ย มันยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่”

              “จากการคำนวณไง”

              “มันไม่มีการคำนวณอะไรอย่างนั้นหรอก—-เข้าใจแล้วกินที่นี่ก็ได้ จริงอยู่ที่มาคนเดียวไม่ได้แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ลิ้มรสกันพอดี ว่าแต่มันอร่อยแน่นะ?”

              “ใช่แล้ว เขาลือกันอย่างนั้น”

              “……ลืองั้นเหรอ”

              “ตอนฉันกินพอจะนึกภาพของวัตถุดิบออกอยู่หรอก แต่ไม่รู้หรอกว่าอร่อยหรือไม่อร่อย”

              “แล้วอย่างนี้คิดจะทำอาหารให้ผมกินเนี่ยนะ?”

              พอเข้าไปในคฤหาสน์ที่รีกแนะนำ ก็มีพ่อบ้านกับเมดเข้ามาต้อนรับ

              ห้องรับประทานอาหารเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด ถึงเขาจะแนะนำชั้น 2 แต่ฮิคารุบอกว่าอยากอยู่ชั้น 1 และไม่ชอบอะไรที่เหมือนถูกปิดกั้น เลยขอห้องที่มีหน้าต่างด้วย

              “อย่างนี้นี่เอง คุณฮิคารุสงสัยว่าการชวนของฉันเป็นกับดักหรือเปล่าสินะ? เป็นการวิเคราะห์ที่สมเหตุสมผล ฉันเองก็ไม่อยากกินข้าวกับคนที่น่าสงสัยหรอก”

              “พูดเองอย่างนี้มันไม่น่าเศร้าไปหน่อยเหรอ?”

              ผมมีอารมณ์ผันผวนน้อยกว่าคนอื่น เลยไม่คิดว่าน่าเศร้าหรอก”

              ฮิคารุคิดว่าเขาเป็นคนแปลกๆ อย่างไรก็ตาม

              “…………”

              “ฮิคารุเป็นอะไรเหรอ?”

              “เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าทำไมลาเวียไม่เข้ามาคุยด้วย ตอนคุยกับอาจารย์กล้ามยังโกรธอยู่เลยนี่”

              “จะว่าไปต้องบอกว่าไม่ค่อยใส่ใจแล้ว—-เอ๊ะ ฮิคารุเห็นฉันโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ?”

              “ก็ค่อนข้างนะ”

              “อ้า ทำไงดี ฮิคารุหรือว่าฉันจะเป็นพวกหึงหวงสูงงั้นเหรอ? ไม่เคย……คิดอะไรอย่างนั้นมาก่อนเลย”

              “เขามีทฤษฎีว่า ความหึงหวงสูงก็เป็นความรักรูปแบบหนึ่งไง”

              รีกที่บอกว่าอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยผันผวนพูดแทรกขึ้นมา ส่วนลาเวียพูดว่า “คะ ความรักเนี่ย เรื่องอย่างนั้น แต่ว่า……” ด้วยความลนลาน

              (ลาเวียที่เป็นอย่างนี้ก็น่ารักดีแฮะ)

              ฮิคารุคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรก็ช่าง

              แล้วอาหารก็ค่อยๆถูกยกมาเสิร์ฟ

              ต้องบอกว่าเป็นอาหารพื้นบ้านของลูมาเนียบ้านเกิดของรีก มากกว่าที่จะเป็นของสหพันธรัฐ

              กลิ่นของไวน์ขาวที่ออกมาจากชีสเหลวร้อนๆจำนวนมาก ก่อนจะเอาพวกวัตถุดิบอาหารลงไปชุบชีสนั้น—-หรือก็คือชีสฟองดูว์

              “เป็นไงบ้าง ค่อนข้างแปลกใช่ไหม?”

              รีกพูดออกมาด้วยความภูมิใจ

              “ขอถามเผื่อไว้หน่อย บ้านเกิดของนายเลี้ยงสัตว์และผลิตนมบนทุ่งที่ราบสูง แล้วส่งออกพวกผลิตภัณฑ์จากนม—-เนยอ่อนหรือเนยแข็งราคาถูกด้วยใช่ไหม แล้วก็มีเก็บพวกก้อนเนยเอาไว้เป็นเงินฉุกเฉิน—-อะไรอย่างนั้นใช่ไหม?”

              “ตรวจสอบมาดีนะเนี่ย๑ ก็อย่างนั้นแหละ”

              นี่มันวัฒนธรรมที่พวกมาเกิดใหม่เอามาเผยแพร่เหรอ……

              “อย่างนี้นี่เอง……จะว่าไปจู่ๆ ‘ในช่วงหนึ่ง’ วัฒนธรรมนั้นก็เผยแพร่ ‘อย่างรวดเร็ว’ สินะ”

              “ใช่แล้ว จริงอยู่ที่มีผู้ริเริ่มทำอุตสาหกรรมนมอยู่—-”

              พอถามชื่อ ดูเหมือนจะไม่ใช่ทั้งคนญี่ปุ่น คนฝรั่งเศสหรือคนสวิสเลย เป็นชื่อของคนทางโลกนี้หรือว่าจะเป็นผู้กลับมาเกิดใหม่

              คงมีบ่อยที่มีคนกลับชาติมาเกิดหรือคนที่ถูกวาปมาก่อให้เกิดอิทธิพลต่อโลกนี้ แต่คงไม่ได้ส่งผลกระทบมากสักเท่าไร เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้สร้างพวกเครื่องจักรไอน้ำหรือยาเพนิซิลลิน

              เพราะอะไรกันนะ?

              จากการคาดเดาของฮิคารุ โลกนี้มี “เวทมนตร์” และแนวคิดเรื่อง “พระเจ้า”—-ที่คอยสนับสนุนเกี่ยวกับ “อาชีพ” อยู่หรือเปล่า—-

              ต่อให้ผู้เกิดใหม่ หรือถูกวาปมา แต่พวกเขาไม่ได้มีความสามารถโกงๆที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ ไม่ได้มีของที่เหมือน “โซลบอร์ด” ของฮิคารุ

              เซริก้า ทาโนะอุเอะ ถึงจะเป็นนักผจญภัยชั้นยอด แต่ก็หยุดอยู่แค่ระดับ B ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะหยุดอยู่ตรงนั้นด้วยตัวเอง

              แต่เธอจะมีชื่อเสียงในระดับโลกหรือเปล่านี่สิ

              “ขอถามอะไรอีกสักอย่าง รู้จักนักผจญภัยที่ชื่อเซริก้า ทาโนะอุเอะหรือเปล่า?”

              “……? ไม่รู้จักนะ เป็นคนมีชื่อเสียงเหรอ?”

              “ถ้าไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากนะรีก”

              แค่นั้นสินะ

              เพราะมี “เวทมนตร์” กับ “อาชีพ” เลยไม่มีความจำเป็นต้องพัฒนาเทคโนโลยี การจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าจะพัฒนาด้านการแพทย์ สู้ใช้ “เวทมนตร์รักษา” น่าจะได้ประสิทธิภาพที่ดีและเร็วกว่า

              (……แต่น่าจะมีคนจำนวนมากที่คิดหาเงินอยู่อย่างแน่นอนนี่? ถ้ามีคนอย่างนั้นอยู่ แล้วเอาอารยธรรมของโลกมาละก็ คงก่อให้เกิดเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อยู่หรอก……? ยกตัวอย่างเช่นดินปืน. ปืน—-ปืนลูกโม่………เดี๋ยวสิ)

              แล้วฮิคารุก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

              ราชวงศ์ที่เก่าแก่อย่างโพเอลซิเนีย จะต้องมีผู้กลับชาติมาเกิด หรือถูกวาปมาไม่ผิดแน่ๆ

              เขา หรือพวกเขา ตั้งใจจะขับเคลื่อนยุคสมัยแบบรวดเดียว

              แต่มีอะไรบางอย่างที่ไม่พอใจสิ่งนั้นอยู่

              เจ้าพวกนั้นส่งยักษ์มา—-เพื่อทำลายล้างอารยธรรมให้สิ้นซาก

              (ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าเจ้าพวกนั้นเป็น “พระเจ้า” อาจจะเป็นประชากรโดนประเทศกดขี่ใช้เวทมนตร์ต้องห้าม……หรือไม่ก็อาจจะเป็นยักษ์ที่ผู้กลับมาเกิดใหม่สร้างขึ้นมาก็ได้)

              “ฮึๆๆๆ”

              ในขณะที่ฮิคารุใช้ความคิดรีกก็หัวเราะออกมา

              “จากที่เรียกว่า ‘นาย’ แล้วจู่ๆมาบอกว่า ‘รีกขอบคุณนะ’ รู้สึกจะสนิทขึ้นมากเลยนะเนี่ย?”

              “หนวกหู ไม่ต้องมาได้ใจเลย”

              “อือ ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหาหรอก ดูเหมือนนายจะเป็นพวกที่ซ่อนอาการเขินเก่งไง ฉันรู้ดีว่า นายเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักไง”

              เจ้าหมอนี่พูดตามใจ—-ในตอนที่คิดอย่างนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ฮิคารุรู้สึกถึง “ความตั้งใจจริง” ที่รีกพูดออกมา

              การเคลื่อนไหวของเหล่าคนรับใช้ที่มาเสิร์ฟอาหารได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี แถมตอนที่ปฏิบัติตัวกับรีกก็ยังเต็มไปด้วยมารยาทและความน้อบน้อม เขาจะต้องเป็นคนสำคัญใน “วงศ์ตระกูล” ของประเทศลูมาเนียไม่ผิดแน่ๆ

              แต่ฮิคารุก็ยังแสดงออกอย่างไม่สุภาพกับรีกที่เป็นคนระดับนั้น รีกเองก็พยายามคิดไม่ให้เหล่าคนรับใช้ทำอะไรที่รุนแรง เพื่อป้องกัน “เหตุไม่คาดฝัน” 

              “……เป็นห่วงเอาเรื่องเลยนะเนี่ยรีก”

              “ขอบคุณสำหรับคำชม คุณฮิคารุเองก็ไหวพริบดีนะ ติดอันดับต้นๆของคนที่ผมเคยพบมาเลย”

              “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

              ไม่รู้ทำไมลาเวียถึงได้แสดงความภูมิใจออกมา

              “คุณหนูลาเวียอาหารเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

              “ดูเหมือนจะใช้ไวน์ขาวชั้นยอดเพื่อกลบกลิ่นของเนยอยู่ แต่ดูเหมือนจะแรงเกินไปทำให้รสชาติของเนยเสียไปด้วย ถ้าใช้ของถูกกว่านี้น่าจะเพลิดเพลินกับรสของเนยได้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ?”

              “……อย่างนี้นี่เอง คุณหนูลาเวียเองก็เป็นชนชั้นสูงเหมือนกันสินะ อาจจะเป็นความเอาใจใส่ของพ่อครัวก็ได้ เพราะว่าเนยของลูมาเนียกลิ่นค่อนข้างแรง เลยพยายามปรุงให้ได้รสกลมกล่อมสำหรับคนต่างประเทศไงครับ ให้ตรวจสอบก่อนที่จะเอาออกมาเสิร์ฟ—-ฝากบอกพ่อครัวทีนะ”

              รีกบอกกับคนรับใช้ แล้วเขาก็โค้งศีรษะลง

              “รับทราบแล้วครับ”

              ก่อนจะอกจากห้องไป

              เท่านี้ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว

              “มีเรื่องอยากจะไหว้วานคุณฮิคารุหนึ่งเรื่องครับ”

              มาแล้ว ฮิคารุคิดเช่นนั้น

              ไม่มีทางชวนฮิคารุมากินข้าวโดยไม่มีเป้าหมายหรอก

              แต่ถ้าบอกออกมาชัดเจนอย่างนี้ ทางนี้ก็ค่อยรับมือได้ง่ายหน่อย—-

              “—-อยากให้ช่วยรับเควสทีครับ”

              “อันไหนเหรอ?”

              “อยากให้รับเควส ‘ใบริวจินกะ’ ครับ ในกรณีที่ทำสำเร็จ ผมจะจ่ายเพิ่มให้เท่ากับรางวัลที่ทางกิลด์ตั้งไว้ให้ครับ”

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset