เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล – ตอนที่ 44.1

บทที่ 44

ฟีเรนเทียตักเค้กรสหอมหวานใส่เข้าปาก ในขณะที่ยังคงจับตามองผู้หญิงคนนั้นต่อไปเรื่อยๆ

แคทเธอรีนคนนี้ดูผิวเผินอาจจะกำลังดื่มด่ำกับชาอย่างผ่อนคลาย แต่สายตาของนางกลับกำลังยุ่งอยู่กับการสำรวจเหล่าลูกจ้างของลอมบาร์เดียที่ทำงานอยู่รอบๆ

ในสายตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความสุขและความอบอุ่น ราวกับได้กลับมายังบ้านที่ไม่ได้กลับมาเสียนาน

อย่างน้อยก็มากพอที่จะทำให้รู้ว่าตระกูลลอมบาร์เดียมีความหมายเช่นไรต่อนางผู้นี้

“เทีย นี่อร่อยมากจริงๆ นะ ว่ามั้ย”

เป็นคิลลีวูนั่นเอง เด็กนี่มานั่งร่วมวงตักเค้กกินกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขากำลังหัวเราะแหะๆ ขณะที่รอบริมฝีปากเปรอะไปด้วยครีมสีขาวในขณะที่เอ่ยพูด

“ไปเอามาเพิ่มดีมั้ย”

เมโลนเหลือบมองคิลลีวูพลางถาม

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกินอย่างอื่นต่อดีกว่า”

“อืม งั้นถ้าอยากกินอะไรก็บอกนะ”

เมโลนตีหลังมือของคิลลีวูที่ตั้งใจจะตักเค้กที่เหลือชิ้นสุดท้ายเข้าปากเสียงดัง ‘เพียะ’ ในขณะที่ส่งยิ้มให้เธอ

เด็กดีจริงๆ

ฟีเรนเทียส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ แล้วช่วยตักเค้กชิ้นนั้นใส่ปากเมโลนแทน

ไม่รู้ทำไมแก้มของเมโลนถึงได้ดูจะขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย

ช่วงนี้ดูเหมือนพวกเขาจะสูงขึ้นเล็กน้อยอยู่เหมือนกัน แต่ดูจากที่ยังคงชอบกินของหวานๆ เหมือนเคย เขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กที่ยังไม่โตอยู่ดีนั่นแหละ

“เค้กก็กินกันแล้ว งั้นตอนนี้ก็ต้องไปเดินเล่นกันหน่อยแล้วละ”

พอเห็นเธอพูดแบบนั้นแล้วขยับตัวลุก สองแฝดก็รีบเดินตามหลังเธอมาทันที

ถึงแม้จะคล้ายกับเป็นแม่เป็ดที่พาเหล่าลูกเป็ดตัวสีเหลืองเดินต้วมเตี้ยมห้อยตามมาเป็นพรวน แต่มันก็ยังดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการที่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเดินลับๆ ล่อๆ อยู่คนเดียว

ฟีเรนเทียแสร้งทำเป็นเดินชมโน่นนี่ พลางเดินเข้าไปใกล้โต๊ะของแคทเธอรีนอย่างเชื่องช้า

“อ๊ะนั่นเครย์ลีบัน เพลเลสนี่นา”

เธอกำลังหยิบคุกกี้วางลงบนฝ่ามือของสองแฝดที่ยื่นออกมาอย่างน่ารักน่าชังคนละชิ้น แต่แล้วก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของพวกผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

พวกเขามองไปยังเครย์ลีบันที่อยู่อีกฝั่งของงานเลี้ยงในขณะที่ซุบซิบกันไม่หยุด

เพราะหากคนนอกมองว่าเธอกับเขาสนิทสนมกัน มันคงจะไม่มีอะไรดี วันนี้เครย์ลีบันจึงเว้นระยะห่างกับเธอ

“วันนี้ก็มีสาวๆ รายล้อมเต็มไปหมดเหมือนเคย”

บทสนทนานั่นฟังดูแล้วเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พอใจเครย์ลีบันมากทีเดียว

ความจริงแล้วคนที่รายล้อมอยู่รอบกายเครย์ลีบันไม่ได้มีแค่พวกผู้หญิงเท่านั้น และถึงแม้เครย์ลีบันจะปฏิบัติตัวกับคนอื่นๆ ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่ แต่เขาก็มีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนเข้าหาตัวอยู่เหมือนกันละมั้ง เพราะถึงจะมีไม่มากนัก แต่ก็ยังมีข้าราชการชายหลายคนที่พยายามจะสนิทสนมใกล้ชิดกับเครย์ลีบัน

แต่ก็นะ ผู้หญิงก็เยอะกว่าจริงๆ

“ดูสีหน้าเลือดเย็นนั่นสิ ผู้ชายมารยาททรามแบบนั้น พวกผู้หญิงไปชอบตรงไหนกัน”

“ก็นั่นน่ะสิ”

เธออยากจะบอกพวกขี้แพ้น่าสมเพชพวกนี้เสียจริง

ก็ตรงใบหน้านั่นยังไงล่ะ

ใบหน้าหล่อเหลานั่นแหละคือความเป็นไปได้!

ทว่าตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่ ฟีเรนเทียจึงทำเพียงแค่เหลือบมองผู้ชายพวกนั้นด้วยความสมเพชหนึ่งครั้ง แล้วค่อยๆ ขยับกายต่อ เดินผ่านไปทีละโต๊ะๆ

และในที่สุดเธอก็เคลื่อนตัวไปจนถึงข้างๆ โต๊ะของแคทเธอรีนได้สำเร็จ

เธอต้องชวนคุยตอนนี้ให้ได้

จะหาข้ออ้างอะไรดีล่ะ

แต่แล้วในตอนที่เธอกำลังใช้หัวสมองครุ่นคิดอยู่แบบนั้น

“ขอโทษนะคะ”

ฟีเรนเทียก็ได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นจากด้านหลัง

“โอ๊ะ!”

คนที่ย่อเข่าลงอย่างช้าๆ กล่าวทักทายห่างจากพวกเธอไปสามก้าวพอดีก็คือ แคทเธอรีนนั่นเอง

“แคทเธอรีน บราวน์ค่ะ”

ฟีเรนเทียกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะโผล่หน้าออกไปทักทายยังไงถึงจะดูเข้าท่าแท้ๆ โชคดีจริงๆ ที่อีกฝ่ายเป็นคนเข้าหาเธอก่อน

“รู้จักพวกเราหรือครับ”

พอคิลลีวูเบิกตากว้างเอ่ยถาม แคทเธอรีนก็หัวเราะเล็กน้อย

“จะไม่รู้จักทายาทสายตรงของท่านเจ้าตระกูลได้ยังไงล่ะคะ”

“แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใครสักหน่อย”

เมโลนเอียงคอด้วยความงุนงง

“เป็นเพราะน้ำหนักความสำคัญของใจที่มอบให้ลอมบาร์เดียแตกต่างกัน พฤติกรรมก็ย่อมแตกต่างกันไปเป็นธรรมดาค่ะ”

หมายความว่านางมีความรู้สึกรักใคร่ลอมบาร์เดียมากเป็นพิเศษ ขนาดที่ให้ความสนใจแม้กระทั่งพวกเราที่ยังเป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ

จู่ๆ เธอก็นึกถึงความทรงจำในวันเก่าๆ ที่เคยช่วยงานอยู่ข้างกายท่านปู่ขึ้นมา

วันที่ฝนตกลงมาหนักจนมองภาพตรงหน้าไม่ชัด แคทเธอรีนในวัยกลางคนเดินทางเข้ามาพบท่านปู่ พวกเขาสนทนากันสั้นๆ เพียงแค่ครู่เดียว

และตอนที่ออกไปจากคฤหาสน์ นางก็เดินออกไปโดยฝ่าสายฝนที่ตกลงมาหนักดั่งคมหอกแต่ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนั้น นางก็ยังเอาแต่เหลียวหลังหันกลับมามองด้วยความอาลัย

ฟีเรนเทียไม่อาจลืมภาพนั้นไปได้พักใหญ่เลยทีเดียว

ถึงแม้จะร่วมมือกับเฟเรสและหันหลังให้กับลอมบาร์เดีย เพื่อแก้แค้นศัตรูของตระกูลบราวน์ แต่นางก็คงจะเจ็บปวดใจมากจริงๆ

“สวัสดีค่ะ ข้าชื่อฟีเรนเทียค่ะ”

เธอเอ่ยทักทายอย่างสุภาพและมีมารยาทมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ตอนที่พบกันครั้งสุดท้ายยังเป็นแค่คุณหนูตัวน้อยที่เพิ่งเริ่มหัดเดินอยู่เลย ช่างเติบโตมาได้งดงามมากจริงๆ นะคะ”

ความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในนัยน์ตาของแคทเธอรีนยามมองเธอนั้นมาจากใจจริงอย่างแน่นอน ก่อนอื่นเธอต้องพูดคำรื่นหู มอบความประทับใจที่ดีแก่แคทเธอรีนให้ได้

มีคำชมอะไรที่ดีพอให้นางรู้สึกชอบใจได้บ้างนะ

เธอกำลังครุ่นคิด แต่แล้วก็นึกถึงคำพูดดีๆ ที่เหมาะสมขึ้นมาได้

ฟีเรนเทียเอ่ยถามแคทเธอรีนด้วยนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับยิ่งกว่าเดิม

“แต่ถ้าเป็นตระกูลบราวน์…งั้นก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านฝีมือฟันดาบมากสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอคะ!”

“ตายจริง คุณหนูทราบชื่อเสียงตระกูลของพวกเราได้ยังไงคะเนี่ย”

แคนเธอรีนดูตกใจ แต่ขณะเดียวกันนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก

เธอรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างแคทเธอรีนกับน้องชายของนางที่ใกล้จะรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าตระกูลจากผู้เป็นลุงนั้นค่อนข้างจะพิเศษอยู่มากถึงแม้จะแยกตัวออกมาทำงานอยู่คนเดียวในสถานที่ห่างไกลอย่างเมืองหลวง แต่แคทเธอรีนก็ยังรักคนในครอบครัวและตระกูลเป็นอย่างยิ่ง

“ก็สองคนนี้เอาแต่พูดเรื่องประวัติศาสตร์รากฐานการฟันดาบของอาณาจักรว่าเป็นยังไงทุกวันเลยน่ะสิคะ ทำเอารู้สึกอยากรู้ขึ้นมาจนต้องไปหาหนังสืออ่านดูเลยละ ถึงได้ทราบว่าวิชาการฟันดาบที่เป็นพื้นฐานของอาณาจักร เดิมทีเคยถูกเรียกว่า ‘วิชาดาบตระกูลบราวน์’ น่ะค่ะ!”

Related

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

Status: Ongoing Native Language: Korean
อ่านเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูลเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟีเรนเทียพบว่าเธอได้ย้อนกลับมายังอดีตในสมัยที่เธอเพิ่งจะอายุได้แค่ 7 ขวบ เพื่อช่วยตระกูลลอมบาร์เดียและชีวิตของพ่อ เธอจึงตั้งใจว่าจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset