เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 104 – กองทัพมาแล้วว

Chapter 104 – กองทัพมาแล้วว

ด้านนอกเมืองภูเขาหยก

ไม่เพียงแค่มีอาวุโสสาขานอกเท่านั้น แม้กระทั่งผู้อาวุโสที่มีสถานะสูงในสาขาในของนิกายเมฆครามก็มาเช่นกัน.

เหตุผลที่เขามาที่นี่เพราะซูซางเฟยและเฉินซ่ง

เหล่าศิษย์ทั้งสองนี้จะเป็นคนที่เขามาในสาขาในในอนาคต ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็เหมือนกับมีคนมาระเบิดนิกาย.

พวกเขาจะแสดงให้โลกเห็นว่า นิกายเมฆครามมีประสิทธิภาพมากแค่ไหนและพวกเขาก็เป็นผู้นำในรัศมีหนึ่งล้านกิโมเมตร ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ก่อความววุ่นวายเพราะมีเพียงผลลัพธ์เดียว เมื่อมีคนที่มาตอแยนิกายเมฆครามคือ ตายสถานเดียว!

อาวุโส 3 คนและศิษย์ชั้นยอดกว่า 200 คนได้ล้อมประตูทางทิศตะวันออก กลิ่นอายของพวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้.

มีหลายร้อยคนที่นั่งอยู่บนสัตว์ปีศาจระดับ 3 ที่พ่นลมหายใจออกมาจนเห็นไอสีขาวด้วยความหยิ่งยโสของมัน พวกเขาไม่ต่างจากกองทัพสัตว์ร้ายที่มาข่มขู่ผู้คน.

“ครึ่นนน~…”

ฟ้าแลบแปร๊บปร๊าบและเมฆดำเริ่มก่อตัว ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้นและความรู้สึกไม่ดีเริ่มก่อตัวราวกับว่าพายุกำลังจะเกิดขึ้น.

“ข้าไม่อาจสักผัสกลิ่นอายของทั้งสามคนได้.”

“พวกเขาตายไปแล้ว?”

ชายเคราขาวที่นั่งอยู่บนแคร่ยักษ์ที่มีคิ้วสีขาวที่กำลังขมวดด้วยความหงุดหงิด.

ข้างๆเขาเป็นชายอีกคนที่ตะโกน “เป็นไปไม่ได้! ทุกคนที่อยู่ภายในเมืองภูเขาหยกเล็กๆแห่งนี้จะสามารถทำร้ายศิษย์ของนิกายเมฆครามเราได้อย่างไรกัน? ใครกันที่มีความกล้าขนาดนั้น?”

ทั้งสองคนเป็นอาวุโสที่อยู่นิกายชั้นใน คนที่อยู่บนแคร่ชื่อ หลิวซางเฟิง ซึ่งเป็นคนเลือกเฉินซ่งให้เป็นศิษย์สายตรงของเขา ชายชราอีกคนชื่อ จางก๋ง และเขาก็มีแผนที่จะรับซูซางเฟยเป็นศิษย์สายตรง นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่.

ด้านหลังพวกเขาทั้งสองเป็นเฉินเทียนเหยาที่เป็นอาวุโสชั้นนอก.

เฉินเทียนเหยามีการแสดงออกที่ผ่าเผยบนใบหน้าของเขา ความรู้สึกที่ทรงพลังของเขากวาดออกไปและครอบคลุมเมื่อภูเขาหยกทั้งหมดและค้นห้าอย่างต่อเนื่อง อีกครั้งและอีกครั้ง…

เมืองภูเขาหยกมีประชาชนไม่กี่พันคน ด้วยความหนาแน่นของประชากรที่มากเช่นนี้กับการที่ส่งผ่านความรู้สึกกวาดออกไปยังผู้คนทั้งหมด แสดงให้เห็นถึงการบ่มเพาะที่น่ากลัวของเขาว่ามีมากแค่ไหน.

สักพัก…

เฉินเทียนเหยาก็ขมวดคิ้วและพูด “อาวุโสทั้งสอง กลิ่นอายของทั้งสามไม่ได้อยู่ในเมือง เป็นไปได้หรือไม่ ที่ลูกชายของข้า…”

เสียงของเขาสั่นเล็กๆ

เฉินเทียนเหยาตกตะลึงด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขณะที่เพลิงแห่งความโกรธของเขาประทุขึ้นมา

หลิวซางเฟิงมองไปที่เมืองภูเขาหยกอย่างหมองคล้ำ กลิ่นอายที่ทรงพลังของเขาก็ระเบิดออกมาขณะที่เขาพูดอย่างเย็นชา“เมืองบ้านนอกในที่แห่งนี้กล้าที่จะท้าทายกับตัวตนอันยิ่งใหญ่อย่างนิกายเมฆครามของเรางั้นรึ? พวกเขาแค่รนหาที่ตาย!”

“พวกเขากล้าที่จะฆ่าสาวกของนิกายของเรา? ข้าอยากจะเห็นคนเหล่านั้นจริงๆ.”จางก๋งก็ส่งเสียงฮึ่มอย่างโกรธแค้นออกมา.

เฉินเทียนเหยาส่ายหัวด้วยความรู้สึกสับสนขณะที่เขาพึมพำ“คนที่อยู่ในเมืองภูเขาหยกแข็งแกร่งเพียงแค่ปราณเชี่ยวชาญ ขั้น 9 เท่านั้นและไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของซางเฟยได้ คนที่ฆ่าเขาหนีไปแล้วงั้นรึ?”

“ไม่สำคัญว่าฆาตกรจะหนีไปแล้วหรือไม่ สาวกของนิกายไม่ใช่ใครก็ฆ่าก็ฆ่าได้ ข้าไม่คิดที่ให้มีเมืองเช่นนี้อยู่รอดอีกต่อไป.”หลิวซางเฟิงพูดเบาๆ

ขณะที่เขาพูกจิตสังหารของเขาก็แผ่ออกมา มันทั้งหนาและกดดัน.

ฆ่าคนทั้งเมืองมันไม่ได้ยากสำหรับคนเช่นเขา.

“เข้าเมือง!”

“เราไปที่ตระกูลซูเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อน.”

“สาวกของนิกายจงฟัง! ไปยังประตูทิศเหนือ,ใต้,ออกและตก ทั้งหมด คนเข้ามาได้ แต่ไม่อาจออกไปได่!”

“มันไม่สำคัญหรอกว่าคนที่ฆ่าสาวกของเราจะอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่ภายในต้องถูกฝังไว้พร้อมกับพวกเขา!”

ผู้ปกครองคนทั้ง 1 ล้านกิโลเมตร!

ความกดดันของเขาเป็นที่แน่ใจว่าคนที่กล้ามาแหย่จะต้องเป็นไปอย่างไร?

ทั่วทั้งภูเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงของศิษย์จากนิกายเมฆคราม ที่ได้แสดงถึงการดูหมิ่นราวกับว่าพวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไป.

พวกเขารีบมุ่งหน้าไปที่บ้านของตระกูลซูด้วยพลังทั้งหมด.

ทุกคนที่อยู่บนถนนที่พวกเขามุ่งหน้าไปมีเพียงผลลัพธ์เดียวเท่านั้น ความตาย!

ผู้คนหลายสิบคนที่ตายไปพร้อมกับทางที่พวกเขามุ่งหน้า พวกเขานั้นไร้มนุษย์ธรรมเพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เห็นมนุษย์แบบพวกเขาอยู่ในสายตา พวกเขาเป็นเพียงแค่มดที่มาขวางทางพวกเขา.

พวกเขาถูกกระทืบตายจากคนของนิกาย

นิกายเมฆครามเดินทางเข้ามาอย่างโหดเหี้ยมทำให้เกิดความวุ่นวายบนถนนหลักที่ทางที่เขาเดินผ่าน ทั้งเมืองก็ได้เงียบลงอย่างรวดเร็ว.

“ครึ่นๆ~…”

ฟ้าแล่บกระจายไปทั่วฟ้าและความสว่างเพียงเล็กน้อยก็แสดงให้เห็นถึงใบหน้าของเหล่าศิษย์นิกายเมฆคราม พวกเขาเต็มไปด้วยความชิงชังและเลือดเย็น.

โถงหลักตระกูลลั่ว.

ทุกคนที่นั่งอยู่มีท่าทางที่น่ากลัวอยู่บนใบหน้าของพวกเขา.

พวกเขาไม่คิดว่านิกายเมฆครามจะส่งคนมาที่นี่จริงๆ พวกเขามาถึงรวดเร็วและฉับพลัน.

เขาส่งอาวุโสมาถึง 3 คน สถานการณ์แบบนี้มันไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆนัก!

คิ้วของลั่วเทียนขมวดแน่นและความคิดของเขาก็วิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว เขากำลังหาวิธีแก้ปัญหาของตระกูลลั่วให้สามารถหลบหนีภัยพิบัติได้.

แต่…

เขาไม่สามารถนับเป็นอะไรได้.

ด้วยตัวตนทั้งหมดเพียงแค่หนึ่งคนก็แย่แล้ว เขายังขาดความแข็งแกร่งโครตๆ!

“รายงาน!”

“รายงานผู้นำ สาวกของนิกายเมฆครามส่วนใหญ่ได้ไปถึงตระกูลซูแล้ว สี่ประตูหลักถูกครอบครองโดยพวกเขา คนเข้ามาได้ แต่ไม่อาจออกไปได้.”

คิ้วของลั่วเทียนเลิกขึ้น“แม้กระทั่งเส้นทางหลบหนีของพวกเขาก็ถูกปิดผนึก…”

ซ่งหยวนหนานกดคิ้วลงขณะที่มองไปรอบๆตระกูลลั่ว เขาตัดสินใจและพูดว่า“ผู้นำปล่อยให้ข้าแบกภาระเหล่านี้เอง!”

ทุกคนมองไปที่ซ่งหยวนหนาน.

ซ่งหยวนหนานยิ้มและพูด “ระดับการบ่มเพาะของข้าแข็งแกร่งที่สุดในเมืองภูกเขาหยก ดังนั้นข้าจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบ.”

“นอกจากนี้ ข้ายังมีเหตุผลเพียงพอที่จะโน้วน้าวให้พวกเขารู้ว่าข้าฆ่าพวกเขา เนื่องจากเหล่าศิษย์ของนิกายทำร้ายตระกูลของข้า ดังนั้นข้าจึงฆ่าพวกเขาเพื่อแก้แค้น ข้าเชื่อว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของนิกายก็คิดว่าข้าต้องเป็นคนทำเรื่องเหล่านี้.”

มีเหตุผล?

โลกนี้หมัดใครแข็งกว่าคนนั้นก็มีเหตุผล.

เจ้ากำลังลองทำอะไรบางอย่างกับอาวุโสของนิกาย? เจ้าล้อเล่นงั้นรึ?

แน่นอนซ่งหยวนหนาน รู้ความจริงเหล่านี้ เขาเพียงแค่พูดเพื่อหวังที่จะให้ลั่วเทียนปล่อยให้เขาเป็นคนแบกภาระทั้งหมด.

เมื่อซ่งหยวนหนานพูดจบลั่วเทียนก็ลุกขึ้นและพูด “ไม่มีทาง!”

“ข้าคือผู้นำตระกูลลั่ว เพราะงั้นถ้าใครจะเป็นคนแบกภาระเหล่านั้น มันต้องเป็นข้าเอง.”

“นอกจากนี้พวกเขายังถูกข้าสังหารซึ่งทั้งเมืองก็ได้เห็น พี่ชายซ่งข้าไม่อาจให้ท่านเสี่ยงชีวิตเช่นนี้ได้.”

อย่างหนึ่งคือเขาจะปล่อยให้คนอื่นแบกภาระเหล่านั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ลั่วเทียนยังไม่เคยกลัวปัญหา.

เขาไม่รู้สึกกลัวใดๆแม้ว่าเขาจะเผชิญกับนิกายเมฆคราม

ลั่วเทียนต้องทำทุกอย่างและไม่อาจย้อนกับไปได้เพราะว่าเขาเป็นเสาหลักของตระกูล

ซ่งหยวนหนานต้องการที่จะโต้เถียงแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหลัง.

“ตูม~!”

ทางเข้าโถงหลังของตระกูลถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีศิษย์จากนิกายมา 4 คน มีบาดแผลมากมายบนร่างกายของพวกเขา เลือดที่ไหลออกมามากจนใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว.

พวกเขามาไวมาก!

“นี่คือสถานที่ๆถูกเรียกว่าตระกูลลั่ว?”

“พวกเขาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าขยะ.”

“ข้าเดิมพันว่าผู้นำของพวกเขาต้องเป็นขยะอย่างแน่นอน.”

ศิษย์นิกายทั้ง4เริ่มพูดด้วยความรังเกียจ.

หนึ่งในตระกูลลั่วเดินออกมาและตะโกนด้วยความโกรธราวกับสิงโต“ผู้นำไม่ได้เป็นขยะ เจ้าหน่ะสิขยะ! ทั้งนิกายของเจ้าเป็นขยะ!”

ในหัวใจของพวกเขาลั่วเทียนเป็นดั่งจุดสูงสุดในการดำรงอยู่ เขาไม่ใช่ใครก็ตามที่จะมาดูถูกได้.

เมื่อเขาพูดเสร็จแล้ว ศิษย์จากนิกายก็มองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยามก่อนที่จะเดินเข้าไปทีละก้าวๆพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“เจ้าสุนัข สิ่งที่เจ้าพูดไม่อาจพูดได้เพียงสามคำนั่นคือ นิกาย-เมฆ-คราม?”

เฉินเทียนเหยามีความโกรธอยู่เต็มใบหน้าขณะที่เขามองไปที่ซูเม่ยอย่างเย็นชา“เจ้าแน่ใจหรือว่าลั่วเทียนอยู่ด้านใน?”

ซูเม่ยพยักหน้าของเธอขณะที่มีพวงรีดสีขาวอยู่คล้องคออยู่ ด้วงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาและใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความเสียใจ เธอตอบว่า “ข้ามั่นใจ ข้าได้ส่งคนไปเฝ้าตระกูลลั่วเพื่อรอให้ท่านมาแก้แค้นให้กับพี่ชายของข้า,เฉินซ่งและพี่ใหญ่เฉินหวู่”

ตาของเฉินเทียนเหยาเปลี่ยนไป พลังปราณเชี่ยวชาญสุดยอดได้ระเบิดออกมา พลังปราณของเขาที่ถูกเติมเต็มไปด้วยจิตสังหารของเขาที่ซึ่งได้ห้อมล้อมคฤหาสน์ตระกูลลั่วทั้งหมด จากนั้นเขาก็คำรามด้วยความโกรธ “ลั่วเทียน คืนชีวิตของลูกชายข้ามา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset