เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 11 –บิดาคนนี้จะบอกเจ้าให้ว่ามีคุณสมบัติอะไร

Chapter 11 –บิดาคนนี้จะบอกเจ้าให้ว่ามีคุณสมบัติอะไร

ตอนเช้า ที่สนามฝึกตระกูลลั่ว

แม้ว่าจะผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงของตอนเช้า สถานที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยภาพที่มีชีวิตชีวา.

การรวมตัวที่สนามฝึกซ้อมนี้เป็นกลุ่มสาวกเด็กของตระกูลลั่ว ทุกคนมีจิตวิญญาณที่เร่าร้อนและตาของเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง.

การแข่งขันล่าสัตว์ที่มีปีละครั้ง

นี่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของตระกูลลั่วทุกปี ซึ่งยังเป็นการประเมิณสาวกของตระกูลไปในตัว.

สำหรับเหล่าสาวกรุ่นเยาว์นี่เป็นเวลาที่จะแสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาบนเวทีและเป็นสิ่งที่จะให้พุ่งทะยานไปถึงสวรรค์.

กลายเป็นสาวกหลักของตระกูลและยังได้รับทรัพยากรณ์การเพาะปลูกที่มากขึ้น เป็นจุดดึงดูดความสนใจของตระกูลลั่วที่จะช่วยให้พวกเขาเดินหน้าต่อไปได้ในอนาคต.

ในทวีปเทียนหยวนการบ่มเพาะทักษะต่อสู้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อให้นักสู้ทุกคนได้ก้าวเดินต่อไป.

การแข่งขันล่าสัตว์ก็เท่ากับเป็นก้าวแรกในชีวิตจริงของพวกเขา!

ในสนามฝึกมีกลุ่มผู้คน 3-5 คนที่กำลังคุยกันว่าใครจะชนะในปีนี้.

ในเวลานั้น…

มีสองร่างก้าวเข้ามาในสนามฝึก.

หนึ่งอ้วนหนึ่งผอม พวกเขาดูเหมือนกับการจับคู่ที่แปลกๆและความเร็วของพวกเขาก็ไม่ช้าหรือเร็วราวกับว่าที่รอบๆไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา.

ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในลานฝึกทุกคนก็หันไปมองหน้าพวกเขาโดนพร้อมเพียงและยังคงมองด้วยสายตาแปลกๆ.

ลั่วเทียนยกยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มบางๆองเขาแสดงถึงการดูถูกเนื่องจากพวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตา.

รอยยิ้มอันเย็นชาทำให้ภาพลักษณ์ของทุกคนดูน่าหัวร่อและรังเกียจ

“นั่นไม่ใช่เศษสวะตระกูลลั่ว? เขามาทำอะไรที่นี่? อาจเป็นไปได้ว่าเศษขยะก็อยากมีส่วนร่วมการแข่งขัน?”

“5555…”

“5555+…”

ทุกคนเริ่มเปล่งเสียงหัวเราะและแสดงให้เห็นถึงความรังเกียจราวกับพวกเขากำลังดูเรื่องตลก.

“ขยะที่ไม่อาจเอาชนะแม้แต่ขอทานอยากจะเข้าร่วมการแข่งล่าสัตว์?”

“คนดูแลคอกม้าที่ต่ำต้อยอย่างเจ้ามีคุณสมบัติใดในการเข้ามายังลานฝึก? ออกไปจากที่นี่ เจ้าไม่อาจเข้าไปได้.”

“ช่ายย ออกไปและหยุดให้ตระกูลลั่วเสียหน้า.”

ทุกคนที่พูดออกมาก็หัวเราะเยาะเย้ยหลังจากที่พูดเสร็จทันที.

หน้าลั่วเทียนยังคงสงบและไม่สนใจคำเยาะเย้ยเหล่านั้น จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา“พวกสวะมือสอง!”

ฟางเล่ยยินอยู่ข้างหลังอย่างสง่าและทำท่าราวกับสัตว์ แต่ละก้าวของเขาไม่อาจเก็บอารมณ์จนเกิดเป็นรอยเท้าของเขาจากร่างที่ใหญ่โต เขาเป็นเหมือนกับช้างป่าที่มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึง มองไปรอบๆที่ฝูงชนเยาะเย้ยลั่วเทียน ใบหน้าของเขาหมองคล้ำและความโกรธก็เต็มแน่นอยู่ในดวงตา กลิ่นอายของสัตว์ร้ายแผ่ออกมาขณะที่เขากำลังตะโกน“เจ้าลองกล้าที่จะพูดอีกครั้ง!”

ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเขาแข็งแกร่งแค่ไหน พวกคนที่กล้าดูถูกลั่วเทียน ฟางเล่ยจะต้องต่อสู้แลกชีวิตให้ได้!

พวกโง่และโง่อย่างมาก

ฟางเล่ยไม่กลั่วเลยสักนิดเมื่อเผชิญหน้ากับสาวกตระกูลลั่วจำนวนมาก ท่าทางที่แข็งแกร่งและมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมราวกับขุนพลข้างราชาของเขา เขาเป็นคนที่กดขี้และกดดันอย่างสมบูรณ์…

“ไอ้สุนัขนั่น เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”

“บางทีเจ้านายที่เป็นดั่งขยะลูกน้องก็เป็นชยะตามไปด้วย เจ้าไม่แสดงความเครารพต่อผู้อาวุโสของเจ้าหน่อยรึ….ถ้าไม่ใช่เพราะกฏของลานต่อสู้ ข้าจะบิดหัวเจ้าออกทันที”

“เจ้าทั้งสองคนกล้าที่จะมายโส ไม่ลองมองดูตัวเองในกระจกว่าเจ้าเป็นขยะประเภทไหน?!”

การเยาะเย้ยก็มาอีกละรอก

ลั่วเทียนดูเหมือนกับทำร้ายใครสักคนที่มีคนเกลียดชังอย่างมากและทุกคนอยากจะไปให้พ้นๆเข้า.

เป็นเพราะการพ่ายแพ้โดยขอทานและทำให้ตระกูลลั่วเสียหน้า?

มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น ตระกูลลั่วทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งและด้วยสถานะผู้นำลั่วจินซาน ทุกคนรู้ว่าลั่วจินซานเกลียดลั่วเทียนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเยาะเย้ย,ดูถูกและทุบตีลั่วเทียน เพียงเพื่อให้ผู้นำพอใจ.

บุคลิกของลั่วเทียนคือ เมื่อคุณทำกับเขา เขาจะตอบแทนเป็นสิบเท่า.

ถ้าพวกโง่นั่นทำไม่ดี บิดาจะต้องมั่นใจว่าจะได้รับการตอบแทนเป็นร้อยๆเท่าหรือพันเท่า!

ฟางเล่ยโกรธจนถึงสวรรค์ร่างกายเขาเคลื่อไหว เขาวิ่งออกไปราวกับรถถังและดวงตาของเขาก็ดูราวกับสัตว์ป่า.

ฟางเล่ยมีชื่อเรียกว่า เจ้าบ้าเล่ย.

ตราบเท่าที่มีปัญหากับลั่วเทียนแม้เพียงเล็กน้อย เขาจะรีบเข้าไปป้องกันทันที มีหลายครั้งที่กระเด็นออกจากลานฝึก.

แต่วันนี้แตกต่าง…

มีสาวกตระกูลลั่วกว่า 100 คนเพราะอย่างนั้นเขารู้สึกแย่จริงๆจากผลที่ตามมาอาจจะรุนแรง.

กฏของตระกูลลั่วระบุอย่างชัดเจนว่าไม่อาจมีการต่อสู้ได้ในลานฝึก ใครก็ตามที่เป็นคนแรกที่ทำจะได้รับโทษอย่างหนัก.

ฟางเล่ยไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น แต่ลั่วเทียนต้องทำ เขาก้าวออกไปป้องกันฟางเล่ยและยิ้มอย่างหนาวเย็นพลางกล่าวว่า“ไม่ต้องสนใจพวกตัวถ่วงเหล่านี้ ข้าได้จำทุกคนที่เยาะเย้ยแล้ว วันหนึ่งจะเป็นวันที่เขาถูกลงโทษ.”

หลังจากที่พูดอย่างนั้นลั่วเทียนก็ไปยืนบนระเบียงและพูดว่า“ข้ามาสมัครการแข่งขัน”

ผู้ที่ดูแลการสมัครคือลั่วฉินซาน.

ลั่วฉินซานเงยหน้ามองลั่วเทียนและเตือนอย่างใจดีว่า “ลั่วเทียน มันไม่เหมาะที่จะให้เจ้าสร้างปัญหา รีบออกไป”

“โว้ ไอ้เศษขยะของตระกูลลั่วต้องการเข้าร่วมแข่งขัน.”

ฝูงชนเริ่มเปิดทางออก.

ลั่วหยู่ที่เอามือข้างหนึ่งโอบเอวซูเม่ยและอีกก็จับใบพัดพร้อมกับทำหน้ารังเกียจขณะที่เขามองไปที่ลั่วเทียนและเยาะเย้ย“เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอรึ?”

ซูเม่ยที่ด้านข้างก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม“เศษขยะที่แพ้กระทั่งขอทานเจ้าจะมีคุณสมบัติได้อย่างไร?”

ลั่วฉินซานยืนขึ้นและยิ้มต่อลั่วหยู่พลางพูดเบาๆ“ลั่วเทียนหากต้องการที่จะเข้าร่วมเข้าต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยปราณพื้นฐานระดับ 3 แค่เดินและออกไปซะ.”

“ตันเถียนของเจ้าพิการและเจ้าไม่มีโอกาสที่จะบ่อเพาะตลอดชีวิตเจ้าต้องการมีส่วนร่วม?”

“ไปและกรีดร้อง หยุดทำให้ผู้คนเสียหน้า.”

“ไปฉี่และมองเงาตัวเองในนั้น เจ้าควรจะถูกไล่ออกจากตระกูลลั่วมาตั้งนานแล้ว.”

อีกคนที่เขาถูกเยาะเย้ยจากผู้คน.

ฟางเล่ยปล่อยเสียงคำรามดั่งสัตว์ป่าราวกับกำลังเคือน.

ความโกรธไม่ช่วยอะไรได้ แต่มันก็วาบผ่านหัวใจของลั่วเทียนก่อนที่เขาจะมองไปที่ลั่วฉินซาน “ผู้ดูแลลั่ว ข้าเชื่อว่ามีกฏอยู่ข้อหนึ่งของตระกูลลั่วว่านายน้อยมีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด เขาสามารถแม้กระทั่งเป็นสาวกกหลักตระกูลลั่วได้เช่นกัน?”

นายน้อยตระกูลลั่ว ผู้นำตระกูลในอนาคต.

นี่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับนายน้อยและการเข้าร่วมกิจกรรมหรือการแข่งจันก็เป็นส่วนหนึ่งของสิทธิพิเศษนี้.

ลั่วฉินซานรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้และเริ่มวิตกกังวล เขารั้งลั่วเทียนด้วยสายตาของเขา แต่ลั่วเทียนก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นสิ่งใด.

ลั่วฉินซานก็ไม่ได้พูดอะไร คนรอบๆก็เริ่มหัวเราะเขา.

“นายน้อยตระกูลลั่ว 5555…”

“เขาเป็นถั่ว? เขาคิดว่าเขาเป็นนายน้อยตระกูลลั่ว? เรื่องตลกนี้เป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิตของข้า 555…”

ลั่วหยู่ชี้หน้าลั่วเทียนและพูด“ไอ้อึนี่เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? พูดว่าเจ้าเป็นนายน้อยตระกูลลั่ว? เจ้าต้องการสิทธิพิเศษงั้นรึ? ตื่นได้แล้วไอ้เศษสวะ!”

ลั่วเทียนหันไปมองและถามอย่างรวดเร็ว“ผู้ดูแลลั่ว มีกฏนี้ในตระกูลหรือไม่”

ลั่วฉืนซานพยักหน้าและถอนหายใจ “มี.”

ลั่วเทียนถามอีกครั้ง“เมื่อช่วงที่บิดาของข้ายังมีชีวิตอยู่และอยู่เบื้องหน้าบรรพบุรุษและบรรดาพี่น้องอาวุโสตระกูลลั่วพร้อมทั้งแต่งตั้งให้ข้าเป็นนายน้อยของตระกูลลั่วและไม่มีใครที่จะสามารถยกเลิกสถานะของข้าได้ในฐานะของนายน้อย นั่นหมายความว่าข้ายังเป็นนายน้อยของตระกลู ดังนั้นข้าขอถามหน่อยว่าข้ามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันหรือไม่?”

มีพยานและมีเหตุผลพอที่ไม่อาจลบล้างมันได้!

ลั่วฉินซานเหลือบมองลั่วหยู่ก่อนที่จะพยักหน้า“สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ตอนนี้…”

โดยไม่รอให้เขาพูดจบลั่วเทียนก็พูด “ข้าจะถามอีกรอบว่าข้ามีคุณสมบัติหรือไม่?”

“ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้หากว่าเจ้าแส่หาความตาย”ลั่วฉินซานคิดกับตัวเองอย่างหมดหนทางก่อนที่จะพูดว่า“มี!”

“มี มารดาเจ้า!”

ลั่วหยู่สถบออกมา “สุนัขแบบไหนกันที่เป็นนายน้อย? นายน้อยของเราคือพี่ลั่วหลินเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแบบไหน?”

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมแข่งขัน เจ้าเข้าใจไหม ไม่มีคุณสมบัติ?”

“ไอ้สวะ ไปนรกและออกไปจากลานฝึก!”

เมื่อถูกเยาะเย้ยซ้ำๆความโกรธของลั่วเทียนก็มาถึงจุดที่เขาไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ลั่วเทียนยกมือขวาของเขาและชี้ไปที่ลั่วหยู่ก่อนที่จะพูดอย่างหนักแน่น “ไอ้เย็ดแม่อย่างเจ้าต้องการคุณสมบัติ?!”

“ดี!”

“บิดาคนนี้จะบอกเจ้าให้ว่ามีคุณสมบัติอะไร!”

หลังจากที่พูดอย่างนั้น…

ลั่วเทียนกำหมัดของเขาและคำรามในใจ “Berserk!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset