อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 82

ตอนที่ 82 แผนการของรีก

                เคธี่ซักถามอย่างละเอียด ซึ่งมันใช้เวลา 1 ชั่วโมงนิดๆ

                ฮิคารุที่แทบหมดแรงตรงข้ามกับเคธี่ที่ตาเป็นประกายเพราะได้รับข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับ “มานาศักดิ์สิทธิ์”—-ก่อนจะเอากระสุนที่ได้ไปซ่อนอย่างมิดชิด

                พอฮิคารุออกจากห้องวิจัย เหล่าผู้ช่วยที่ยังเอาตัวแนบติดประตูก็ล้มครืนลงมา

                ลาเวียที่ได้ประสบการณ์หฤโหดในคาบเรียนดาบสั้น ไม่ได้บอกว่าจะไม่เข้าร่วมอีก แต่กับคาบเรียนอุปกรณ์เวทมนตร์—-เคธี่บอกว่า “ครั้งหน้าต้องมาเข้าให้ได้” —-ลาเวียเลยบอกว่าอยากจะไปเข้าเรียนพร้อมกับฮิคารุ

                เลยบอกเคธี่กับรีกว่าจะไปเข้าเรียน แถมฮิคารุเองก็ไม่ได้ยุ่งมากเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เข้าเรียนวิชาอุปกรณ์เวทมนตร์

                “ดีจังเลย ที่มาเรียนด้วยอย่างนี้”

                คาบถัดไปของวิชาอุปกรณ์เวทมนตร์

                รีกที่พาผู้หญิงมา 3 คนดูค่อนข้างยินดี คิดว่าตราบเท่าที่ 3 คนนี้ยังอยู่ คงพูดเกี่ยวกับความลับไม่ได้แท้ๆ—-แต่พอเริ่มคาบเรียนก็เข้าใจได้ทันที

                (นอนแล้ว……)

                3 คนนั้นหลับกันอย่างโจ่งแจ้ง ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่ได้สนใจคาบเรียน แต่มันสุดยอดไปเลยที่ดื้อดึงมาเข้าร่วมเพราะอยากจะอยู่กับรีก

                (คุณฮิคารุ)

                รีกพูดเสียงเบาๆ

                เนื่องจากพวกเธอหลับขนาบซ้ายขวาของรีกอยู่ ทำให้ฮิคารุกับลาเวียไปนั่งอยู่ด้านหลังเขา

                รีกเขียนข้อความ ก่อนจะส่งมาให้

                ‘คุยผ่านการเขียนกระดาษกันเถอะ ข้อความให้คุณฮิคารุรวบรวมแล้วเผาทีได้ไหม?’

                (ทำเป็นเขียนคุยกับสาวมัธยมปลายไปได้)

                ในระหว่างที่คิดอย่างนั้น ก็รู้เลยว่ารีกแทบไม่มีอิสระเลย ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ

                ‘รับทราบ แล้วอยากจะคุยเรื่องอะไรเหรอ?’ 

                ‘อยากจะผูกสัมพันธ์กับนักเรียนที่มีอำนาจจากอีก 6 ประเทศให้ได้ก่อนเริ่มฤดูหนาวปีหน้า เพราะอย่างนั้นเลยอยากจะขอยืมพลังของคุณฮิคารุที’

                ‘ทำไมถึงเป็นผม ทำด้วยตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ’

                ‘นักเรียนดาบใหญ่ของจาราซักล้วนเป็นนักเรียนหัวกะทิของจาราซัก ซึ่งพวกเขาสนใจในตัวคุณอยู่ กว่าที่ฉันจะเป็นเพื่อนกับโรเย่ได้ก็ใช้เวลาตั้งหลายเดือน แต่คุณใช้เวลาแค่ 1 วันเอง’

                ‘เจ้าพวกนั้นมันพวกบ้ากล้ามเนื้อไง ผมไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับพวกนั้นหรอก’

                ‘ผลลัพธ์คือทุกอย่าง ฉันอยากจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้น เพราะอย่างนั้นแล้วจะจ่ายค่าตอบแทนเท่าที่ให้ได้เลยครับ’

                ‘ค่าตอบแทนน่ะไม่ต้องหรอก ไม่ได้มีหน้าที่อย่างนั้นอยู่แล้ว แล้วไม่รู้จักนักเรียนคนอื่นนอกจากจาราซักด้วยนี่สิ’

                ‘เข้าหาท่านซิลเวสเตอร์ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? เขารู้แล้วว่าคุณฮิคารุเรียนอยู่ที่นี่ เลยมาสมัครเป็นนักเรียนเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้แล้วครับ’

                “…………”

                ฮิคารุกำลังจะเขียนว่า “จริงดิ” ลงไป แต่ก็มีข้อความอันใหม่มาก่อน

                ‘อาจารย์เคธี่ของโคโทบี้เองก็สนใจในตัวคุณฮิคารุ แถมดูเหมือนจะสนใจที่พวกเรากำลังส่งข้อความกันตั้งแต่เมื่อครู่แล้วด้วย ถ้าอาจารย์เคธี่ให้ความร่วมมือแล้วละก็จะหานักเรียโคโทบี้เข้ามาได้ง่ายขึ้น เท่านี้ก็ได้ 4 จาก 7 ประเทศแล้ว คิดว่าฉันจะเมินการคงอยู่ของคุณได้เหรอ?’

                ‘แค่บังเอิญ’

                เขียนไปแค่นั้น

                (บอกว่าบังเอิญเนี่ยมันไม่เกินไปหน่อยเหรอ)

                แล้วลาเวียที่อยู่ข้างๆก็กระซิบออกมา

                (ที่ว่าเกินไปเนี่ยมันยังไง คิดได้แค่ว่ามันบังเอิญเท่านั้น)

                (ฮิคารุยุ่งเกี่ยวกับคนค่อนข้างเยอะไง)

                (ท่าถนัดของผมคือ “อำพราง” นะ)

                (ซ่อนไม่มิดหรอก น่าจะต้องซ่อนตัวอยู่ในเงาของคนที่โดดเด่นกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?)

                อย่างนี้นี่เอง……มีเหตุผลอยู่

                ‘อย่ามาใช้ผมเป็นที่กำบังได้ไหม’

                รีกได้ยินเสียงที่กระซิบกันหรือเปล่า เลยพูดดักหน้าไว้ก่อน

                ‘รีก คนที่พูดเรื่องนี้คือนาย ดังนั้นนายต้องเป็นหัวเรือหลัก’

                ‘ให้ท่านซิลเวสเตอร์ดีกว่า เขาเกิดที่ซูบร้าที่เดียวกับผู้อำนวยการ ถ้าเป็นเขาน่ะทำได้เป็นปกติ’

                รีกขายเพื่อน(ที่กำลังจะเป็นหลังจากนี้) อย่างง่ายดาย

                ‘ผมเองยังสงสัยอยู่ว่าจะทำเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์กของนักเรียนได้ดีพอหรือเปล่า?’

                ‘ไม่ลองไม่รู้หรอกครับ แต่มีค่าควรแก่การลองอยู่ ถ้าไม่ลองก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไงครับ’

                เป็นวามคิดในแง่บวก

                แต่ก็เชื่อที่รีกบอกว่า “ควรทำ” ดังนั้นทำดีกว่า

                เพราะว่าถูกจับตาอยู่ เลยลงมือเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้แท้ๆ

                (เอาไงเหรอ?)

                ลาเวียถามมา

                คงสงสัยว่าถ้าฮิคารุปฏิเสธจะเป็นยังไงหรือเปล่า? ให้โรเย่เคลื่อนไหวแทน? หรือไม่ก็ให้นักเรียนผมแดงอีกคนทำเหรอ?

                คนที่เกิดในลูมาเนียอย่างเขา การจะเข้าไปอยู่ในใจของนักเรียนคนอื่นได้มันใช้เวลาค่อนข้างนาน คงเป็นเพราะประวัติศาสตร์ในอดีตที่คอยขวางกั้นอยู่

                ดังนั้นเป็นฮิคารุอาจจะดีก็ได้ ถึงจะมีข้อเสียตรงที่เป็นคนของพอนโซเนีย แต่นักเรียนส่วนใหญ่เห็นประเทศอื่นอีก 6 ประเทศเป็นอุปสรรคมากกว่าพอนโซเนีย

                ถึงจะบอกว่าเอาอย่างไรดี

                สำหรับฮิคารุแล้ว—-“มันยังไงก็ได้”

                เริ่มกันเลย

                อย่างไรก็ตาม มาใช้ความคิดจากการที่ได้ฟังความคิดเห็นของรีกจนถึงตอนนี้ก่อน

                เขาหันหน้าฟังการสอนของเคธี่ ฟังบ้างหันกลับมาบ้าง ที่จริงคงอยากฟังฮิคารุกับลาเวียคุยกันมากกว่า น่าจะอยากรู้ว่าฮิคารุกำลังคิดอะไรอยู่

                ฮิคารุนึกในใจ

                (แปลกดีนะเนี่ย……ที่ตระกูลชั้นนำของลูมาเนียมาขอร้องคนต่างประเทศอย่างผม)

                เขาคงโดนไล่ต้อนอย่างหนัก

                ถึงจะโดนไล่ต้อน แต่ก็อยากจะไล่ตามอุดมคติของตน

                อุดมคติที่จะรวมสหพันธรัฐทั้ง 7 ให้เป็นหนึ่งเดียว

                (……ลงเรือลำเดียวกันดีไหมนะ)

                ปฏิเสธไม่ได้ว่าเคลื่อนไหวเพราะความมุ่งมั่นของรีก ถึงจะเป็นห่วงที่รีบร้อนอย่างนี้ก็ตาม 

                มีความคิดว่าถ้ายังเรียนต่อไปมันคงเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต “จะทำก็ได้” อยู่

                ถ้าอยากจะอาศัยอยู่ในโลกที่สงบสุขแห่งนี้แล้วละก็ อยากให้สหพันธรัฐฟอเรสเทียรวมเป็นหนึ่งเดียวอยู่

                แต่ เหนือสิ่งอื่นใด—-การที่สนใจเรื่องเพ้อฝันที่ดูอ่อนหัดอย่างนี้ อาจจะเพราะว่าฮิคารุมีคนที่พูดคุยทุกอย่างได้ด้วยแล้วก็เป็นได้

                (เพราะเธอนั่นแหละ)

                เขาคิดในใจพร้อมกับมองดูสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ

                ลาเวียทำหน้างงๆ พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย

                ‘จะให้ความร่วมมือเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน’

                ฮิคารุเขียนแค่นั้นแล้วส่งให้รีก

                แต่ ยิ่งคืบหน้าไปเท่าไร ก็ยิ่งลำบากกับผู้หญิงที่เฝ้าจับตาดูรีก

                เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าจะให้ยื่นเรื่องกับโรงเรียนเพื่อยืม “ห้องวิจัย” ถ้าได้ห้องมาแล้ว ระหว่างการวิจัยพวกสาวๆลูมาเนียคงไม่ตามมาด้วย……เอาเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน

                ถึงจะมีส่วนที่ดูน่าสงสัยนิดหน่อย แต่จากที่พวกเธอมาหลับกันในคาบอุปกรณ์เวทมนตร์อย่างนี้ คิดว่าคงไม่เฉียดเข้ามาห้องวิจัยก็ได้ ส่วนรีกเขียนว่า “จะซื้อวัตถุดิบกลิ่นไม่ดีเยอะๆเข้ามา” 

                ฮิคารุมุ่งหน้าไปห้องวิจัยของเคธี่หลังจบคาบเรียนอุปกรณ์เวทมนตร์ เหล่าผู้ช่วยวิจัยพอเห็นฮิคารุก็ทำสีหน้ารังเกียจออกมา แต่พอเห็นเขามากับลาเวียก็เข้าใจว่าไม่ใช่ศัตรูความรัก สีหน้าเลยดูอ่อนลง

                “อ้อ ทุกคนไม่จำเป็นต้องออกจากกห้องก็ได้ครับ”

                พยายามยิ้มออกมาอย่างเต็มที่—-เลยโดนลาเวียที่อยู่ด้านหลังบอกว่า “รอยยิ้มน่าสงสัย”—-แต่อาจจะได้ผลก็ได้

                พอบอกว่าไม่ต้องให้ผู้ช่วยวิจัยออกจากห้อง เคธี่เลยทำสีหน้าผิดหวังสุดๆราวกับต้องการจะสื่อว่า “เอ๊ะ? ไม่เกี่ยวกับเรื่อง ‘มานาศักดิ์สิทธิ์’ เหรอ? แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

                “ถึงจะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่มีเรื่องขอร้องอาจารย์ 2 เรื่อง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”

                “อะไรเหรอ?”

                “อย่างแรกคือ อยากขออนุญาตใช้ห้องวิจัยครับ”

                “โอ้ว! ในที่สุดฮิคารุคุงก็หลงใหลการวิจัยอุปกรณ์เวทมนตร์แล้วสินะ!”

                “ไม่ใช่ครับ นักเรียนชายที่ชื่อรีกแห่งตระกูลลูมาเนียทำเรื่องขอมาครับ ถ้าได้อาจารย์มาช่วยคิดว่าคงได้รับอนุญาตทันที”

                “ลูมาเนีย……รีก……?”

                เคธี่ทำสีหน้าแบบว่า “ไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ผู้ช่วยวิจัยที่อยู่ข้างๆ เลยกระซิบกับเคธี่

                “อ้อ นักเรียนของเผ่าลูมาเนียแปลกๆ ที่มาขอเรียนกับฉันสินะ”

                “มันแปลกจริงๆสินะ?”

                “ถ้าเป็นนักเรียนทั่วไปคงไม่แปลกอะไรหรอก แปลกตรงตระกูลต่างหาก ถ้าแค่นั้นก็ได้ วันนี้พามาที่สำนักงานของฉันได้เลย”

                “อะ อาจารย์ นักเรียนของลูมาเนียนะครับ?”

                ผู้ช่วยวิจัยส่งเสียงคัดค้านขึ้นมา

                “แล้วยังไง? เธอเองก็อยากได้ห้องวิจัยงั้นเหรอ? ถ้างั้นจะรีบจัดการ—-”

                “มะ ไม่เป็นไรครับ! ผมชอบห้องวิจัยของอาจารย์เคธี่มากๆเลยครับ!”

                ผู้ช่วยวิจัยร้อนรนเพราะนึกว่าจะโดนไล่ออกจากห้อง

                กะแล้วเชียวว่าหมายตาเคธี่เอาไว้

                “หือ? เอาเถอะถ้าพอใจที่นี่ก็ดีไป—-ฮิคารุ แล้วอีกเรื่องล่ะ?”

                “อยากให้ช่วยแนะนำนักเรียนจากโคโทบี้ให้หน่อยครับ”

                “แนะนำนักเรียน?”

                “จริงๆแล้ว คิดจะหาสถานที่เพื่อเอาไว้แลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆจากคาบเรียนครับ เลยอยากให้มีนักเรียนของโคโทบี้เข้าร่วมด้วย”

                หน้าตาของเคธี่บอกออกมาว่า “ถ้างั้นฉันเองก็เข้าร่วมได้หรือเปล่า?” แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ไม่มีทางแลกเปลี่ยนข้อมูลของ “มานาศักดิ์สิทธิ์” ได้อยู่แล้ว

                “ผมแทบจะไม่รู้จักคนภายในโรงเรียนเลย ถ้าหากมีสถานที่ให้แลกเปลี่ยนความรู้คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องดี นักเรียนที่อาจารย์เคธี่แนะนำมาก็น่าจะต้องยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ใช่ไหมทุกคน?”

                พอหันไปถามเหล่าผู้ช่วย ทุกคนก็ตอบมาว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”, “ถ้าเป็นอาจารย์เคธี่แล้วละก็” ออกมา

                “งั้นเหรอ ถ้างั้นมีเหมาะสมอยู่คนหนึ่ง”

                เคธี่พูดออกมา

                “น้องสาวของฉันไง”

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset